รีวิวหนัง The Age of Adaline | อดาไลน์ หยุดชรา ค้นหาชีวิต

สัปดาห์แห่งความร้อนพัดผ่านมาถึงจนได้ อีกไม่นานมันก็คงจะผ่านไปเหมือนทุกที วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าพัดพาความแก่ชรามาเยือนเราทุกเมื่อเชื่อวัน แต่มันจะเป็นยังไงล่ะถ้าเกิดมีปรากฏการณ์กึ่งปาฏิหาริย์ทำให้ใครสักคนไม่แก่ไปตามกาลเวลา และยังคงเยาว์วัยอยู่เช่นนั้นนานเท่านาน ชีวิตที่ดูน่าอิจฉาเป็นที่ปรารถนาของใครต่อใคร แต่มันจะดีอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ‘The Age of Adaline’ หยิบแง่มุมแบบนั้นสร้างสรรค์เป็นเรื่องให้เราได้ดู

อดาไลน์ โบว์แมน (Blake Lively) เกิดมาด้วยทุกสิ่งอันเป็นปกติของมนุษย์ทั่วไป ก่อนที่อุบัติเหตุในวันนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปอย่างสิ้นเชิง ในค่ำคืนที่หิมะโปรยปราย ร่างกายที่จมน้ำในลำธารเย็นยะเยือกถูกกระตุ้นด้วยสายฟ้าที่ผ่าลงที่รถ อดาไลน์ โบว์แมน ฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง

เธอไม่เคยแก่ลงเลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเท่าใด

อาจดูเป็นสิ่งที่หลายคนมองด้วยความอิจฉา ที่สาวสวยอย่างเธอจะคงความเป็นสาวไปตลอดกาล ใช้ชีวิตกับวัยสาวไปอย่างไม่รู้จบ แต่นั่นไม่ใช่เลยสำหรับเธอ เมื่อเธอได้ล่วงรู้ว่า ความแก่จะไม่มาเยือนเธออีกแล้ว เธอก็เริ่มที่จะย้ายที่อยู่ไปเรื่อยๆ ไม่สานความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับใคร และเก็บงำทุกอย่างเอาไว้กับตัวไม่บอกใคร

ช่างมิใช่ชีวิตที่น่าอิจฉาเลยแม้แต่น้อย

รีวิวหนัง ‘The Age of Adaline’

ตัวหนังมีส่วนผสมที่ถูกเขย่ารวมกันของความเป็นหนังดราม่า, โรแมนติก และไซไฟ โดยเน้นหนักไปที่สองอย่างแรกเสียมากกว่า หากพยายามที่อธิบายเหตุเกือบจะมหัศจรรย์นี้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องราวที่ดูเป็นโศกนาฏกรรมของความรักเสียมากกว่าจะเป็นอารมณ์โรแมนติกละมุน เมื่อคนๆ หนึ่งอยู่มานานและแปลกประหลาดกว่าใครอื่นบนโลก ต้องทิ้งความรักที่กำลังจะผลิดอกออกผลไว้เพียงตรงนั้น ปล่อยให้มันเหี่ยวเฉากลายเป็นซากที่ยังประทับอยู่ในความทรงจำ

‘อดาไลน์ หยุดเวลา รอปาฏิหาริย์รัก’ นำเสนอสิ่งเหล่านั้นครับ เนื้อหาดูเพ้อฝันกันไปพอสมควร เพราะมันไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริงเท่าใดนัก หากแต่ความเป็นหนังโรแมนติกก็ทำให้มันโอเคที่จะแต่งเติมอะไรที่มันดูเหลือเชื่อเข้าไปได้เสมอ หนังเหมือนจะตั้งคำถามอยู่กลายๆ ว่า การอยู่บนโลกนี้นานๆ มันคือความสุขของมนุษย์จริงหรือ เมื่อเราพบว่า เราเป็นคนเดียวที่ได้รับสิทธิในการใช้ชีวิตบนโลกนี้ยาวนานกว่าคนอื่น แต่เรากลับรู้สึกว่าเราไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างใครๆ เขา ทุกวันเราต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยการ “หนี” ไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเราแปลกประหลาดในสายตาคนอื่น จะผูกพันกับใครก็ไม่ได้ เพราะวันหนึ่งเขาก็แก่ตัวลงไป แต่เธอยังคงเหมือนเดิม

ดังเช่นที่ตัวละครบางตัวที่เกี่ยวข้องกับเธอ อย่างลูกสาวที่แก่กว่าแม่ตัวเองจนกลายเป็นมุขตลกไป

จุดที่ดีเยี่ยมของหนังเรื่องนี้ก็คือ การมี Harrison Ford มาอยู่บนจอ ด้วยการแสดงที่เข้าขั้นดีเยี่ยมของเขา ประกอบกับบทพูดที่แสนจะโดน กลายเป็นช่วงเวลาที่สั่นสะเทือนหัวใจคนดูได้มากที่สุด จนทำให้หนังที่ดูเพ้อฝันเรื่องนี้มีน้ำหนักที่ดีมากพอจะเป็นที่จดจำได้

แม้บทสรุปของหนังจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เกินคาดเดา แต่สิ่งที่จะลืมเสียมิได้ใน ‘The Age of Adaline’ ก็คงจะเป็นลีลาการแสดง เสื้อผ้าหน้าผม และที่สำคัญรอยยิ้มและความสวยน่ารักของนางเอกอย่าง Blake Lively ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ดูเพลินไปจนวินาทีสุดท้าย หลังดูหนังจบ ก็เลยได้ความคิดที่ว่า

ฉันจะต้องพาเธอยังที่ที่ไม่เคยรู้จักให้ได้…

ชื่อภาพยนตร์: The Age of Adaline / อดาไลน์ หยุดเวลา รอปาฏิหาริย์รัก
ผู้กำกับภาพยนตร์: Lee Toland Krieger
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: J. Mills Goodloe (screenplay), Salvador Paskowitz (screenplay), J. Mills Goodloe (story), Salvador Paskowitz (story)
นักแสดงนำ: Blake Lively, Michiel Huisman, Harrison Ford, Amanda Crew, Ellen Burstyn, Kathy Baker
ความยาว: 112 นาที
แนว/ประเภท: Drama, Romance
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/น15+ , MPAA/PG-13
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 23 เมษายน 2558
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Lakeshore Entertainment, Sidney Kimmel Entertainment, Sierra / Affinity

คิดเห็นอย่างไรกับหนังเรื่องนี้ ฝากคอมเมนต์ไว้ข้างล่างนี้ได้เลยนะครับ