รีวิวซีรีส์ House of the Dragon | มหากาพย์ชิงบัลลังก์ราชวงศ์ทาร์แกเรียน มังกรบินว่อน

หนึ่งในซีรีส์ที่ผู้คนชื่นชมว่ามันดีเด่นและโดดเด้งตลอดกาล คงหนีไม่พ้นมหากาพย์บัลลังก์มังกรที่ยืนหยัดสร้างและออกอากาศต่อเนื่องมาถึง 8 ซีซัน พร้อมๆ กับเวอร์ชันหนังสือนิยายที่ขายดิบขายดีไม่ว่าจะออกมาขายกี่เล่มต่อกี่เล่ม จนวันที่มันหยุดสร้างไป ผู้คนก็โหยหา อยากได้รับอรรถรสซีรีส์ที่เต็มไปด้วยฉากอลังการ เรื่องราวที่ชิงอำนาจกันไปมา รบราฆ่าฟัน ไม่พอยังได้เต็มอิ่มด้วยวิชันแฟนตาซี จนในที่สุด วันนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย กับซีรีส์ชุดใหม่ที่เล่าเรื่องราวก่อนหน้า ‘House of the Dragon’ หรือ ‘ตระกูลแห่งมังกร’ ที่มาในวันสตรีมมิ่งเบ่งบาน

ครั้งนี้ ทีมงานเลือกจะกลับไปเล่าเรื่องราวช่วงเกือบสองร้อยปีก่อนซีรีส์ ‘Game of Thrones’ ซีซันแรก ในวันที่ทาร์แกเรียนยังยิ่งใหญ่ ทรงอำนาจ ทั้งยังอุดมไปด้วยมังกร แต่กระนั้น เหตุการณ์ทั้งภายในภายนอกก็หาได้เงียบสงบ ภายในยังคงขัดแย้งแย่งชิงบัลลังก์กันไม่รู้จบ ภายนอกยังมีหลายกลุ่มที่มุ่งหมายสร้างฐานอำนาจของตนเอง

สิ่งที่พวกเขากำลังเล่าอยู่นี้ มันอาจเป็นช่วงท้ายๆ ของความรุ่งเรืองแล้วก็ได้

เรื่องย่อซีรีส์ ‘House of the Dragon’

สงครามกลางเมืองนาม ‘การร่ายรำแห่งมังกร’ กำลังจะเริ่มต้น แต่ก่อนหน้านั้น ราชวงศ์ทาร์แกเรียนที่ใกล้ถึงกาลสิ้นสุดต้องพบเจอกับวิกฤติถึงสองครั้งสองครา เริ่มต้นจากกษัตริย์เจเฮริสที่ครองบัลลังก์เหล็กยาวนาน 60 ปี เมื่อชะตากรรมพรากชีวิตโอรสทั้งสองไป การสืบทอดบัลลังก์จึงเกิดปัญหา หลังการประชุมใหญ่จึงได้วิเซริส ทาร์แกเรียน (Paddy Considine จากซีรีส์ ‘พีกี้ ไบลน์เดอร์ส’ และหนัง ‘The World’s End’) มาสืบทอดบัลลังก์โดยละเลยธิดาคนโตอย่างเรนิสไป

แต่แล้วเหตุการณ์ก็กลับซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง เมื่อ วิเซริสไร้ซึ่งโอรสผู้จะสืบทอดบัลลังก์ตามราชประเพณี มีเพียงเจ้าหญิงเรนีร่า (Milly Alcock) ธิดาหนึ่งเดียว กับเจ้าชายเดมอน (Matt Smith จากซีรีส์ ‘Doctor Who’, ‘The Crown’ และหนังเรื่อง ‘Last Night in Soho’) อนุชาผู้โหดเหี้ยมของวิเซริสเท่านั้นที่มีชื่ออยู่ในข่ายผู้สืบทอดบัลลังก์เหล็ก ถึงแม้วิเซริสจะเลือกเรนีร่าเป็นรัชทายาท แต่ก็ยังต้องสุ่มเสี่ยงกับเหตุแย่งชิงบัลลังก์อยู่ดี

