
ในโลกของซีรีส์เรื่องนี้ มีมือสไนเปอร์คนนึงที่มีชีวิตหรูหรา ขับรถสปอร์ตคันงามไปทั่วยุโรป เมืองโน้นที เมืองนี้ที แต่เพราะฝีมือการส่องยิงที่แม่นมากอย่างเหลือเชื่อ ทำให้แต่ละงาน เขาเรียกค่าจ้างอย่างสูงลิ่ว โดยให้เหตุผลว่ามันร่วมค่าใช้จ่ายในการหลบหนี แต่ในโลกนั้นก็ยังมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและรู้เส้นสายกลไกนักทำปืน มันคือโลกใน ‘The Day of the Jackal’ หรือชื่อไทย ‘ล่าระห่ำ ฝ่าเมืองเดือด’ ที่เรากำลังเขียนอยู่กันอยู่นี่เอง
คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์เรื่องนี้?
มีซีรีส์บางเรื่องที่เราพบว่ามันน่าประทับใจในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะบทและเรื่องราวที่น่าติดตาม อย่างการให้สองฝ่ายที่ตรงข้ามกัน ฝีมือใกล้เคียงกันมาไล่ล่าและรุกรับกัน แล้วก็ใส่ตัวเอกที่มีไลฟ์สไตล์เท่ๆ มีทักษะอันหาตัวจับยาก แถมมีชีวิตที่ต้องปิดบัง เล่าเรื่องผ่านงานถ่ายภาพสุดเนี้ยบ มุมมองสวยชวนว้าว สัดส่วนภาพเหมือนดูหนัง เพลงและดนตรีประกอบที่เสริมเพิ่มความเท่ให้กับทั้งเรื่องราว
มันย่อมกลายเป็นซีรีส์ที่น่าประทับใจ ควรค่าแก่การบอกต่อ
เรื่องย่อซีรีส์ ‘The Day of the Jackal’
เกิดเหตุ มันเฟรด เฟสต์ ผู้สมัครคนสำคัญของเยอรมนีถูกลอบฆ่าที่มิวนิก และคนผู้ลอบฆ่าคือ ชาร์ลส์ เดอะ แจ็คกัล (Eddie Redmayne จากหนัง ‘The Danish Girl’ และ ‘Les Misérables’) มือสไนเปอร์ผู้ซุ่มยิงจากระยะไกลฝีมือของเขาอย่างเทพ ทั้งการปลอมตัวที่แนบเนียน ใช้ปืนที่ถอดลำกล้องแล้วบรรจุในกระเป๋าเดินทางใบเดียวได้ และทั้งยังการกลบเกลื่อนร่องรอยได้อย่างหมดจด
แต่เขาก็ได้เจอกับคู่ปรับจากเอ็มไอซิกซ์ เธอคือ นาดีน หรือ เบียงก้า (Lashana Lynch จากหนังเรื่อง ‘No Time To Die’ และ ‘Captain Marvel’) เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านปืน ภรรยาของสามีและแม่ของลูกวัยเรียน เธอสืบรู้ถึงคนที่สร้างปืนไรเฟิลดังกล่าว และกำลังสาวเรื่องเพื่อไปถึงตัวเขา เรื่องราวลุ้นระทึกสไตล์แมวกับหนูจึงเริ่มต้นและวุ่นวายไปทั่วทั้งยุโรป
รีวิวซีรีส์ ‘The Day of the Jackal’
ในตอนต้นของตอนแรก เราได้เห็นนักส่องฆ่าผู้นี้ใช้ยุทธวิธีปลอมตัวเป็นชายชราทำความสะอาด เพื่อเข้าไปยิงขา เอลีอัส เฟสท์ ผู้บริหารสำนักพิมพ์ ลูกชายของมันเฟรด เฟสท์ ตัวเต็งนายกรัฐมนตรีคนถัดไปของเยอรมนี ก่อนที่จะไปส่องฆ่ามันเฟรดในระยะโคตรไกล 3,815 เมตร หรือราว 2 ไมล์เลยทีเดียว แสดงถึงทักษะที่ยอดเยี่ยม แต่มันคืองานฆ่าคน มันคือการก่ออาชญากรรม ทำให้เขาต้องถูกล่าจากเจ้าหน้าที่เอ็มไอซิกซ์
