ในยุคที่หนังซูเปอร์ฮีโร่เฟื่องฟู จำต้องมีฮีโร่ที่แหวกแนวหาหนทางที่เป็นของตัวเอง และพาตัวเองไปให้ไกลสุดกู่ ในบรรดาฮีโร่พวกนั้น ผู้คนจดจำเขาได้ดีในชายชุดแดงที่พกดาบคู่สะพายไว้ข้างหลัง อยู่ยงคงกระพันฆ่าฟันไม่มีตาย ณ บัดนาว เขากลับมาใน ‘Deadpool 2’ ภาคต่อที่ยังคงความเกรียนเช่นเคย ทั้งโปสเตอร์ บิลบอร์ด ไปจนถึงเอ็มวี
เปลี่ยนมือผู้กำกับมาเป็น David Leitch ผู้ร่วมทำ ‘John Wick’ และเคยมีผลงานอย่าง ‘Atomic Blonde’ ช่วยการันตีงานกำกับแอ็คชัน แต่ยังคงไว้ซึ่งความเกรียนในแบบฉบับของเดดพูล เสริมทัพด้วยตัวละครใหม่เพื่อร่วมกันผนึกกำลัง
งานภาคต่อที่ตั้งโจทย์เพื่อความหฤหรรษ์สไตล์เกรียนๆ ที่ต้องมากกว่าเดิม
เรื่องย่อหนัง ‘Deadpool 2’
หลังเราได้ทำความรู้จักกับ เวด หรือ เดดพูล (Ryan Reynolds) ซูเปอร์ฮีโร่สุดอมตะจอมเกรียนในภาคเริ่มต้นกันไปแล้ว มาคราวนี้ หนทางการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในทางที่ไม่ค่อยจะฮีโร่ก็ยังเดินทางต่อเนื่อง คราวนี้เหมือนว่า โลกของเขาจะเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อเขาต้องเจอกับโศกนาฏกรรมทางความรัก แต่เขาก็ได้เจอกับอะไรอีกหลายๆ อย่างที่จะพาคุณยังทางที่ไม่เคยได้เจอ
ในภาคนี้ เขาจะได้เผชิญหน้ากับวายร้ายตัวใหม่ เคเบิล (Josh Brolin) ที่เดินทางมาจากอดีต ด้วยเหตุผลกลใดกันนะ เขาจึงมุ่งหน้ามาหาเดดพูล
และก็ไม่ใช่เพียงเคเบิลเท่านั้น ที่เราจะได้เจอในภาคใหม่ เมื่อเดดพูลคิดการใหญ่ รวบรวมทีมซูเปอร์ฮีโร่บ้าง งานนี้ ต้องมีออดิชั่น รวมทั้งยังมีเด็กกลายพันธุ์อีกคนที่เราเห็นในตัวอย่าง ที่ทำให้เดดพูลต้องเข้าไปพัวพันด้วย
ไม่รู้ว่านี่เป็น เรื่องย่อของหนังหรือว่าอะไร มันดูไม่เป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่า เราไปรีวิวกันเลยดีกว่าเนอะ
รีวิวหนัง ‘Deadpool 2’
คือการเข้าไปชมภาพยนตร์ภาคต่อของซูเปอร์ฮีโร่สุดเกรียนด้วยความไม่คาดหวังใดๆ ก่อนเข้าไปชมรับรู้แค่ภาคนี้จะมีเคเบิลเป็นคาแรคเตอร์ตัวใหม่ที่มาเสริมทัพ เมื่อได้มาดูจริงๆ ก็ได้พบว่า จริงๆ แล้วหนังมันมีตัวใหม่ๆ ใส่เข้ามาเพียบเลยนี่หว่า
หรือนี่คือ ‘เดดพูล’ ภาคค้นหาตัวตน
อย่างที่รู้กันว่าเวดมีเมียรักชื่อ วาเนสซ่า (Morena Baccarin) แต่ก็ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ยอมให้เขาสุขสมในชีวิตรัก เรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดของเวดหรือเดดพูลอย่างมาก ส่งผลต่อเนื่องให้เขามีพฤติกรรมต่างๆ นานา บ้าๆ บอๆ ที่ยังไง้ยังไงก็ไม่มีวันจะทำให้เขาหลีกหนีไปจากการเป็นเดดพูลไปได้