วิเซริส ปกครองอาณาจักรโดยมีหัตถ์ราชาเป็น ออตโต ไฮทาวเวอร์ (Rhys Ifans จากหนังเรื่อง ‘Spider-Man: No Way Home’ และ ‘The King’s Man’) ผู้มีลูกสาวแสนสวยอย่าง อลิเซนต์ (Emily Carey) ผู้เป็นสหายคนสนิทของเรนีรา ทั้งยังมีคนจากตระกูลใหญ่อย่างลอร์ดคอร์ลิส เวลาเรียน (Steve Toussaint) สามีของเรนิส ผู้ที่พร้อมจะเข้ามาแทรกแซงและเสนอความคิดเห็นในที่ประชุมไม่เคยห่าง ทำให้กษัตริย์วิเซริสไม่อาจมองข้าม ด้วยการแต่งงานนั้นอาจถูกใช้เพื่อสร้างพันธมิตรและเสริมความมั่นคงได้เช่นกัน

บัลลังก์และมังกรในช่วงท้ายๆ ของราชวงศ์ทาร์แกเรียนจะดำเนินไปอย่างไร ก่อนบรรจบกับเรื่องราวใน ‘Game of Thrones’ คงต้องมาติดตามกัน

รีวิวซีรีส์ ‘House of the Dragon’

ความน่าตื่นตาตื่นใจถูกส่งมาถึงผู้ชมตั้งแต่เริ่มตอนแรก ภาพของมังกรที่ทะยานเหนือหมู่เมฆผ่านเข้ามาเหนือเมือง เหมือนเป็นสิ่งบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของทั้งตระกูลทาร์แกเรียนและซีรีส์ภาค prequel เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ตอนแรกเริ่มต้นขึ้นด้วยการเล่าแบบอารัมภบท ก่อนจะผ่านมาถึงช่วงเวลาวิกฤติแห่งบัลลังก์อีกครั้ง ปล่อยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง พร้อมกับโยนคำถามใส่คนดูในทันที

หลากหลายตัวละครช่วงแต่งแต้มเรื่องราวชิงอำนาจ

อย่างที่รู้กัน บัลลังก์เหล็กที่ดูจะเต็มไปด้วยดาบที่มากมายกว่าที่เคยเห็นใน ‘Game of Thrones’ เสียอีกนี้ มีตัวละครมากมายที่รายล้อมและเล่นบทบาทสำคัญอยู่ ไม่ว่าจะเป็น

ลอร์ดคอร์ลิส เวลาเรียน

ลอร์ดชาววาลีเรียผู้สืบเชื้อสายตระกูลเวลาเรียนโบราณที่เก่าแก่ยิ่งกว่าตระกูลทาร์แกเรียน มีฉายาว่า ‘อสรพิษทะเล’ ด้วยเพราะเป็นนักผจญภัยทางทะเลที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของเวสเทอรอส สวมบทบาทโดย Steve Toussaint (จากซีรีส์ ‘Before We Die’ และ ‘Pine Gap’)

อลิเซนต์ ไฮทาวเวอร์

เธอคือธิดาของลอร์ดออตโต ไฮทาวเวอร์ ผู้ดำรงตำแหน่งหัตถ์พระราชา หญิงผู้งดงามที่สุดในเจ็ดอาณาจักร เติบโตมาพร้อมๆ กับเจ้าหญิงเรนีร่า ทั้งคู่สนิทกันมากหากเมื่อวันหนึ่งอลิเซนต์กลายเป็นชายาของวิเซริส ความสัมพันธ์ก็เริ่มจะเหินห่าง ความฉลาดหลักแหลมในเรื่องการเมือง วัยเยาว์รับบทโดย Emily Carey (นักแสดงเด็กจาก ‘Tomb Raider’ และ ‘Wonder Woman’) ส่วนวัยผู้ใหญ่รับบทโดย Olivia Cooke (จากซีรีส์ ‘Vanity Fair’ และหนังเรื่อง ‘Me and Earl and the Dying Girl’)

