หลายคนบนโลกที่อยู่มานานประมาณนึง คงได้เคยพานพบกับหนังที่เล่าเรื่องนักล่าพายุผู้ขี่กระบะคันเก่งบรรทุกอุปกรณ์เก็บข้อมูลทอร์นาโดออกไปในพื้นที่ที่มีแววว่าจะเกิดพายุหมุนกันมาแล้ว แต่นี่จะเป็นการไล่ล่าครั้งใหม่ ที่ไม่ได้เป็นภาคต่อของภาคเดิม แค่หยิบบางองค์ประกอบมาขีดเขียนสร้างเป็นเรื่องราวขึ้นใหม่ที่ได้อารมณ์ของเก่า ใช่แล้ว นายแพทกำลังพูดถึง ‘Twisters’ หรือชื่อไทย ‘ทวิสเตอร์ส’ นั่นแหละครับ
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ภาคต่อ แต่เขาก็หยิบเอาบางอย่างในภาคเก่ามาแต่งเติมให้กลายเป็นเรื่องราวของตัวละครกลุ่มใหม่ อุปกรณ์ตรวจสอบทอร์นาโดยังแอบโผล่มา บางสถานการณ์ยังคงอยู่แต่ถูกปรับเปลี่ยนไป ด้วยซีจีที่พัฒนาขึ้นทำให้สร้างทอร์นาโดได้ละเอียดกว่าเดิม ขณะที่เรื่องราวก็เพิ่มให้ตัวละครมีปมในใจและพยายามจะหลุดออกมา พร้อมกับใส่ปัญหาเรื่องของการหากินกับความเดือดร้อนของผู้คน พาเรื่องโรแมนติกรักสามเส้าให้บังเกิดในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายและการแข่งขัน ชอบที่คู่ของพระนางค่อยๆ เติบโตไม่ก้าวกระโดดเหมือนอย่างในหนังเรื่องอื่น
หนังมีช่วงไคลแมกซ์ยาวๆ ที่พาลุ้นระทึกอย่างมาก มันไม่ใช่หนังภัยพิบัติแบบเพียวๆ ละ แต่ผสมหลาย genre จนกลมกลืนเลยแหละ
เรื่องย่อหนัง ‘Twisters’
เคท คูเปอร์ (Daisy Edgar-Jones จากหนัง ‘Where the Crawdads Sing’) หญิงสาวนักล่าพายุที่เคยร่วมทีมกับกลุ่มเพื่อนในการเผชิญหน้าและทำการทดลองกับทอร์นาโดลูกหนึ่งในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ก่อนจะถอยห่างจากมันไป หลังจากนั้น 5 ปีต่อมา ขณะที่เธอกำลังศึกษารูปแบบของพายุบนหน้าจออย่างปลอดภัยอยู่ในนิวยอร์ก ฮาวี (Anthony Ramos จากหนังเรื่อง ‘A Star Is Born’) เพื่อนเก่าของเธอก็กลับมาหา
เขาชักชวนเธอให้ไปช่วยทำการทดสอบระบบติดตามพายุสุดล้ำที่ใช้เทคโนโลยีของทหาร ก่อนที่เธอจะได้บังเอิญพบกับ ไทเลอร์ โอเวนส์ (Glen Powell จากหนัง ‘Hit Man’) คาวบอยหนุ่มผู้มีทั้งเสน่ห์และความบ้าบิ่น เขามีชื่อเสียงในโซเชียลมีเดียและร่วมมือกับแก๊งเพื่อนยูทูบเบอร์ไล่ล่าพายุ ทำให้กลุ่มของฮาวีและไทเลอร์กลายเป็นคู่แข่งขันในภารกิจสุดเสี่ยงอันตรายนี้
ทั้งเคท ฮาวี และไทเลอร์ พาก๊วนของตนออกเผชิญหน้ากับทอร์นาโดลูกแล้วลูกเล่า ในฤดูพายุที่เริ่มจะรุนแรงมากยิ่งขึ้นทุกที พวกเขาเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อชีวิตในแถบตอนกลางของโอคลาโฮมาเพื่อทำภารกิจที่ตั้งไว้ในใจของแต่ละคน
รีวิวหนัง ‘ทวิสเตอร์ส’
