เป็นซีรีส์เกาหลีที่เน็ตฟลิกซ์ส่งลงสตรีมมิ่งให้ชมกันในวันวาเลนไทน์ เรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ และความฝันของวัยรุ่น 4 คนในแวดวงคนสร้างหนัง ‘Melo Movie‘ หรือชื่อไทย ‘หัวใจตึกตัก หนังรักใจฟู’ เมื่อคนบ้าหนังที่กลายมานักวิจารณ์ได้พบเจอกับผู้กำกับหญิงที่กำลังได้ทำหนังเรื่องใหม่จากบทที่เขียนจากเรื่องจริงของนักเขียนบทกับหนุ่มผู้ฝันจะเป็นนักแต่งเพลงดัง
คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้?
โรแมนติกดราม่าของคนรักหนัง เล่าเรื่องวัยรุ่น 4 คนที่ต่างคนต่างก็มีปมในใจที่แตกต่างกัน สามคนเป็นเพื่อนร่วมแก๊งที่เอาดีในทางนักวิจารณ์ นักเขียนบท และนักแต่งเพลง กับอีกหนึ่งเป็นหญิงสาวที่รู้สึกไม่ได้รับความรักจากพ่อที่ใฝ่หาความสำเร็จในการเป็นผู้กำกับ การเดินเรื่องอาจจะเนือยไปนิดๆ แต่ด้วยเสน่ห์ความน่ารักของสี่ตัวนำ ทำให้คนดูยังคงติดตามตั้งแต่ต้นไปจนจบได้ตลอดรอดฝั่ง แถมหลังๆ มีอินน้ำตาไหลกันได้เรื่อยๆ
เป็นซีรีส์เกาหลีที่มีจุดเด่นที่เพลงเพราะดี กับเรื่องราวที่เล่าถึงคนคอหนังนั่นแหละครับ
รู้จักกับตัวละครนำในซีรีส์ ‘Melo Movie‘
โกกยอม (Choi Woo Sik/ชเวอูซิก จากซีรีส์ ‘ร้อนนั้นเรารักกัน’) ผู้ชายที่เติบโตมาด้วยการเปิดดูวิดีโอหนังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มุ่งหวังจะดูหนังทุกเรื่องบนโลกนี้ให้หมด และพอโตมา เขาก็เลือกว่าจะเป็นดารา ได้เป็นตัวประกอบมาหลายเรื่องและยังไม่เจอบทที่ตนต้องการ แต่มันก็ทำให้เขาได้พบกับคิมมูบี แล้วจากนั้น อีกวันหนึ่ง เขาก็กลายเป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์
คิมมูบี (Park Bo Young/พัคโบยอง จากซีรีส์ ‘Light Shop’) เด็กสาวที่ชอบสวนสนุกมาก โตมากับ คิมฮุนดง พ่อที่รักงานทำหนังมากเสียจนกลายเป็นความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งเกลียด หลังสูญเสียเขาไป เธอก็เลือกจะมาทำงานในกองถ่ายหนังด้วยความสนใจใคร่รู้ว่าหนังมันเป็นเช่นไร แต่เธอเป็นพวกชอบอยู่เงียบๆ และมองว่าโกกยอมเข้ามาทำให้ชีวิตเธอวุ่นวายเกินไป
ฮงชีจุน (Lee Jun Young/อีจุนยอง จากหนังเรื่อง ‘Badland Hunters’) เขาทำงานพาร์ทไทม์ในร้านวิดีบาร์ที่ไม่ค่อยจะมีลูกค้า ชายหนุ่มร่ำรวยที่ออกจากมหา’ลัยดีๆ มาแต่งเพลง เชื่อมั่นในความอัจฉริยะของตนเองและหวังที่จะโด่งดัง โดยเขามีหญิงสาวอย่าง ซนจูอา (Jeon So Nee/จอนโซนี จากซีรีส์ ‘Parasyte: The Grey’) แฟนที่คอยตามให้กำลังใจอยู่เคียงข้างตลอดมา แต่แล้วอีกวัน พวกเขาก็เลิกราต่อกัน ก่อนต่อมา จูอาจะกลายเป็นนักเขียนบท
และนี่คือ 4 ตัวละครนำที่จะโลดแล่นอยู่ในโลกของซีรีส์ 10 ตอนเรื่องนี้
‘หัวใจตึกตัก หนังรักใจฟู’ ความรักของคนสองคู่ในวงการหนัง