เซอร์คริสตัน โคล

ผู้สืบเชื้อสายดอร์นิช ลูกชายของพ่อบ้านที่รับใช้ลอร์ดแบล็กเฮเว่น ไม่มีที่ดินหรือยศฐาบรรดาศักดิ์ แต่ด้วยความสามารถในด้านการสู้รบ ทำให้เขาได้รับเลือกให้รับใช้ราชวงศ์ รับบทโดย Fabien Frankel (จากซีรีส์ ‘นักฆ่าอสรพิษ’)

มิซาเรีย

หญิงสาวที่เดินทางมายังเวสเทอรอสและกลายเป็นทาสที่ถูกขายครั้งแล้วครั้งเล่า นางเป็นนางโลมแต่นางได้เป็นหญิงคนสนิทของเจ้าชายเดมอน รับบทโดย Sonoya Mizuno (จากซีรีส์ ‘Devs’ และ ‘Maniac’)

เรนีร่า ทาร์แกเรียน

ธิดาองค์โตของกษัตริย์วิเซริส เจ้าหญิงแห่งดรากอนสโตนผู้สืบสายเลือดเวลาเรียนบริสุทธิ์ที่ชื่นชอบการขี่มังกรและออกรบเสียยิ่งกว่าการเป็นชายาหรือราชินี วัยเยาว์สวมบทบาทโดย Milly Alcock (จากซีรีส์ ‘Reckoning’ และ ‘Upright’) ส่งต่อบทบาทให้กับ Emma D’Arcy (จากซีรีส์ ‘Hanna’ และ ‘Wanderlust’) ในวัยผู้ใหญ่

เรนิส ทาร์แกเรียน

เธอเป็นทั้งนักขี่มังกรและเป็นภรรยาของลอร์ดคอร์ลิส เวลาเรียน และเพราะเหตุว่านางเป็นสตรี บัลลังก์จึงตกเป็นของวิเซริส ลูกพี่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่า เธอจึงได้รับฉายา ‘ราชินีไร้บัลลังก์’ ไป สวมบทบาทโดย Eve Best (จากซีรีส์ ‘Fate: The Winx Saga’ และ ‘Nurse Jackie’)

กล่าวถึงเรื่องของสตรีที่ถูกมองข้าม

เหตุการณ์ในตอนต้นของซีซันแรกค่อนข้างจะรวบรัดและเน้นไปที่การสืบต่อบัลลังก์เหล็ก แต่ก็มีบางสิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนอยู่ เรื่องราวของการสืบทอดบัลลังก์ที่ประสบปัญหาเพราะสองกษัตริย์ต่างไร้โอรสและตัดสินใจแตกต่างกัน กษัตริย์เฒ่าเจเฮริสเลือกมองข้าม เรนิส ทาร์แกเรียน ลูกสาวคนโตแต่เพราะเหตุว่าเป็นสตรี จึงไม่ได้ถูกเลือกให้สืบทอดบัลลังก์เหล็ก และเรียกประชุมใหญ่ก่อนได้ผลลัพธ์เป็นวิเซริส

ส่วนกษัตริย์วิเซริส พยายามเหลือเกินที่จะมีโอรส แต่ครั้งล่าสุด ความหวังพังสิ้นหลังสูญเสียโอรสแรกเกิดไปพร้อมกับราชินี จำเป็นต้องเลือกระหว่างเจ้าหญิงที่ธิดาองค์เดียวของตน กับอนุชาผู้เป็นชายแต่เหี้ยมโหด แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ย่อมเลือกตามธรรมเนียมดั้งเดิมที่ผู้สืบทอดไม่เคยเป็นหญิง