บางคนอาจคุ้นว่าเคยมีหนังที่ชื่อคล้ายกันนี้ เป็นหนังปี 1996 ที่ชื่อ ‘Twister’ จนอาจจะคิดว่ามันเป็นหนังเก่าที่เอามาฉายในโรงรอบใหม่ แต่ไม่ใช่ครับ แม้จะใช้ชื่อเดิมแต่เติม s เข้าไป ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นภาคต่อ เพราะนี่คือเรื่องราวเล่าถึงกลุ่มนักล่าพายุทอร์นาโดเหมือนๆ กัน แต่เป็นเรื่องราวใหม่ ของคาแรกเตอร์กลุ่มใหม่ แต่ยังองค์ประกอบบางอย่างที่ชวนให้รู้สึกว่าหยิบเอาของเดิมเข้ามาเพิ่มใช้
มันเป็นเรื่องราวของเคท ที่เคยอยู่ในกลุ่มล่าพายุมาก่อน แต่เหตุการณ์ครั้งเก่าได้คร่าชีวิตคนที่เธอรักไปหลายคน จนเธอต้องทนอยู่กับความรู้สึกผิดและเฝ้าลงโทษตัวเองเรื่อยมา เธอไม่กล้าที่จะออกไปล่าพายุอีกเลย ไม่ว่าใครจะบอกว่าเธอมีเซ้นส์ดีเรื่องนี้แค่ไหนก็ตาม
อย่างที่ไทเลอร์ว่าไว้ ตัวเลขที่ความแรงของพายุทอร์นาโด EF-1, EF-2 ไล่ไปถึง EF-5 ไม่ได้วัดกันที่ขนาดและความเร็วลมหรอก แต่มันวัดที่ความเสียหายที่ทอร์นาโดสร้างเอาไว้ต่างหาก และความเสียหายก็ไม่ได้เกิดกับทรัพย์สินและผู้คนเท่านั้น แต่หัวใจของเคทก็แหลกสลายไปด้วย เธอจึงไม่เคยเอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับภารกิจไล่ล่าพายุนั้นอีกเลย
จนเมื่อเพื่อนคนเดียวในกลุ่มแก๊งนั้นกลับมาหาเธออีกครั้ง
ฮาวีคือกุญแจดอกสำคัญที่พาเธอกลับไปสู่โลกใบเดิมอีกหน ถ้าไม่ใช่เขา เธอก็คงไม่กลับไป ถึงกระนั้น คนดูก็ยังมองเห็นร่องรอยของบาดแผลที่ฝังลึกในใจของเคทได้อยู่ดี จนเธอได้พบกับไทเลอร์ คาวบอยสุดเท่ผู้บ้าบิ่นและคลั่งไคล้การไล่ล่าพายุ คนที่เข้ามาทำให้เธอได้เห็นอีกมุมมอง ได้เข้าใจในสิ่งที่เธอควรให้ความสนใจจริงๆ และการตัดสินใจครั้งสำคัญก็ส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่รุดหน้าไป
สิ่งที่มองเห็นเด่นชัดจากหนังล่าพายุหมุนเรื่องนี้ ก็คือ เคมีของคู่พระนาง ไม่ว่าใครก็จะบอกเหมือนๆ กันว่า เดซี เอ็ดการ์-โจนส์ นั้นมีเคมีที่เข้ากันได้ดีกับ เกลน พาวเวล เป็นอย่างมาก ราวกับว่าเกลนเกิดมาเพื่อจะเล่นคู่กับสาวสวยหน้าหวานเป็นการเฉพาะ
บทหนังดูไม่รีบเร่งดีในแง่ของพัฒนาการแห่งความสัมพันธ์ เน้นให้ความรู้สึกมันค่อยๆ เดินไปจนคนดูจะไม่เจอฉากจูบของรักที่เร่งรัด ยามที่ตัวละครเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แถมยังทำให้รู้สึกว่านี่มันกำลังจะเป็นความสัมพันธ์แบบรักสามเส้าของเหล่าคนล่าพายุ ก่อนที่จะได้รับรู้ว่าคนกลางเขาจะเลือกใคร