บทของชเวอูซิกในเรื่องนี้ อาจดูค่อนข้างน่ารำคาญหน่อยๆ ในช่วงแรกเริ่มที่ได้รู้จัก ก็เพราะลีลาการจีบสาวที่มักใช้การเดินตาม แม้จะตั้งใจดีห่วงความปลอดภัย หรือได้เจอกันโดยบังเอิญอยู่บ่อยๆ แต่ก็กลับกลายว่าวิธีวอแวแนวๆ นี้ได้ผล เมื่อมูบีมีทีท่าจะสนใจเขาอยู่เหมือนกัน แต่ในช่วงต่อๆ มา เราก็เริ่มจะเข้าใจตัวของเขามากขึ้น
จะว่าไป ซีรีส์เรื่องนี้มันเน้นเล่าทั้งเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ ความฝันและอาชีพของตัวละครนำทั้งสี่ โดยมีโกกยอมกับคิมมูบีเป็นคู่แรก และฮงชีจุนกับซนจูอาเป็นคู่ที่สอง
คิมมูบี หญิงที่ไม่ชอบชื่อตัวเอง เกลียดแต่รักพ่อที่ทุ่มเทกายใจให้กับการทำหนังจนเหมือนเธอไม่เคยได้รับความรักจากเขา ทว่าเธอก็เติบโตขึ้นมาและอยากทำหนังรักปนเศร้า ส่วนโกกยอมผู้ชอบหนังมากจนแทรกตัวเองไปเป็นตัวประกอบในกองถ่ายและได้เจอกับมูบี แต่แล้วเขาก็หายหน้าไปซะดื้อๆ เพราะพี่ชายประสบอุบัติเหตุ จึงต้องหาเลี้ยงชีพเอง จนได้พบหนทางรายได้ใหม่อย่างการเป็นนักวิจารณ์หนัง
ขณะที่ฮงชีจุนผู้มั่นใจในฝีมือการแต่งเพลงของตนเองก็ยังไม่เจอวันรุ่งโรจน์สักที มีแฟนที่หนุนทุกอย่างจนรักมันพังและเลิกรา และเหมือนจะได้รับโอกาสครั้งใหม่ หลังซนจูอากลายเป็นมือเขียนบทหนังผู้กำลังได้งานใหม่เป็นหนังที่กำกับโดยคิมมูบี พัฒนาบทหนังจากชีวิตส่วนตัวที่เธอหยิบมาเขียน และดึงเอาแฟนเก่าอย่างชีจุนมาทำเพลงประกอบให้
โปรเจกต์หนัง ‘เมโลดี้’ เริ่มต้น เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของคนสองคู่ที่โชคชะตาพาให้กลับมาเริ่มต้นกันอีกครั้ง
รายละเอียดเล็กๆ ที่ก่อเกิดความขัดแย้งในความสัมพันธ์
คิมมูบีมองเห็นสีหน้าท่าทีของโกกยอมผู้คลั่งหนัง เธอไม่เชื่อว่าใครจะมีแต่ด้านที่ยิ้มแย้มสดใสไร้เรื่องเศร้า ก็ใช่แหละ แท้จริงแล้วโกกยอมแกล้งทำเป็นสบายใจตลอดเวลาทั้งที่ภายในยังเจ็บปวด เขาเก็บความรู้สึกแบบนั้นเอาไว้คนเดียว
หลังการตายของพ่อและแม่ เขากลายเป็นเด็กกำพร้าและเหลือเพียงโกจุน (Kim Jae Wook/คอมแจอุก จากหนังเรื่อง ‘The Last Princess’) พี่ชายที่สนิทกันมาก แต่เพราะอุบัติเหตุ ทำให้เขาต้องหาเงินเลี้ยงทั้งตัวเอง ทั้งรักษาพี่ชายที่บาดเจ็บหนักจนต้องทำกายภาพบำบัด นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เขาต้องต้องหาเงินจากการรับจ้างทำงานหลายอย่างและหายหน้าไปจากมูบีถึง 5 ปี ความสัมพันธ์ที่เคยดีเลยจำต้องหยุดชะงักลง
ด้านมูบี ที่ความรู้สึกขัดแย้งในใจมาโดยตลอด เพราะเธอไม่ชอบชื่อตัวเองที่พ่อเป็นคนตั้ง เธอไม่ได้มองตัวเองเป็นคนรักหนัง แต่ก็กลับก้าวเข้ามาในวงการ ผู้คนต่างก็มองว่าเธอก้าวตามความฝันของพ่อซึ่งนั่นขัดใจเธออยู่ไม่น้อย เธอกลายเป็นคนในกองถ่ายในฐานะทีมงานของผู้กำกับ มีบุคลิกเป็นคนเงียบๆ แต่กลับจับใจโกกยอม ผ่านไป 5 ปี ตอนนี้ มูบีกลับกลายมาเป็นผู้กำกับหนัง และโกกยอมก็กลายเป็นนักวิจารณ์หนัง สองอาชีพที่หลายคนมองว่าเป็นศัตรูกัน