เรนีร่าเองก็ดูจะเป็นเจ้าหญิงที่ไม่ต้องการแต่งงานสักเท่าใด หรือถ้าต้องแต่งก็ควรจะเป็นคนที่เธอเลือกเอง ไม่ใช่คนที่พ่อเห็นดีเห็นงามและเลือกให้ซึ่งย่อมต้องใช้การแต่งงานของนางให้เป็นประโยชน์ในทางการเมืองแน่ๆ อีกทั้งนางยังเป็นพวกชอบขี่มังกร แม้เนื้อตัวมีกลิ่นมังกรก็ไม่เป็นปัญหา แถมยังชอบเป็นอัศวินออกศึกมากกว่าจะทำหน้าที่เป็นสตรีผู้มีหน้าที่เพียงให้กำเนิดบุตรเพื่อสืบต่อบัลลังก์ ที่ทางของผู้หญิงในยุคสมัยนั้นจึงเรียกได้ว่าน้อยมากๆ แม้ในที่สุด กษัตริย์วิเซริสจะเลือกเจ้าหญิงเรนีร่าเป็นรัชทายาทเพราะรังเกียจในตัวเดมอน และต้องเผชิญกับแรงเสียดทานจากความไม่เห็นด้วยของผู้คนมากมาย แต่วิบากกรรมก็มิได้สิ้นสุดเพียงเท่านั้น ในเมื่อกษัตริย์วิเซริสยังสร้างบุตรได้ก็ย่อมมีโอกาสจะเจอปัญหาใหม่ตามมาอยู่ดี

โลกของบัลลังก์มังกรยังคงเป็นโลกแห่งปิตาธิปไตย ผู้หญิงมีสิทธิเป็นได้เพียงผู้ทำตามคำสั่งของชายและให้กำเนิดบุตรเพื่อสืบทอดบัลลังก์เท่านั้น

เรื่องราวที่เร่งรีบเดินเพื่อเล่าเหตุการณ์อันสำคัญ

หลังเรื่องราวในซีซัน 1 มันผ่านไป 2 ตอน 3 ตอน สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดคือ มันเดินไปอย่างเร่งรีบจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในแบบตอนต่อตอน เดาว่าเขาคงต้องเดินเข้าหาเฉพาะสิ่งที่สำคัญในซีซันนี้ จากตอนแรกที่เปิดตัวเจ้าหญิงเรนีรากับเจ้าชายเดมอนที่กลายเป็นคู่แข่งชิงบัลลังก์ ตอนสองเล่าไปถึงกษัตริย์ที่ต้องแต่งงานใหม่ เพราะยังไงก็ต้องมีโอรสเพื่อสืบบัลลังก์ แม้ต้องทำให้เจ้าหญิงเรนีร่ารู้สึกมีเรื่องกวนใจอยู่บ้าง ขณะเจ้าชายไดมอนยังคงก่อเรื่องวุ่นไม่เว้นวาย และการเลือกแต่งงานของกษัตริย์ก็ส่งผลที่น่าหวาดหวั่นเฉกเช่นกัน ไม่นาน เอก้อน ก็ถือกำเนิดกับชายาองค์ใหม่

แม้เดินเรื่องกระโดดไปบ้าง แต่บทซีรีส์ไม่ได้ด้อยลงเลย นอกเหนือจากจะพูดถึงโลกที่สตรีไม่อาจเทียมเท่าบุรุษแล้ว ก็ยังพูดถึงลูกคนรองที่ไม่เคยก้าวขึ้นเท่าเทียมผู้พี่ด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่ลืมที่จะใส่ฉากที่มังกรออกร่อนบินและพ่นไฟเผาผลาญอันเป็นจุดขายหนึ่งที่สำคัญ เช่นเดียวกันกับ ฉากฟาดฟันหรือภาพความรุนแรงชวนสะอิดสะเอียนที่แทรกเข้ามาในทุกตอน พอๆ กับการถกเถียงและตอบโต้เพื่อแย่งชิงอำนาจอันเกิดจากตัณหาในใจตน แม้ยังไม่รู้ว่าในซีซันแรกนี้ เรื่องราวจะจบลงที่ตรงไหน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร มันก็ยังคงเป็นซีรีส์ที่สร้างทั้งความบันเทิงและเล่าเรื่องที่หนักแน่นอย่างที่แฟนตั้งตารอคอย

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์