หนังมีความวนลูปอยู่พอสมควร เหมือนเป็นการเล่าเรื่องราวของการค้นหาตัวเองจากคำพูดของเมียรัก
ดั่งเดดพูลได้รับภารกิจเพื่อเข้าใจและค้นหาบางสิ่ง และเขาก็พร่ำวนเวียนค้นหามันครั้งแล้วครั้งเล่า การได้พบเจอเด็กกลายพันธุ์คนนั้น การได้เผชิญหน้ากับเคเบิลที่มาถึงตัวเขาอย่างไม่รู้จุดประสงค์ รวมไปถึงที่เดดพูลต้องตกไปอยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเขาเองก็อาจไม่คาดคิด
เพียงแต่มันเป็นการค้นหาตัวเองที่ต่อไม่ติดกับผมสักเท่าไหร่ ดูมาทั้งเรื่อง ก็ยังไม่เข้าถึงแก่นสารที่เดดพูลกำลังตามหาอยู่ดี และถ้ามองกันจริงๆ ตัดเรื่องมุกเกรียน ลีลาการแซะที่มากมายเต็มเรื่องแล้ว ก็เหมือนจะไม่พบอะไรที่หนักแน่น หรือน่าสนใจให้พบเห็นเป็นรูปเป็นร่างนัก (อาจมีคนมองในทางตรงข้าม ซึ่งอันนี้ ผมว่ามันก็คงแล้วแต่คนจะมอง)
สิ่งที่หนังมีมากขึ้นคือข้อต่อไปนี่เอง
‘เดดพูล’ ไม่ได้แค่เกรียน แต่ยังขี้แซะอีกด้วย
ภาคแรกเป็นการแนะนำตัวละครที่เป็นส่วนหนึ่งของทีม X- เม็นอย่างกลายๆ มาภาคสองนี่ เดดพูลถึงขั้นบุกโรงเรียนด้วยตัวเอง แถมยังได้เป็นเด็กฝึกหัดอีกด้วย และในทุกช่วง เหมือนเดดพูลจะเป็นตัวชงตัวตบอยู่ตลอดเวลา ใช้ความเกรียนสร้างสรรค์มุก ที่หยิบทุกสิ่งมาแซะได้อย่างสนุกปาก
ไม่ว่าจะแซะเหล่า X-เม็น แซะไปถึงจักรวาลตัวเอง จักรวาลคู่แข่ง ใครชอบดูหนังทุกแนวและจดจำหนังพวกนั้นได้ ก็จะได้เปรียบที่จะเก็ททุกมุกที่มันเล่น
นั่งขำนั่งฮากับมุกแซะจิกกัดที่มากันตั้งแต่ต้นยันเครดิตปิดท้ายเรื่อง
ในภาคนี้ ยังเป็นการแนะนำ โดมิโน่ (Zazie Beetz) สาวผมหยิกให้เป็นที่รู้จักต่อสายตาผู้ชมอีกด้วย ความสามารถพิเศษของเธอนั้นไม่ธรรมดา และไม่คิดว่าจะมีจักรวาลไหนสร้างซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความสามารถชนิดนี้ขึ้นมาได้ และหนังก็เล่นกับความสามารถของเธอได้อย่างสนุกมือ
จะเรียกว่าไม่ต้องสนเนื้อเรื่อง แล้วสนุกกับความบ้าบอของหนังก็ย่อมได้
นอกจากนี้ หนังก็ยังหยิบเอาตัวละครหนุ่มแขกคนขับแท็กซี่มาขยี้ต่อ จนอาจกลายเป็นตัวละครเจ้าประจำสำหรับหนังของเดดพูลไปแล้วก็เป็นได้ หนังตั้งใจเอาทุกทางของความเป็นฮีโร่ที่ใครๆ ไม่เคยทำ นอกเหนือไปจากการล้อเลียนซูเปอร์ฮีโร่ตัวอื่นๆ ยังมีการเซอร์ไพรซ์ผู้ชมด้วยไอเดียสนุก กลายเป็นหนังที่บ้าดีไม่มีใครเหมือน
