จากหนังที่ได้รับความสนใจมากมายพอสมควรด้วยเห็นเป็นหนังแฟนตาซีล้ำจินตนาการจากพี่น้องตระกูล Wachowski ผู้มีเครดิตจากหนังไตรภาค ‘The Matrix’ แต่หนังก็ถูกเลื่อนกำหนดฉายออกไปเพื่อใช้เวลาเพิ่มกับงานสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ให้ตระการตายิ่งขึ้น หนังเรื่องนี้มีพระนางตัวดึงดูดอย่าง Channing Tatum และ Mila Kunis แสดงนำ ภาพจากหนังตัวอย่างช่างสวยสดงดงามต้องหัวใจเรียกร้องว่าต้องดูเรื่องนี้ในโรงให้จงได้!
และแล้ววันนั้นก็มาถึง สมใจเมื่อได้พบกับประสบการณ์การดูหนังเรื่องยิ่งใหญ่เช่นนี้ในโรงภาพยนตร์ขนาดมหึมาอย่าง IMAX ณ พารากอนซีเนเพล็กซ์ ในใจคิดว่ามันเหมาะสมแล้วที่จะได้ดู ‘Jupiter Ascending’ ในโรงนี้ รับแว่นสามมิติอย่างภาคภูมิแล้วจึงเดินเข้าโรงไปนั่งบนเก้าอี้กำมะหยี่สีแดงตัวนั้น
ตกใจกับเสียงแรกเข้าอย่างจัง แม้จะเคยมาดูอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่วาย เจ้าหน้าที่เริ่มฉายด้วยวิดีโอทดสอบระบบ
หลังจากนั้น เรื่องราวของ ‘ศึกดวงดาวพิฆาตสะท้านจักรวาล’ ก็เริ่มต้นขึ้น เราได้รู้จักกับ จูปิเตอร์ โจนส์ (Mila Kunis) ที่อาศัยอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยผู้คน และเธอเป็นเพียงคนใช้รับหน้าที่ดูแลความสะอาดภายในบ้าน งานที่เราเห็นประจำคือ “ล้างส้วม” ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเธอเป็น “เจ้าหญิง”
ความจริงที่โลกไม่รู้ คือ โลกเป็นเพียงฟาร์มแห่งหนึ่งในจักรวาล เป็นเพียงแหล่งทำมาหากินของราชวงศ์กษัตริย์ “แอบราแซ็กซ์” มนุษย์คือผลพวงที่พวกเขาเพาะบ่มเอาไว้รอวันเก็บเกี่ยวซึ่งมันกำลังมาถึง ขณะที่ภายในราชวงศ์กำลังครุกรุ่นด้วยไฟแห่งสงครามชิงบัลลังก์ และมีหนึ่งหญิงบนโลกที่มีเชื้อสายของราชวงศ์ที่พวกเขาต้องกำจัด
องค์รักษ์คนสำคัญ คือ เคน ไวส์ (Channing Tatum) คนพวกที่ถูกเพาะผสมพันธุ์จากมนุษย์เผือกบวกหมาป่า กับ สติงเกอร์ (Sean Bean) หัวหน้าทหารที่ถูกตัดต่อจากดีเอ็นเอของผึ้ง ที่คอยปกป้องเธอจากการคุกคามหมายชีวิตของราชวงศ์
รีวิวหนัง ‘Jupiter Ascending’
หนังดำเนินไปอย่างที่คาดหวังให้คนดูคอยปะติดปะต่อเรื่องในช่วงแรก แต่แล้วก็เริ่มดำเนินไปอย่างเป็นเส้นตรง ด้วยภาษาพูดของราชวงศ์ที่ฟังเข้าใจยากจนแทบจะทำให้เราพลัดตกจากเรื่องราว สิ่งที่เป็นปัญหาอีกอย่าง คือ เราไม่เห็นเคมีหรือความรู้สึกอะไรต่อกันเลยจากสองพระนางที่ดูเหมือนนางเอกจะเล่นเป็นฝ่ายรุกเสียมากกว่ากระนั้น
ทาทั่มในเรื่องนี้ บอกได้ว่าดร็อปลงไปมาก ทั้งรูปลักษณ์ที่มีหนวดเครา สวมฟันยางจนหน้าเรียวขึ้น แถมยังทาเมกอัปจนขอบตาคล้ำไป
