ผมไม่ค่อยมีเวลาเขียนบล็อกครับ ผมเลยขอเขียนเล่าหนัง 3 เรื่องมันทีเดียวไปเลยละกัน
ช่วงเวลาแห่งการหยุดสงกรานต์ใกล้จะสิ้นสุดเข้าไปทุกทีแล้ว ช่วงเวลาที่คนข้างนอกเขาเล่นสนุก แต่คนอย่างผม เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในรัง จะแว้บออกไปได้ก็หลังทุ่มหนึ่งไปแล้วนั่นแหละ ฟังดูเหมือนกับตัวเองเป็นหนูเลยเนอะ
ช่วงนี้ ผมก็หยิบเอาหนังที่เก็บๆ ไว้ออกมาดูบ้าง เช่ามาดูบ้าง เป็นการผ่อนคลายระหว่างงานที่ยังต้องสะสางแม้จะเป็นวันหยุดก็ตาม ทั้งสามเรื่อง ผมว่า น่าประทับใจทั้งสามเรื่องครับ เล่าไปที่ละเรื่องก็แล้วกัน
Herb (2007)
เรื่องแรกเป็นหนังเกาหลีครับ ผมไม่รู้ชื่อไทย ไม่รู้ว่าเข้าฉายหรือยัง ได้มาจากการโหลด พอดีได้อ่านเรื่องย่อแล้วรู้สึกน่าสนใจก็เลยลองดู
เรื่องของ “แซงอึน” สาวน้อยวัยยี่สิบ ผู้่มีปัญหาทางด้านสมอง เหมือนเธอถูกหยุดไว้ที่ 7 ขวบ แม่ของเธอเลี้ยงเธอแบบเลี้ยงเด็กทุกอย่าง เธออยู่กับนิทานและคำสอนของแม่เท่านั้น จนวันหนึ่ง เธอได้พบว่าชายหนุ่ม จองบอม ที่เธอคิดว่าเขาเป็นอสูรที่แปลงร่างเป็นเจ้าชาย (จำมาจาก Beauty and the Beast นั่นไง) ความรักที่ก่อเกิดระหว่างเจ้าชายผู้ไม่เอาไหน กับเจ้าหญิงเอ๋อๆ นี่จะจบลงอย่างไร…
ไม่พ้นสไตล์เกาหลีแน่นอน
เมื่อวันที่ชีวิต (ของแซงอึน) เดินมาถึงจุดเปลี่ยน เธอจะทำเช่นไร หากจะต้องดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง กับการเป็นเด็กสาวเอ๋อๆ เธอจะอยู่บนโลกนี้อย่างไร นางเอกหน้าตาแอบแบ๊ว สมกับบทเนอะ
แซงอึนค่่อนข้างมีความผูกพันกับ “พืช” มากๆ เธอชอบปลูกมันและดูแลมันให้งอกงามได้เป็นอย่างดี บางครั้ง เธอก็ช่วยพวกมันเอาไว้ได้ และบางครั้ง มันก็เป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่ เธอกับจองบอม ผมเองยังไม่แน่ใจนักว่า เหตุผลกลใดมันถึงสำคัญพอที่จะนำมาตั้งเป็นชื่อหนังได้
—————————————
Step Up (2006)
ภาคสองกำลังเข้าฉายในบ้านเรา แต่ผมเพิ่งไปเช่าภาคหนึ่งมาดูซะงั้น หนังเต้นอีกเรื่องดูแล้วประทับใจ แม้ว่าพระ-นางจะไม่ค่อยโดนใจเหมือน “Honey” ก็ตามที
ไทเลอร์ เกจ ชายหนุ่มผู้อยู่ในกลุ่มแบดบอย อันมีสมาชิกเป็น ตัวเขาเอง พระเอกผิวขาวจอมเต้นสตรีตแดนซ์ กับ แมคและสกินนี่ สองพี่น้องที่มืดทั้งคู่ ก่อเรื่องในโรงเรียนศิลปะจนต้องไปบำเพ็ญประโยชน์ 200 ชั่วโมงที่นั่น ซึ่งเขาก็ได้ไปพบกับนางเอกหุ่นบึ้ก นอร่า คลาร์ก เธอเป็นสาวนักบัลเล่ต์คลาสสิค เขากลายเป็นคู่เต้นของเธอหลังคู่เต้นคนเดิมเกิดอุบัติเหตุ แต่หนุ่มฮิปฮอปจะเข้ากับสาวคลาสสิค จะเข้ากันได้สักแค่ไหนน้า…
