รีวิวซีรีส์ It: Welcome to Derry | เปิดกรงเพนนีไวส์ในเดอร์รี่

หลายคนยังคงหลอนไม่หายกับตัวตลกร้ายในท่อน้ำจากหนังสองภาคที่เคยเข้าฉายเมื่อหลายปี มาตอนนี้ เรื่องราวก่อนนั้นได้ถูกหยิบนำมาบอกเล่าให้เราชมกันในรูปแบบซีรีส์ ที่สตรีมฉายทาง HBO Max ซีซันแรก 8 ตอนของ ‘It: Welcome to Derry’ หรือชื่อไทย ‘อิท: ยินดีต้อนรับสู่เดอร์รี่’ ลงครบแล้ว จึงได้เวลาหยิบมาเขียนรีวิวถึงกันครับผม

คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์พรีเควลของ IT เรื่องนี้?

ซีรีส์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวก่อนมันจะเกิดอะไรในหนังทั้งสองภาค เรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจตัวตลกเพนนีไวส์ที่มาพร้อมกับลูกโป่งสีแดงชวนหวาดกลัว เรื่องราวที่เกิดในเมืองเดอร์รี่ เมืองที่มีประวัติมายาวนานเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างลับที่มาทุก 27 ปี มีคนบางคนกำลังทำบางอย่างเพื่อปลุกมันขึ้นมา และเหล่าเด็ก ๆ ที่หวังช่วยเพื่อนกำลังทำสิ่งยิ่งใหญ่เพื่อคนทั้งเมือง

“เธอก็รู้เรื่องของเดอร์รี่นี่จ๊ะ คนที่ตายที่นี่ ไม่มีใครตายจริงๆ หรอก”

เรื่องย่อซีรีส์ ‘It: Welcome to Derry’

ย้อนกลับไปปี 1962 นาวาตรีลีรอย แฮนลอน (Jovan Adepo) นักบินที่เคยร่วมรบในเกาหลี ย้ายเข้ามาพร้อมกับ พอลลี่ รุสโซ เพื่อประจำการยังฐานทัพอากาศในเดอร์รี่ ที่นี่มีโครงการพิเศษอันเป็นพื้นที่หวงห้าม

ลิลลี่ ‘ลิลส์’ เบนบริดจ์ (Clara Stack จากซีรีส์ ‘Hawkeye’) เด็กสาวโรงเรียนมัธยมเดอร์รี่ผู้ยังเจ็บปวดกับการเสียพ่อไปเมื่อปีกลาย เธอได้รู้จักกับหอส่งน้ำซึ่งเป็นฐานลับจากการแนะนำของ แมตตี้ เคลเมนต์ส เด็กที่ตายไปเมื่อสี่เดือนก่อน มันเป็นฐานลับของ เท็ด เด็กเชื้อยิวนักชอบแต่งเรื่องผู้ชอบอ่านการ์ตูนฮีโร่ และฟิล เพื่อนสนิทของเท็ดที่อยากรู้ไปซะทุกอย่าง

แต่ทว่าแมตตี้ที่ตายไปแล้ว กลับมาสื่อสารกับลิลลี่ในท่อน้ำ ขณะที่เท็ดเองก็เริ่มได้รับการสื่อสารจากแมตตี้ด้วยเช่นกัน ทั้งลิลลี่ เท็ดดี้ และฟิลลี่ ตกลงกันว่าจะไม่บอกใครและเริ่มหาข้อมูลในห้องสมุด และมันก็นำพวกเขาไปเจอกับ เวโรนิก้า ‘รอนนี่’ โกรแกน (Amanda Christine จากหนังเรื่อง ‘Black Box’) ลูกสาววัยสิบสองของพ่อผิวสีที่เป็นพนักงานโรงหนังแคปปิตอล

