โลกอนาคตคงมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมอะไรต่อมิอะไรออกมามากมายเพื่อช่วยโลก แต่ขณะเดียวกัน อะไรที่เปลี่ยนโลกก็อาจทำให้อีกหลายองค์กรเดือดร้อนจนต้องออกมาต่อต้าน ถ้ามีคนทำเนื้อสังเคราะห์ขึ้นมาและเติบโตอย่างก้าวกระโดดจนกิจการปศุสัตว์ต้องพังครืน มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ ‘Blood Free’ ซีรีส์เกาหลีไซไฟระทึกขวัญที่เล่าเรื่องอนาคตเรื่องนี้ จะนำพาให้เห็นคำตอบนั้นครับ
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
มันเล่าเรื่องอนาคตที่โลกสามารคิดค้นเนื้อสังเคราะห์ในห้องทดลองขึ้นมาได้และทำให้มันกลายเป็นธุรกิจที่ดิสรัปธุรกิจอาหารแบบเดิมจนพังสิ้น แต่ขณะเดียวกัน มันก็ต้องใช้การเมืองมาช่วยขับเคลื่อน และมีเหตุให้ต้องเจอกับการต่อต้านที่รุนแรงจากทุกสารทิศ จน CEO ต้องว่าจ้างบอดี้การ์ดสุดแกร่งมาอยู่ข้างกาย แต่พอดีว่าเขาเองก็จงใจเข้ามาด้วยจุดประสงค์บางอย่างเช่นกัน
เป็นซีรีส์ที่เปิดตัวได้ค่อนข้างอลังการและน่าสนใจในแต่ละตอน ใส่เทคนิคงานภาพเว่อร์วังเข้ามาพาให้ตื่นตาสุด ๆ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงดรามาปนระทึก อาจดูฟีลเคร่งเครียดจริงจัง แต่บางตอนจะพาไปพบกับฉากแอ็คชันยาว ๆ
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Blood Free’
มนุษยชาติต่างคุ้นเคยกับการกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร แต่ในโลกอนาคตอันใกล้ ธุรกิจของ BF พลิกโฉมหน้าธุรกิจอาหารไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อพวกเขาคิดค้นการสร้างเนื้อสังเคราะห์ขึ้นมาในห้องแล็บโดยไม่ต้องคร่าชีวิตสัตว์ ธุรกิจภายใต้การกุมบังเหียนของซีอีโอ ยุนจายู (Han Hyo Joo/ฮันฮโยจู จากซีรีส์ ‘W: Two Worlds Apart’ และ ‘Happiness’) และ ผอ. อนซาน (Lee Mu Saeng/อีมูแซง จากซีรีส์ ‘Maestra: Strings of Truth’) รุ่งเรืองอย่างมากจนกลายเป็นการผูกขาดอุตสาหกรรม แต่ขณะเดียวกัน มันก็เรียกร้องให้เกิดศัตรูขึ้นทุกหนแห่ง มีคนกังขาในเส้นทางการก้าวขึ้นมาของซีอีโอสาว เช่นเดียวกับความเดือดร้อนของธุรกิจที่เกี่ยวข้องการผลิตเนื้อสัตว์แบบดั้งเดิมจนเกิดการลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน
การถูกคุกคามจากรอบด้าน ทำให้จำเป็นต้องว่าจ้างบอดี้การ์ดฝีมือดี และผลก็คือ พวกเขาได้ อูแชอุน (Ju Ji Hoon/จูจีฮุน จากซีรีส์ ‘Jirisan’ และ ‘Kingdom ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด’) อดีตนักเรียนนาวิกโยธินและทหารเรือ มาทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับซีอีโอสาวของบีเอฟ
รีวิวซีรีส์ ‘Blood Free’