ยอมรับเลยว่า หนังเรื่องนี้ใช้เพลงเยอะมากๆ แต่ก็เพราะมากๆ ด้วย ผมว่า พระเอกหน้าทื่อๆ ของเราก็เต้นเก่ง นางเอกสาวหุ่นบึ้กก็เต้นดีมิใช่น้อย ฉากเต้นๆ มีให้เห็นตลอดเรื่อง นั่นแหละ ทำไมมันถึงชื่อ Step Up และมันก็พาผมขยับร่างกาย พลางฮัมเพลงตามไปด้วยอย่างมีความสุข หนังถ่ายทำออกมาได้สวยทั้งมุมกล้อง และการดำเนินเรื่อง
นี่ถ้านางเอกเป็น Jessica Alba คงยิ่งเพลินกว่าเดิมอีกหลายเท่า
—————————————
Cellular (2004)
เรื่องนี้ เรียกว่า “ขุด” ก็ว่าได้ หยิบเอาเรื่องที่ก็อปปี้เก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ขึ้นมาเปิดดู แล้วก็พบว่า มันก็เข้าท่าดีไม่เบาเลยนะนี่
หนังที่ค่อนข้างได้ค่าสปอนเซอร์ไปจาก Nokia มากโขอยู่ แต่มือถือแต่ละรุ่นดูชักจะล้าสมัยไปเสียแล้ว ณ วันนี้
เมื่อมีโทรศัพท์เข้ามาจากคนแปลกหน้า บอกว่า เธอถูกลักพาตัวไป ชายผู้เป็นพระเอกที่กำลังขอคืนดีกับสาวอยู่ จำเป็นต้องตัดสินใจช่วยเหลือ แต่ยิงช่วยก็ยิ่งติดพัน ในที่สุดก็ถอนตัวไม่ขึ้น และพบว่า งานนี้งานใหญ่ แถมมีสิทธิ์ถูกฆ่าเอาได้ แต่ชายหนุ่มผู้ฉลาดเป็นกรด ไม่มีทางม่องอยู่ล่ะน่า…
หนังที่ดูสนุก ไม่ต้องเน้นฉากแอ็คชั่นอะไรมากมาย (นี่แหละ เขาเรียกว่า “เก๋า”) อาศัยฉากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบ้าระห่ำของพระเอกก็สนุกแล้ว ทั้งเรื่องนี่ เล่นแต่กับการสื่อสารโดยโทรศัพท์กันทั้งเรื่อง และแดกดันระบบการสื่อสารบ้านตัวเองได้ดีพอประมาณ
—————————————
ทั้งสามเรื่องแม้ไม่เกี่ยวกันเลย แถมเป็นหนังคนละตระกูลกันอีกต่างหาก อันนึง ดราม่า อันนึง หนังเพลง อีกอัน ดันเป็นหนังแอ็กชั่น แต่ผมว่า มันพอจะมีอะไรที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง
ทั้งสามเรื่อง พยายามจะสื่อถึง “การพัฒนา” ของตัวละคร ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบมาก และหวังอยากให้มีในหนังทุกๆ เรื่อง (บางเรื่องที่ตัวบทมันบอกว่าตัวละครต้องไม่ควรพัฒนา นั่นเป็นข้อยกเว้นไป — จะมีมั้ยนะ) อย่างใน “Herb” ทั้งแซงอึน สาวเอ๋อ และ จอมบอม หนุ่มบื้อ ต่างก็ “ได้คิด” ด้วยกันทั้งคู่ แซงอึนเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ด้วยความเอ๋อๆ ของตัวเอง แม้กระทั่งตัวละคร “แม่ของแซงอึน” เองก็ไม่เว้น เมื่อตัวเองกลายเป็นจุดเปลี่ยนให้กับชีวิตของแซงอึน