ต่อมา ลิลี่ต้องสูญเสียทั้งเท็ดดี้และฟิลไปจากเหตุทารกยักษ์กลายพันธุ์อาละวาดในโรงหนัง แก๊งที่ใช้งานฐานลับแห่งนั้นจึงเหลือเพียง ลิลี่, มาร์จี้ (Matilda Lawler จากซีรีส์ ‘The Santa Clauses’) สาวแว่นที่พยายามจะเข้ากับทุกกลุ่ม, ริช ซานโตส (Arian S. Cartaya) และ วิล แฮนลอน (Blake Cameron James) ลูกชายหนอนหนังสือของลีรอยเพิ่งย้ายเข้าเมืองมา

รีวิวซีรีส์ ‘อิท: ยินดีต้อนรับสู่เดอร์รี่’

ซีรีส์เรื่องนี้ มันพาเรากลับเข้าไปในยุค 60’s และเล่าถึงทหารที่ทำการทดลองบางอย่างจนส่งผลให้เกิดเหตุคลอดลูกที่มีความผิดปกติออกมา โชคร้ายเป็นเด็กน้อยเคลมอนต์ที่ดันโบกรถเจอครอบครัวตัวร้ายพาวนอยู่ในเมืองเดอร์รี่ ก่อนเผชิญหน้าทารกยักษ์กลายพันธุ์ที่คลอดในรถ และก่อนที่มุมกล้องจะพาเราไปเจอกับไตเติลของท่อระบายน้ำ

มันพาเราไปยังช่วงเวลานั้น ไปเจอกับหลาย ๆ กิจกรรมของบรรดาเด็กๆ ในช่วงนั้น แต่ละตอนก็จะมีฉากสยองชนิดรุนแรงปะปนอยู่ อย่างตอนแรกมันจะพาเราไปที่โรงหนังอันเป็นจุดร่วมของเหล่าเด็กๆ เพลงจากหนังเรื่อง ‘The Music Man’ (หนังที่เข้าฉายในปี 1962) ที่เคลเมนต์สได้ดูก่อนตาย รอยยิ้มน่าสยดสยอง และทารกน่าเกลียดน่ากลัวโผล่ออกมาทำคนดูสะพรึง ขนลุก เสียวสันหลังวาบอีก นี่ขนาดมันเกิดขึ้นในจอทีวีเองนะ

นอกจากโรงหนังแล้ว ก็ยังมีคณะละครสัตว์ที่เกี่ยวข้องกับที่มาของเพนนีไวส์โดยตรง แล้วก็ยังมีจูนิเปอร์ฮิลล์ โรงพยาบาลบ้าที่เด็กมีปัญหาอย่างลิลี่ก็เคยเข้าไปอยู่ที่นั่น ที่เหลือก็คงเป็นพื้นที่ของทหารแล้วล่ะ การทดลองลับ และการขุดค้นต่าง ๆ เรื่องราวของซีซันนี้จะค่อย ๆ เผยให้เห็นถึงภารกิจลึกลับที่นายทหารคนหนึ่งกำลังกระทำ

ท่ามกลางโลกที่เหยียดคนผิวสีอย่างเข้มข้น แก๊งเด็ก ๆ ได้ถือกำเนิดขึ้น แต่สมาชิกก็เหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ บางทีมีคนมาเพิ่ม บางทีก็หายเพราะถูกเพนนีไวส์จับกิน สมาชิกที่อยู่ในซีซันนี้ก็จะเป็น เท็ดดี้กับฟิลลี่ที่ไม่รอดเช่นเดียวกับแมตตี้ ก่อนที่ต่อมาเราจะได้เห็น วิล มาร์จี้ ลิลี่ และริช แม้บางคนจะได้ยินเสียงเตือนและห้ามจากผู้ใหญ่ แต่ดูจะไม่ได้ฟังสักเท่าไหร่ จึงคอยจะเอาตัวเข้าไปเสี่ยงโดยตลอด สาเหตุหลักก็คือช่วยเพื่อนนั่นเอง