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำได้เจ๋งไม่แพ้ความเกรียน…
แอ็คชั่นคือ ‘ดิบ’ แต่เพลงประกอบคือ ‘ดี’
‘เดดพูล 2’ มีฉากแอ็คชันที่ดิบ ดุ โหดเลือดสาด จัดหนักจัดเต็มเมื่อถึงฉากเหล่านี้ รวมไปถึงฉากที่มักเป็นของประจำในหนังแอ็คชันซูเปอร์ฮีโร่ นั่นคือ ฉากการต่อสู้และไล่ล่าบนท้องถนน
นอกจากนี้ หนังยังคงเต็มไปด้วยเพลงประกอบที่หลุดมาจากยุคก่อนๆ มีแต่เพลงที่คุ้นหู แถมบางเพลงก็เคยถูกใช้ในหนังฮีโร่บางเรื่องมาก่อนแล้วด้วย
บางช่วง หนังใช้ลูกเล่นกระชากอารมณ์ ปรับจากโหมดหนึ่งไปสู่อีกโหมดอย่างฉับพลัน ใช้เพลงอารมณ์ละมุนมาตัดอารมณ์คุกรุ่นได้อย่างเกรียนสาด บางเพลงเพราะมากแถมไม่ใช่เวอร์ชั่นดั้งเดิม
คนที่จะเก็ททุกมุกของหนังคงต้องดูหนังเยอะหน่อย โดยเฉพาะหนังซูเปอร์ฮีโร่ มีความอินในป็อปคัลเจอร์มากหน่อย อะไรประมาณนั้น แต่ด้วยความที่เดดพูลเป็นฮีโร่ขี้แซะที่พูดมากทั้งเรื่อง ทำให้บุคลิกหนังจะขึ้นอยู่กับบุคลิกของเขามากเป็นพิเศษ จนบางครั้งก็ดูเหมือนจะพูดมากไป หรือเล่นมุกพร่ำเพรื่อไป ทำให้หนังฮาทว่าก็ดูมีเส้นเรื่องที่บางเบาไปหน่อย และถ้าใครไม่รู้สึกทัชกับหนังก็อาจจะมีช่วงหลุดๆ ไปได้ แต่หนังก็มีความฮาเกินบรรยายอยู่ในช่วงกลางของ End Credit ซึ่งหลายคนว่าไม่ควรพลาด
เรียกได้ว่า “แซะแล้วแซะอีกแม้กระทั่งฉากแถม”
ชื่อภาพยนตร์: Deadpool 2 / เดดพูล 2
ผู้กำกับภาพยนตร์: David Leitch
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Rhett Reese, Paul Wernick, Ryan Reynolds
นักแสดงนำ: Ryan Reynolds, Josh Brolin, Morena Baccarin, Zazie Beetz, Brianna Hildebrand, Bill Skarsgård, T.J. Miller, Julian Dennison, Shioli Kutsuna
ความยาว: 119 นาที
ปี: 2018
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Comedy, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 16 พฤษภาคม 2561
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Donners’ Company, Kinberg Genre, Marvel Entertainment
เดดพูล 2
Deadpool 2 - 7
7
Deadpool 2
เดดพูล 2 คือภาคต่อที่เปลี่ยนผู้กำกับ ทำให้กลายเป็นหนังที่คิวบู๊สนุกดุเดือด แต่โหดดิบเลือดสาดเช่นเคย หนังเต็มไปด้วยมุกจิกกัด แซะไปทั่วทั้งจักรวาล ใส่เซอร์ไพรซ์ใส่คนดูไม่รู้หยุดหย่อน น่าเสียดายที่เดดพูลพูดมาก เล่นมุกตลอดเรื่อง จนเส้นเรื่องแทบไม่มีอะไร หนังใส่ความบันเทิงมากับมุกทั้งหลาย แต่ถ้าไม่ใช่นักดูหนังก็อาจจะไม่โดนต่อมเท่าไหร่
1 คอมเมนต์