แน่นอนล่ะว่า พระเอกของหนังเรื่องนี้ มันต้องเป็นเจ้าพายุที่โหมกระหน่ำ หมุนวนซัดทุกสิ่งในวงล้อมของมันให้หลุดลอยไปไกล ในหนังภาคนี้ เราจะได้เห็นมันหลายลูกจัดจนคิดว่า ทำให้ทอร์นาโดที่โอคลาโฮมานี่มันช่างมาถี่ซะเหลือเกิน และมาทีไรก็พาเกร็งไปทั้งตัวซะทุกครั้ง ต้องบอกว่า ลูกท้ายสุดที่มาในช่วงไคลแมกซ์ที่แหละที่พาลุ้นสุดตัวยาวๆ ของจริง
ยิ่งเมื่อลองกลับไปดูภาคเก่า เรายิ่งได้เห็นว่าภาคนี้หยิบ element หลายอย่างในภาคนั้นกลับมาใช้ มันทำให้หนังมีกลิ่นอายยุค 90’s ขณะเดียวกันก็มีความเป็นหนังปัจจุบันปะปนกัน อีกอย่างหนึ่งก็คือ คนดูไม่จำเป็นต้องดูหนังภาคเก่ามาก่อน ก็สามารถติดตามเรื่องราวของหนังภาคนี้ได้อย่างสนุก
มันอาจดูเป็นหนังภัยพิบัติ จัดทอร์นาโดมาให้ดูแทบทั้งเรื่อง แต่เอาเข้าจริง บทหนังก็ผสานกับเรื่องโรแมนติกได้ค่อนข้างลงตัว นอกจากพาผู้ชมไปพบกับแง่มุมของบางคนที่ทำมาหากินกับความเดือดร้อนของผู้อื่นแล้ว ก็พาผู้ชมไปพบเจอกับความรักที่ก่อตัวขึ้นท่ามกลางสถานการณ์คับขันของพายุหมุนที่พัดเอาคนที่ใช่ให้มาเจอกันด้วย ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังในหนังภัยพิบัติที่น่าดูในวันนี้
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Twisters / ทวิสเตอร์ส |
กำกับ | Lee Isaac Chung/อี ไอแซก จอง |
เขียนบท | Mark L. Smith |
แสดงนำ | Daisy Edgar-Jones, Glen Powell, Anthony Ramos, Brandon Perea, Maura Tierney, Harry Hadden-Paton, Sasha Lane, Daryl McCormack |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, ระทึกขวัญ |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 117 นาที |
ปี | 2024 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 11 กรกฎาคม 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Universal Pictures, Warner Bros., Amblin Entertainment |
คะแนนหนัง ทวิสเตอร์ส
พล็อตและบท - 8
การดำเนินเรื่อง - 8
การแสดง - 7.5
งานภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
7.8
Twisters
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ภาคต่อ แต่เขาก็หยิบเอาบางอย่างในภาคเก่ามาแต่งเติมให้กลายเป็นเรื่องราวของตัวละครกลุ่มใหม่ อุปกรณ์ตรวจสอบทอร์นาโดยังแอบโผล่มา บางสถานการณ์ยังคงอยู่แต่ถูกปรับเปลี่ยนไป ด้วยซีจีที่พัฒนาขึ้นทำให้สร้างทอร์นาโดได้ละเอียดกว่าเดิม ขณะที่เรื่องราวก็เพิ่มให้ตัวละครมีปมในใจและพยายามจะหลุดออกมา พร้อมกับใส่ปัญหาเรื่องของการหากินกับความเดือดร้อนของผู้คน พาเรื่องโรแมนติกรักสามเส้าให้บังเกิดในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายและการแข่งขัน