และนอกจากตัวละครเด็ก ๆ ที่ผู้ชมอย่างเราต้องเอาใจช่วยแล้ว ซีรีส์ก็ยังให้พื้นที่กับตัวละครผู้ใหญ่เช่นกัน มีหลายตัวเลยที่บทมันตั้งใจพูดถึง ไม่ว่าจะเป็น ฟรานซิส ชอว์ (James Remar จากหนังเรื่อง ‘Oppenheimer’) ที่เคยเป็นเด็กท้องถิ่น ที่ตอนนี้ เขาเป็นทหารระดับนายพลผู้เป็นหัวหน้าทีมขุดค้นเพื่อหาอาวุธบางอย่างที่อยู่ใต้เมืองเดอร์รี่ ครั้งหนึ่ง เขาเคยเป็นเพื่อนกับโรส (Kimberly Guerrero) เด็กสาวชาวเผ่าพื้นเมือง และทั้งสองคนก็ต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งหลังเวลามันผ่านไป 50 ปี

และไม่ใช่แค่แฮนลอนที่เป็นตัวละครผิวสีที่สำคัญ เพราะยังมีดิ๊ก ฮัลโลแรน (Chris Chalk จากหนังเรื่อง ‘Godzilla vs. Kong’) ที่มีพลังในการสื่อถึงสิ่งลึกลับพวกนี้ แฮนลอนต้องมาขับเครื่องบินพาฮัลโลแรนออกตามหาบางสิ่ง แต่ก็กลายเป็นว่าฮัลโรแรนต้องทนทุกข์ทรมานจากพลังพิเศษของตนเองในภายหลัง

อย่างที่คนในเมืองนี้จะรู้กันดีว่า เหตุการณ์เด็กหายมักจะเกิดขึ้นเป็นวงรอบ ทุกๆ 27 ปีมันจะกลับมา และมีบางสิ่งที่ถูกฝังอยู่ใต้เมืองแห่งนี้ บางสิ่งที่เป็นเหมือนเสาที่ล้อมขังปีศาจร้ายเอาไว้ แถมทหารที่รู้เรื่องสิ่งนี้ดีกำลังจะขุดมันขึ้นมา โดยใช้เรื่องการทดลองบังหน้า

จากที่ซีรีส์เล่นกับความน่าสะพรึงกลัวที่สร้างความสงสัย เรื่องราวค่อยๆ คลี่คลายและบอกว่ามันคืออะไร สุดท้ายความน่ากลัวชนิดเสียววาบ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความระทึกเมื่อทุกตัวละครต้องฝ่าฟันร่วมกัน จนสุดท้าย เรื่องราวสุดลึกลับเหล่านี้ก็เหมือนจะสิ้นสุดลง เพียงเพื่อรอให้ความสยองขวัญครั้งใหม่กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง

ซีรีส์ถ่ายทอดเพนนี่ไวส์แห่งเดอร์รี่ออกมาได้น่ากลัวไม่น้อย ภายใต้เมกอัพ เขาคือ Bill Skarsgård ผู้ที่สวมบบาทให้เราได้เห็นชัดถึงความวิกลจริต ผสานเทคนิคพิเศษที่ทำให้เห็นถึงพลังอันยากจะต่อกร อีกส่วนก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ สตีเฟ่น คิง และทีมเขียนบทที่วางให้ตัวตลกกลายเป็นตัวร้าย แทนที่จะเป็นผู้สร้างความหรรษา มันกลับกลายเป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวทั้งรูปลักษณ์และพฤติกรรม

ซีรีส์พาเราไปรู้จักกับเพนนีไวส์ ปีศาจในคราบตัวตลก ว่าที่จริงเขามีจุดกำเนิดเป็นอย่างไร และแน่นอนว่า เขาจะกลับมาอีกในซีซัน 2 และ 3 ที่จะตามมา อย่างไรก็ดี แม้จะมีความน่าสะพรึงกลัว หากบทของมันก็ยังมีความเป็นซีรีส์เยาวชนอยู่ดี และมีถ้อยคำบางส่วนที่ชวนจับใจ

“ลูกไม่ต้องเหมือนพ่อ แค่เป็นตัวเอง พ่อรักลูก”

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์