ขณะอีกคู่หนึ่ง ฮงชีจุนและซนจูอาต่างก็เป็นเพื่อนแก๊งเดียวกับโกกยอม สองคนนี้เคยคบเป็นแฟนกันก่อนจะเลิกรา ในทีแรก คนดูอย่างเราก็ไม่เข้าใจถึงต้นสายปลายเหตุของการเลิกกัน แต่เมื่อถึงวันที่สองคนต้องกลับมาคุยกันใหม่เพราะเรื่องงาน ก็เหมือนความสัมพันธ์กำลังถูกรื้อฟื้น สาเหตุของการเลิกกันก็ถูกขุดขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นในเวลาต่อมา
นอกเหนือไปจากตัวละครนำทั้งสี่แล้ว ก็ยังมีตัวละครสมทบที่สมควรถูกพูดถึงบ้าง นอกจากโกจุนพี่ชายโกกยอมที่พูดถึงไปแล้วนั้น ก็ยังมี ชูฮียอง (Seo Yi Sook/ซออีซุก) ผู้กำกับรุ่นพี่ที่มูบีชื่นชมสนิทสนมด้วย มาซองอู (Ko Chang Seok/โกชางซอก) ผู้กำกับชายที่โกกยอมไปขอเป็นตัวประกอบจนได้พบกับคิมมูบี และอูจองฮู (Cha Woo Min/ชาอูมิน จากซีรีส์ ‘Buried Hearts’) เด็กขี้โรคในวัยเด็กที่มูบีช่วยเหลือเอาไว้ เขาเติบโตเป็นหนุ่มสูงใหญ่และกลับมาหามูบีอีกครั้ง ซึ่งก็มีส่วนร่วมไม่น้อยในความสัมพันธ์ของคู่พระนางนี้
แง่มุมต่างๆ ในวงการหนัง
บทซีรีส์บอกว่า นักวิจารณ์/นักรีวิวหนังเป็นศัตรูกับคนทำหนัง แม้ความจริงนั้น สองอาชีพนี้สามารถจะเกื้อกูลกันได้ แต่มันก็เหมือนดาบสองคม ถ้านักวิจารณ์หยิ่งผยองเกินไปก็อาจสร้างศัตรู พวกเขาจำต้องแข็งแกร่งมากพอที่จะรับแรงต้าน ขณะที่ผู้กำกับหนังที่ใจกว้าง ยอมรับเสียงวิจารณ์ และเลือกนำไปปรับใช้ เสียงวิจารณ์ก็อาจเป็นประโยชน์ต่องานของพวกเขาได้เช่นกัน
โดยรวมแล้วมันบอกเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้กำกับ นักเขียนบท นักรีวิวหนัง และคนทำเพลงประกอบ และเมื่อมาถึงตรงนี้ นายแพทของหยิบแง่มุมที่ซีรีส์พูดถึงในแต่ละอาชีพของคนวงการหนังมาแปะรวมไว้ด้วยกัน
ในมุมนักวิจารณ์หนัง
ซีรีส์พูดถึงบางอย่างที่ล้ำเส้นมากไปจนคำวิจารณ์ของเขาอาจส่งเสียจนต้องตระหนักในเสียงของตน แม้ตัวตนของเขาอาจไม่ได้แสวงหาความโด่งดังขนาดนั้น แต่สำนักพิมพ์ที่รบเร้าทำให้เขาได้ออกหน้าจอมากขึ้น มีอิทธิพลมากขึ้น ซึ่งมันก็ดีตรงที่ทำให้เขามีรายได้มากขึ้น แต่พอต้องเขียนบทวิจารณ์ให้แรงขึ้น มันก็ส่งผลสะท้อนกลับที่เขาต้องรับมันให้ไหวด้วยเช่นกัน
ในมุมของผู้กำกับ
มาถึงมุมของผู้กำกับหญิงบ้าง ด้วยปมเรื่องพ่อในอดีต ทำให้เธอไม่ชอบอยู่ใกล้หรือสนิทสนทกับใคร เพราะไม่อยากให้วันนึงถึงเวลาต้องลาจากกัน นั่นอาจเป็นสาเหตุให้เธอไม่ค่อยอยากทำให้ความรู้สึกและความสัมพันธ์นั้นเติบโต แต่ก็เป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเอง เธอทั้งรักทั้งเกลียดพ่อที่รักและมุ่งมั่นทำหนัง แต่เธอก็ทำงานกองถ่ายจนวันนึงก็กลายเป็นผู้กำกับ และต้องประสบปัญหาเหมือนกับอีกหลายคน คือการสร้างหนังเรื่องนึง มันต้องดิ้นรนต้องแต่การหาทุน และต้องทำหนังที่ทำเงินเพื่อให้ได้ทำงานชิ้นต่อๆ ไป