เป็นซีรีส์ที่เปิดตัวได้ค่อนข้างอลังการและน่าสนใจในแต่ละตอน เริ่มต้นด้วยพรีเซนต์แนะนำนวัตกรรมที่ใช้ภาพฮอโลแกรม 3 มิติที่ทำให้คนร่วมงานรู้สึกตื่นตาสุด ๆ เช่นเดียวกับตอนถัดมา ที่เป็นฉากการคัดเลือกบอดี้การ์ดที่ใช้ VR มาเป็นบททดสอบ แต่หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาดราม่าจัด ๆ จนทำให้กลิ่นของมันออกมาในทางเคร่งเครียดจริงจัง แต่บางตอนจะพาไปพบกับฉากแอ็คชันยาว ๆ บ้างก็ตาม
ตัวละครสำคัญ ใน ‘บลัดฟรี’
เรื่องราวมันเริ่มต้นขึ้นด้วยการแนะนำตัวละครที่โผล่ชื่อขึ้นมาอย่างเร่งรีบ ทำให้ต้องดูซ้ำสองรอบ ไม่ก็ต้องหยุดชั่วขณะเพื่อจะอ่านทำความเข้าใจ เอาเป็นว่า เรามาแนะนำตัวละครสำคัญในธุรกิจ BF กันตรงนี้เลยก็แล้วกัน
เริ่มที่ ยุนจายู เธอคือซีอีโอสาวที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจนวัตกรรมเนื้อสังเคราะห์แต่ก็ต้องเจอกับการต่อต้าน คุกคาม และโจมตีรอบด้าน ไม่เว้นแม้แต่คนในด้วยกันเอง คนต่อมาคือ ผอ. อนซาน (Lee Mu Saeng/อีมูแซง) ชายที่ยุนจายูไว้ใจมากที่สุด เคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เคยหย่ากับภรรยาเพราะยุนจายูจึงอาจมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกว่าคนอื่น เขาเคยเป็นแพทย์นิติเวช ตอนนี้ เขาจึงเป็นแพทย์ที่ดูแลด้านเทคโนโลยีขององค์กร เป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยสองของบีเอฟ
คนสำคัญคนถัดมา ก็คือ ผอ.จอง หรือ จองแฮดึน (Park Ji Yeon/พัคจียอน จากซีรีส์ ‘Hospital Playlist 2’) ผอ.ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ที่ทำงานประหนึ่งเลขาสาวคนสวย ผู้ตัดสินใจอย่างแม่นยำและรอบคอบ
ในกลุ่มนักวิจัยก็จะมีคำสำคัญอย่างเช่น ซอฮี หรือ หัวหน้าซอ (Jun Suk Ho/จอนซอกโฮ จากซีรีส์ ‘Moving’) หัวหน้าทีมวิจัยหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านไอที, ศจ. คิมชินกู (Kim Sang Ho/คิมซางโฮ) หัวหน้าทีมวิจัยสามของบีเอฟ ที่ต้องเจอกับแรงกดดันเรื่องเชื้อโรคในของเหลวเพาะเลี้ยงเนื้อ คนนี้เขาอยู่ทีมเดียวกับ นักวิจัยฮง หรือ ฮงแซอิบ (Yi Seon/อีซอน) นักวิจัยอาวุโสที่อายุน้อยที่สุดครับ
เมื่อพูดถึง บอดี้การ์ดคนใหม่ของบีเอฟ อย่าง อูแชอุน เขาเคยทำงานในหน่วยข่าวกรองของนาวิกโยธิน แต่หลังจากออกมา เขาก็เป็นบอดี้การ์ดให้กับซังฮวากรุ๊ปอยู่พักนึง ก่อนจะผันตัวมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับยุนจายู แท้จริงแล้ว คนที่ส่งเขามาทำงานที่นี่นั้นเป็นอดีตประธานาธิบดี อีมุนกยู (Jeon Kuk Hwan/จอนกุกฮวาน) ซึ่งนั่นก็ทำให้คนดูรู้สึกไม่ไว้ใจในตัวเขามาตั้งแต่แรกเริ่มแล้วล่ะครับ
เมื่อพูดอดีต ปธน. ความจริงนั้น เขาเป็นคุณตาของนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอย่าง ซอนอูแจ (Lee Hee Jun/อีฮีจุน) ที่ก็มุ่งหวังจะก้าวไปสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี ฉะนั้น คงคาดเดาได้ไม่ยากว่า เรื่องราวของบีเอฟในซีรีส์เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวพันกับคนในวงการการเมือง
ธุรกิจเพื่อโลก ที่ต้องเผชิญกับอันตรายรอบด้าน
เทคโนโลยีที่ก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ด้วยความปรารถนาจะสร้างอาหารให้มนุษย์บริโภคโดยไม่ต้องคร่าชีวิต ไอเดียที่รักษ์โลก ไม่ต้องการสร้างก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ใช้พื้นที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการเลี้ยงสัตว์ แต่เมื่อเทคโนโลยีนี้ขยายไปถึงเนื้อปลา และมุ่งหมายจะขยายไปถึงอาหารที่เป็นพีช ก็ไม่พ้นกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร ทั้งเกิดการต่อต้านจากหลากหลายอุตสาหกรรมที่เสียประโยชน์ ส่งผลให้มักโดนลอบทำร้ายบ้าง ประท้วงบ้าง และก็ไม่ใช่แค่แรงกดดันจากภายนอก แม้แต่ภายในเองก็ไม่เว้น
เรื่องนี้ เต็มไปด้วยเทคโนโลยีจนน่าจะเรียกได้ว่าเป็นซีรีส์เกาหลีแนวไซไฟระทึกขวัญ เริ่มต้นจากการให้ตัวนางเอกมีเอไอที่คอยช่วยเหลือในด้านต่างๆ และถูกเรียกว่า จางยองชิล (แต่พระเอกบอดี้การ์ดของเรามีสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมว มันชื่อ มันชิก) ถัดมาก็เล่าเรื่องการถูกแฮ็กและมัลแวร์เรียกค่าไถ่ การถูกปล่อยสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ที่ทำให้ต้องวุ่นวายอยู่เป็นวัน ๆ ไหนจะเรื่องการยื่นเสนอซื้อกิจการจาก ซอนอูกึน (Eom Hyo Seop/ออมฮโยซอบ) แห่งดอร์สันกรุ๊ปอีก และต้องพบเจอกับเรื่องที่หนักข้อขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามจำนวนตอน
บทของซีรีส์เรื่องนี้มักจะเริ่มต้นตอนด้วยไอเดียของเทคโนโลยี ซึ่งตรงนี้ พวกเขาก็ต้องใช้เทคนิคพิเศษที่ชวนรู้สึกล้ำและเท่ แม้บางส่วนจะดูเกินจริงไปบ้างแต่ก็เพื่ออรรถรสก็เลยต้องชิล ๆ กันไป
มันเป็นซีรีส์ที่ตั้งคำถามเรื่องเทคโนโลยีทางอาหารของโลกปัจจุบันและอนาคตจริง ๆ ว่า ถ้าเราสังเคราะห์เนื้อขึ้นมาได้เองโดยเลิกการพึ่งพิงปศุสัตว์ มันจะเป็นเรื่องดีมั้ย และจะเกิดอะไรขึ้นตามมาบ้าง ถ้าองค์กรธุรกิจที่ทำเรื่องเช่นนั้นไม่ได้ขาวสะอาด เส้นทางความยิ่งใหญ่ที่เกี่ยวโยงกับแวดวงการเมือง ผู้บริโภคจะยินดีและยินยอมหรือไม่ อะไรแบบนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างซีอีโอผู้โดดเดี่ยว กับบอดี้การ์ดผู้น่าเคลือบแคลง
ท่ามกลางการประท้วงว่ายุนจายูเป็นฆาตกร ซีรีส์ก็พาเล่าไปถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตก่อนหน้า เหตุลอบวางระเบิดในต่างประเทศที่ส่งผลให้ต้องสูญเสียรัฐมนตรีไปถึง 2 คน และส่งผลให้อดีตประธาธิบดีต้องเสียขาทั้งสองข้าง โดยที่ยังจับไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งหมดอาจเป็นเหตุให้ทั้งอีมุนกยูเลือกส่งอูแชอุนเพื่อแฝงตัวมาอยู่ในบีเอฟ เป็นมือขวาและทำให้ยุนจายูไว้ใจ โดยที่อดีตผู้กองอูคนนี้ก็ต้องปกปิดความจริงเรื่องดังกล่าวไม่ให้คนในบีเอฟโดยเฉพาะยุนจาอูล่วงรู้