เบียงก้า คือเจ้าหน้าที่ MI-6 ที่เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืน ถนัดเรื่องสไนเปอร์ เธอร่วมอยู่ในที่ประชุมที่กำลังพูดถึงเหตุสังหารมันเฟรด และเธอก็สงสัยว่าอาวุธปืนที่คนร้ายใช้น่าจะถูกสั่งทำขึ้นพิเศษ และคนๆ เดียวที่จะสร้างสิ่งนี้ได้คือ นอร์แมน สโต๊ค (Richard Dormer จากซีรีส์ ‘Game of Thrones’) คนไอร์แลนด์เหนือที่มองว่างานของเขาคือผลงานศิลปะ นั่นคือจุดเริ่มต้นของภารกิจแมวกับหนูที่ต้องวิ่งไล่จับกันไปทั่วยุโรป
วันต่อมา สไนเปอร์คนเดิมได้รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้าง ว่าต้องการให้ปลิดชีวิต อูเล ด๊าก ชาร์ลส์ เจ้าของอูดีซี ผู้ประกอบการสายเทคที่กำลังปล่อยซอฟต์แวร์ปฏิวัติวงการตัวใหม ที่จะส่งผลต่อความโปร่งใสทางการเงินและมีเสียงประท้วงต่อต้าน ผู้ว่าจ้างรายนั้นถึงขนาดนัดพบตัวต่อตัว และเราก็พบว่าเธอคือ ซีน่า (Eleanor Matsuura จากซีรีส์ ‘The Walking Dead’) ส่วนหนึ่งของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ในแดนมะกัน
source: IMDb
เมื่อดูไปได้สักพัก ก็จะมองเห็นว่า มันคือเรื่องราวกับไล่ล่าของเบียงก้า กับสไนเปอร์ที่เรียกตนเองว่าแจคคอล ระยะทางที่ค่อยคืบเข้ามาใกล้กันทุกทีของคนทั้งสอง คนหนึ่งที่รู้เรื่องปืนเป็นอย่างดี แถมมีความสามารถในการสืบเข้าขั้นยอดเยี่ยม กับอีกคนที่ฝีมือการเป็นนักฆ่านั้นเข้าขั้นหาใครเทียบได้ยาก ทำให้เรื่องราวออกมาสุดเข้มข้นและน่าติดตาม
ระหว่างทางของการสืบและไล่ล่า ทำให้เบียงก้าและองค์กรต้นสังกัดต้องสูญเสียไปหลายสิ่ง แต่ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอแค่นั้น มันยังนำพาไลฟ์สไตล์ของสไนเปอร์นาม ‘แจคคอล’ มาให้ผู้ชมได้รู้จักและสัมผัสอีกด้วย
นอกจากเขาจะส่องไกลได้เก่งกาจเกินต้านแล้ว เขาก็ยังเป็นชายหนุ่มที่กลบเกลื่อนร่องรอยตนเองได้ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนรถไปเรื่อย ทำลายรถทิ้งทุกครั้งหลับจบงาน ขับรถจากประเทศนู้นไปประเทศนี้ แต่งตัวใส่สูทอย่างเนี้ยบ ติดต่อลูกค้าก็ใช้แต่ VPN มีอารมณ์สุนทรีเหลือเชื่อง ส่องนกมั่ง วาดรูปมั่ง แต่เขาก็บ้านให้กลับไปหา ลูกเมียของเขาอยู่ในสเปนแต่เขาไม่เคยเปิดเผยอาขีพที่แท้จริงของตนให้รับรู้ อีกสิ่งหนึ่งที่เราค้นพบ คือ ค่าจ้างต้องรวมค่าหลบหนี ดังนั้นมันจึงแพงมาก นั่นเป็นสาเหตุให้เขาสามารถทำตัวหรูหราได้
แต่ก็นั่นแหละ แจคคอลผู้นี้แม้จะดูเนี้ยบและละเอียดแค่ไหน ก็ต้องมีวันพลาดเล็กพลาดน้อย ซึ่งนั่นทำให้เบียงก้ามีโอกาสสืบค้นจนถึงตัวเขาได้ อีกทั้งเมียคนสวย นูรีอา (Úrsula Corberó จากซีรีส์ ‘Money Heist’) เธอเองก็เริ่มสงสัย จึงค้นหาและค้นพบในสิ่งที่สามีซุกซ่อนปิดบังไว้ อย่างน้อยบทซีรีส์ก็ไม่ได้ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูเทพเกินไป แต่แม้เขาจะพลาดบ้างไรบ้าง แต่ก็ใช้ไหวพริบแก้ไขสถานการณ์และพยายามจะยึดครอบครัวไว้ให้มั่น