ในมุมคนเขียนบท
เพราะอาจต้องรีบเร่งสร้างผลงานเรื่องแรกออกมาให้ไวสุด จึงมักหยิบชีวิตตัวเองมาบอกเล่า ในอีกวัน ก็อาจไม่คิดว่าต้องกลับมาสานต่อความสัมพันธ์ที่ขาดหายไปอีกครั้ง คนเขียนบทจึงกลับไปหานักแต่งเพลง แต่อาจต้องพบกับความยากลำบากเมื่อต้องทำงานกับแฟนเก่า ทั้งต้องเขียน แก้และเกลาบทที่หยิบมาจากเรื่องจริงของตนเอง
ในมุมของนักแต่งเพลง
แล้วก็มาถึงมุมของนักแต่งเพลง ตัวละครในเรื่องนี้ เขาเกิดในครอบครัวหมอที่มองตัวเองเป็นคนนอก แม้พ่อจะช่วยออกเงินค่าสตูดิโอให้ มีแฟนสาวที่ชื่นชม ให้กำลังใจ และคอยผลักดันเขาเรื่อยมา แต่เขากลับมองว่ามันเป็นความกดดัน เมื่อความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าไม่เป็นผลอย่างใจหวัง ก็อาจสร้างความท้อแท้ให้เกิดขึ้น แม้เมื่อเลิกรากับแฟนเก่า เขาก็ยังคงดูหนังทุกเรื่องของนักเขียนบท แต่พอถูกทาบทามให้มาร่วมงาน เขาก็กลับอิดออดก่อนตกปากรับคำ คนที่เลิกกันแล้วแต่ต้องกลับมาทำงานร่วมกัน มันก็จะหน่วงๆ เหนื่อยๆ หน่อยนะ
เงื่อนงำความรักที่ขาดสะบั้นลงระหว่างชีจุนและจูอา ได้รับการคลี่คลายในวันที่พวกเขากินอุด้งด้วยกัน ทำให้รู้ว่าแค่เพียงเรื่องเล็กๆ หลายเรื่องที่ดูไม่เข้ากันก็อาจเป็นเหตุของการเลิกราได้ อีกวันนึง เราจึงได้เห็นว่าเพราะอะไรการคบกันของพวกเขาทั้งสองจึงต้องเดินมาถึงวันสิ้นสุด มันไม่ใช่แค่เรื่องไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง แต่มันคือการที่ความฝันของคนนึงต้องสะดุดเพื่อให้อีกคนได้ไปต่อนั่นต่างหาก
ไม่ใช่แค่โรแมนติก แต่นี่คือเรื่องดราม่าน้ำตาริน
นี่ไม่ใช่ซีรีส์รอมคอม ไม่ใช่โรแมนติกคอมเมดี้ แม้จะมีบ้างที่พาเราหัวเราะคิกคักแต่ก็ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ความจริงแล้วมันเป็นซีรีส์แนวดราม่าโรแมติก เพราะฉะนั้น นอกจากเรื่องรักแล้ว ซีรีส์ให้เวลากับช่วงดราม่าอยู่เยอะหน่อย
เรื่องที่เห็นชัดก็คงเป็นความสัมพันธ์ของพี่ชายกับน้องชาย โกจุนกับโกกยอม น้องชายจำเป็นต้องสละชีวิตรักไป 5 ปีเพื่อดูแลพี่ชายและเอาตัวเองให้รอด แม้ในวันต่อมาที่โกกยอมเลี้ยงตัวเองได้แล้วในฐานะนักวิจารณ์หนัง แต่ปัญหาที่เกี่ยวกับพี่ชายก็ยังไม่ได้หมดไป หากแต่ยังคงเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตรักของเขาอยู่ด้วยเสมอ เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของคิมมูบีกับพ่อของเธอในวันที่เขายังอยู่ ซึ่งก็มีหลายซีนที่พาคนดูน้ำตาซึม พ่อที่ไล่ตามความฝันอยากทำหนังจนแทบไม่มีเวลาให้ลูก แต่เขาก็อบอุ่นเกินกว่าจะเกลียด