หรืออย่างใน “Step Up” ไทเลอร์ และแมคก็ได้พบกับจุดเปลี่ยนในชีวิต ไทเลอร์กลายเป็นคนใหม่เมื่อพบกับนอร่าและเพื่อน แมคก็คิดได้เมื่อเสียสกินนี่ไป บางครั้งคนเรา กว่าจะคิดได้ ก็ต้องได้ “ยาแรง” เสียก่อนนั่นแหละ
ขณะที่ “Cellular” อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเห็นพัฒนาการของตัวละครนัก แต่ก็พอจะเห็นได้บ้าง เมื่อคนที่ไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างพระเอก ลุกขึ้นช่วยเหลือคนที่เคราะห์ร้าย กลายเป็นฮีโร่ของใครสักคน หัวกับท้ายมันเลยต่างกันชัดเจนไงล่ะ
—————————————-
สงกรานต์ แม้งานยังยุ่ง แต่ก็ยังได้ดูหนังดี แล้วคุณล่ะ ช่วงนี้มีหนังอะไรดีๆ ที่ได้ดู เอามาแลกเปลี่ยนกันบ้างสิครับ
เพิ่งดูเหมือนกัน (แต่พอดูจบ รู้สึกเหมือนเคยดูแล้วเลย)
Step Up ที่บอกว่า ผู้ชายทื่อ ๆ เนี่ยแหละ โคตรเซ็กซี่เลยว่ะ 555
เต้นสวย แต่น้อยไปหน่อย เห็นภาค 2 ในโฆษณา ดูเหมือนจะเต้นเยอะกว่านี้
จะได้ดูไหม๊เนี่ย
อ๊ะ อ๊ะ เปิดซิง
ช่วงนี้ผมก็ค้นหนังเก่าๆมาดูเหมือนกันครับ…เพิ่งดู The Last Samurai ได้ครึ่งเรื่อง เพราะผมจะดูหนังทีล่ะครึ่ง…สามเรื่องที่แนะนำผมยังไม่ได้ดูหนึ่งเรื่องคือหนังเกาหลี…
และผมก็ไม่เคยมีแผ่นเกาหลีเลยสักแผ่น…คงต้องไปลองหามาดูบ้างแล้วล่ะครับเพื่อความ
หลากหลายมากขึ้น…
(เออ…อ้า..คือออ…ผมขอแลกลิ้งค์กับ patsonic ได้ไหมครับ..)
เจ๊ฟันธง Step up DVD 79บาท
ไปหาซื้อเลยครับ สนุกมากกกกกกกกกกกกก
Tyler Gate ที่แสดงในStep Up ภาคแรกน่ะ โผล่ตอนต้นเรื่องภาค 2 ด้วย เต้นได้เจ๋งมากๆ
คุณแพทครับ..ขอทัศนะหนังเรื่อง Michael Clayton ด้วยซิครับ..พึ่งดูเมือ่วันก่อน
..
ไม่เข้าใจ งง “ม้า 3 ตัว”
“พล็อต” ก็ใช่ว่าจะใหม่ หรือ แปลก แล้วทำไมต้องทำให้เข้าใจยากขนาดนั้น?? 555..55
หรือว่าพี่..อ่อนเกินไปกับการดูหนังครับ ??
ผมยังไม่ได้ดูเลยอะ Michael Clayton ไว้วันไหนได้ดูแล้ว จะเอามาเขียนถึงนะครับ
หยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ผมก็วนเวียนอยู่แต่หมวดหนังในสยามบิตอ่ะ
โหลดมาได้หลายเรื่องเหมือนกัน เวลาส่วนใหญ่จึงถูกใช้ไปเพื่อการนี้
แต่ก็ถือว่าสนุกสนานทำให้ผ่อนคลายทีเดียว
ปล. ไม่ได้ดูหนังโรงมาเป็นปีแล้วอ่ะครับ
สงกรานต์ที่ผ่านมา นอกจากจะไม่ได้ไปไหนแล้ว ก็เลยหยิบเอาหนังมาดูเหมือนกันครับ
คุณแพทสบายดีนะครับ ^^