และด้วยความผิดพลาดและเละเทะที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เบื้องบนเพ่งเล็งเบียงก้า เธอจะหยุดยั้งไม่ให้เป้าหมายใหม่ถูกสังหารได้ยังไง ถ้าไว้ใจคนในองค์กรตัวเองยังไม่ได้ ที่สุด เธอได้กลับมาร่วมงานกับสหายเก่า วินเซนต์ ไพน์ (Nick Blood) ที่ดูจะมีเคมีเข้ากันดีกับตัวเอง
ในเชิงการดำเนินเรื่อง เขาทำได้ดีเลยนะ เพราะสองฝ่ายไล่ล่ากันสนุก ต่างคนต่างเก่งกันคนละด้าน ต่างก็มีจุดอ่อนที่ครอบครัวและบุคลิกส่วนตัว แต่ละตอนดำเนินไปอย่างไหลลื่นและมีจุดให้รู้สึกอยากติดตามอยู่ตลอด ในด้านงานภาพ ชอบที่มันใช้มุมมองกว้างราวกับดูหนังในโรงภาพยนตร์ ถ่ายภาพออกมาอย่างเนี้ยบทุกช็อต เหมือนดูหนังเรื่องนึงเลย แถมเมื่อประสานกับเพลงประกอบ มันมีความเท่อย่างบอกไม่ถูก
จากเดิมที่ใน Max ยังมีแค่ 5 ตอน ตอนนี้มีมาเพิ่มอีก 5 ตอนแล้ว คงต้องหาเวลานั่งดูต่อให้จบซีซันกันซะที
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | The Day of the Jackal / ล่าระห่ำ ฝ่าเมืองเดือด |
ผู้กำกับ | Brian Kirk, Paul Wilmshurst, Anu Menon, Anthony Philipson |
ผู้เขียนบท | Ronan Bennett, Charles Cumming, Frederick Forsyth, Shyam Popat, Jessica Sinyard |
นักแสดง | Lashana Lynch, Eddie Redmayne, Eleanor Matsuura, Chukwudi Iwuji, Úrsula Corberó, Ben Hall |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, อาชญากรรม, ดราม่า, ระทึกขวัญ |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 10 ตอน |
ช่องทางรับชม | Peacock, Max |
เริ่มออกอากาศ | 14 พฤศจิกายน 2024 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Carnival Film & Television, Peacock Productions, SKY Studios |
คะแนนรีวิวซีรีส์ ล่าระห่ำ ฝ่าเมืองเดือด
พล็อตและบท - 8.8
การดำเนินเรื่อง - 9
การแสดง - 8.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ และโปรดักชั่น - 9
เพลงและดนตรีประกอบ - 9
8.9
The Day of the Jackal
มีซีรีส์บางเรื่องที่เราพบว่ามันน่าประทับใจในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะบทและเรื่องราวที่น่าติดตาม อย่างการให้สองฝ่ายที่ตรงข้ามกัน ฝีมือใกล้เคียงกันมาไล่ล่าและรุกรับกัน แล้วก็ใส่ตัวเอกที่มีไลฟ์สไตล์เท่ๆ มีทักษะอันหาตัวจับยาก แถมมีชีวิตที่ต้องปิดบัง เล่าเรื่องผ่านงานถ่ายภาพสุดเนี้ยบ มุมมองสวยชวนว้าว สัดส่วนภาพเหมือนดูหนัง เพลงและดนตรีประกอบที่เสริมเพิ่มความเท่ให้กับทั้งเรื่องราว มันย่อมกลายเป็นซีรีส์ที่น่าประทับใจ ควรค่าแก่การบอกต่อ