มันคือซีรีส์ที่เล่าเรื่องคนที่คิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวได้ กับอีกคนที่ต้องพึ่งพิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา มองอีกด้านหนึ่ง มันเล่าถึงคนที่ไม่เคยเข้าใจคำว่ารัก ไม่เคยคิดว่าวันนึงต้องมาทำหนังรัก ใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้ไม่จำเป็นต้องมีคู่ แต่ชีวิตได้เดินมาถึงวันที่รู้จักรักครั้งแรก
แต่ละตัวละครต่างมีบาดแผลที่เป็นของตัวเอง ไม่มีใครหรอกที่จะยิ้มได้ตลอดเวลา เมื่อใดที่ได้อยู่กับตัวเอง ความเศร้าก็ตื่นขึ้นมาทำงาน เพราะเราไม่สามารถเสแสร้งใดๆ กับตัวเองได้ ขณะที่เรื่องรัก แม้บางที ความรักจะเกิดขึ้นมาเพื่อเยียวยา แต่คนที่รักกันก็อาจสร้างรอยแผลเป็นให้แก่กันได้ ภาพยนตร์คือภาพที่เคลื่อนไหวที่สว่างท่ามกลางความมืด แต่ก็กลายเป็นโลกที่เปิดให้เราหนีจากโลกความจริงได้
มันมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ที่คอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้กันในวันที่ใครสักคนกำลังเจ็บปวด มีเรื่องรักที่เคยหยุดชั่วระยะเวลาหนึ่งซึ่งอาจกลับมาเดินต่อหรือหยุดเพราะเกินจะฝีนไหว ไปๆ มาๆ ชีวิตของคนเรามันก็เหมือนหนังหลายเรื่องที่ฉายต่อๆ กันนั่นแหละเนอะ
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Melo Movie / หัวใจตึกตัก หนังรักใจฟู / 멜로무비 |
ผู้กำกับ | Oh Choong Hwan/โอชุงฮวาน (เจ้าของผลงาน ‘Castaway Diva’) |
ผู้เขียนบท | Lee Na Eun/อีนาอึน (เจ้าของผลงาน ‘ร้อนนั้นเรารักกัน – Our Beloved Summer’) |
นักแสดง | Choi Woo Sik, Park Bo Young, Lee Jun Young, Jeon So Nee |
แนว/ประเภท | ดราม่า, โรแมนติก |
จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 10 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 14 กุมภาพันธ์ 2025 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Netflix |
คะแนนรีวิวซีรีส์ หัวใจตึกตัก หนังรักใจฟู
พล็อตและบท - 7.7
การดำเนินเรื่อง - 7.4
การแสดง - 8.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ และโปรดักชั่น - 7.8
เพลงและดนตรีประกอบ - 9
8.1
Melo Movie
โรแมนติกดราม่าของคนรักหนัง เล่าเรื่องวัยรุ่น 4 คนที่ต่างคนต่างก็มีปมในใจที่แตกต่างกัน สามคนเป็นเพื่อนร่วมแก๊งที่เอาดีในทางนักวิจารณ์ นักเขียนบท และนักแต่งเพลง กับอีกหนึ่งเป็นหญิงสาวที่รู้สึกไม่ได้รับความรักจากพ่อที่ใฝ่หาความสำเร็จในการเป็นผู้กำกับ การเดินเรื่องอาจจะเนือยไปนิดๆ แต่ด้วยเสน่ห์ความน่ารักของสี่ตัวนำ ทำให้คนดูยังคงติดตามตั้งแต่ต้นไปจนจบได้ตลอดรอดฝั่ง แถมหลังๆ มีอินน้ำตาไหลกันได้เรื่อยๆ เป็นซีรีส์เกาหลีที่มีจุดเด่นที่เพลงเพราะดี กับเรื่องราวที่เล่าถึงคนคอหนังนั่นแหละครับ