อีกความจริงที่เราได้รู้คือ ยุนจายู เป็นซีอีโอสาวผู้ประสบความสำเร็จเพียงในแง่ธุรกิจ แต่ในด้านชีวิตนั้นเธอแสนจะโดดเดี่ยว แยกห่างจากครอบครัว แต่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอรุ่งโรจน์ในทุกวันนี้ก็เนื่องด้วยความสัมพันธ์กับผู้คนในแวดวงการเมือง อย่างเช่นตอนที่อดีตประธานาธิบดีอีมุนนกยูขึ้นดำรงตำแหน่ง ยุนจายูก็เคยเข้าพบเพื่อขอให้ยกเลิกกฎหมายการติดฉลากบนเนื้อเทียมว่าเป็นอาหารดัดแปลงพันธุกรรม และเธอก็ได้อย่างที่ต้องการหลังอีมุนกยูลงจากตำแหน่ง จากนั้นบีเอฟก็เติบโตก้าวกระโดด แถมเอื้อประโยชน์ให้กับประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ทั้งหมดนี่ทำให้ความยิ่งใหญ่ของเธอแฝงด้วยความมัวหมอง
จากนี้ ภารกิจของบอดี้การ์ดคงหนักหนาขึ้นทุกที แต่นั่นก็ทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ยิ่งใกล้ชิดขึ้น เขาต้องตกที่นั่งลำบากในการเลือกตัดสินใจในกาลข้างหน้าเป็นแน่ ซึ่งเราก็คงต้องดูกันต่อไปจนกว่าจะจบนั่นแหละครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Blood Free / 지배종 |
ผู้กำกับ | Park Cheol Hwan/พัคชอลฮวาน |
ผู้เขียนบท | Lee Soo Yeon/อีซูยอน (เจ้าของผลงาน ‘Grid’ และ ‘Stranger’ ทั้งสองภาค) |
นักแสดง | Han Hyo Joo/ฮันฮโยจู, Ju Ji Hoon/จูจีฮุน, Lee Mu Saeng/อีมูแซง, Lee Hee Jun/อีฮีจุน |
แนว/ประเภท | ดราม่า, ไซไฟ, ระทึกขวัญ |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 10 ตอน |
ช่องทางรับชม | Disney+ |
เริ่มออกอากาศ | 10 เมษายน 2024 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Ace Factory, H& Entertainment |
คะแนนซีรีส์ บลัดฟรี
พล็อตและบท - 7.5
การแสดง - 7
การดำเนินเรื่อง - 6.9
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.2
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 7.8
7.3
Blood Free
มันเล่าเรื่องอนาคตที่โลกสามารคิดค้นเนื้อสังเคราะห์ในห้องทดลองขึ้นมาได้และทำให้มันกลายเป็นธุรกิจที่ดิสรัปธุรกิจอาหารแบบเดิมจนพังสิ้น แต่ขณะเดียวกัน มันก็ต้องใช้การเมืองมาช่วยขับเคลื่อน และมีเหตุให้ต้องเจอกับการต่อต้านที่รุนแรงจากทุกสารทิศ จน CEO ต้องว่าจ้างบอดี้การ์ดสุดแกร่งมาอยู่ข้างกาย แต่พอดีว่าเขาเองก็จงใจเข้ามาด้วยจุดประสงค์บางอย่างเช่นกัน เป็นซีรีส์ที่เปิดตัวได้ค่อนข้างอลังการและน่าสนใจในแต่ละตอน ใส่เทคนิคงานภาพเว่อร์วังเข้ามาพาให้ตื่นตาสุด ๆ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงดรามาปนระทึก อาจดูฟีลเคร่งเครียดจริงจัง แต่บางตอนจะพาไปพบกับฉากแอ็คชันยาว ๆ