ขณะที่คูนิส ก็ไร้ความโดดเด่นในด้านการแสดง ทั้งยังไร้แง่มุมด้านลึกที่พอจะทำให้คนดูรู้สึกร่วมไปด้วยได้ ขณะที่ Eddie Redmayne ที่กำลังจะได้ดิบได้ดีกับ ‘The Theory of Everything‘ ก็ต้องมามีรอยด่างพร้อยเพราะบทของบาเล็ม พี่ชายคนโตของแอบราแซกซ์ ที่น้ำเสียงการพูดดูแปลกประหลาด หลุดและโดดมาจากตัวละครทุกตัว พอมาเจอกับลีลาการพูดของตัวละครอื่นๆ ที่เหมือนลิเกเข้าไปอีก ทีนี้ เลยยิ่งเกาะไม่ติดกับเนื้อเรื่องเข้าไปใหญ่
เรื่องราวโดยรวมไม่มีอะไรน่าสนใจ มันคือการช่วงชิงบัลลังก์ที่มีสาวชาวโลกเข้าไปแทรกระหว่างกลางเท่านั้นเอง
ในความน่าเบื่อของ ‘ศึกดวงดาวพิฆาตสะท้านจักรวาล’ ก็ยังมีจุดดีๆ อยู่บ้าง นั่นคือ การทุ่มเทไปที่งานสร้างฉากแอ็คชั่นหวือหวา งานสร้างภาพสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ที่สวยงามเนียนตา โปรดักชั่นการออกแบบอุปกรณ์และยานอวกาศที่โฉบเฉี่ยวสร้างสรรค์ งานด้าน 3 มิติถือว่าพอสอบผ่าน ดูผ่านแว่นก็ยังไม่พบฉากที่ต้องร้องว้าวมากมายนัก ขณะที่ดนตรีประกอบใช้วงออร์เคสตร้าที่ขับเน้นเครื่องเป่ามากเป็นพิเศษเพื่อสร้างความอลังการ หากบางช่วงก็ดูมันล้ำเกินหน้าภาพไปนิดนึง เมื่อมันถูกหยิบรวมเข้าไปเล่าร่วมกับเรื่องราวที่ถูกสลัดหลุดได้ง่ายด้วยบทพูดอย่างที่ว่าไป มันกลับไม่ช่วยให้หนังดูสนุกอย่างที่มันควรเป็น
ผมออกอาการหาวอยู่หลายหน จนถึงขั้นหลับในไปบางช่วงก็มี สอบถามผู้ชมรอบตัวก็พูดไปในทำนองเดียวกัน ว่าน่าเสียดายที่แม้ไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากนัก แต่ก็ไม่คิดว่ามันเป็นไปถึงเพียงนี้
งานนี้ มีดีแค่ CG อย่างเดียวเท่านั้นเอง
ชื่อภาพยนตร์: Jupiter Ascending / ศึกดวงดาวพิฆาตสะท้านจักรวาล
ผู้กำกับภาพยนตร์: Lana Wachowski, Lilly Wachowski
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Lilly Wachowski, Lana Wachowski
นักแสดงนำ: Channing Tatum, Mila Kunis, Eddie Redmayne, Sean Bean, Douglas Booth
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Fantasy
ความยาว: 127 นาที
เรท: ไทย/ , MPAA/PG-13
สัดส่วนภาพ: 2.35 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 5 กุมภาพันธ์ 2558
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Village Roadshow Pictures, Warner Bros.
ศึกดวงดาวพิฆาตสะท้านจักรวาล
Jupiter Ascending - 4.1
4.1
Jupiter Ascending
หนังดำเนินไปอย่างที่คาดหวังให้คนดูคอยปะติดปะต่อเรื่องในช่วงแรก แต่แล้วก็เริ่มดำเนินไปอย่างเป็นเส้นตรง ด้วยภาษาพูดของราชวงศ์ที่ฟังเข้าใจยากจนแทบจะทำให้เราพลัดตกจากเรื่องราว สิ่งที่เป็นปัญหาอีกอย่าง คือ เราไม่เห็นเคมีหรือความรู้สึกอะไรต่อกันเลยจากสองพระนางที่ดูเหมือนนางเอกจะเล่นเป็นฝ่ายรุกเสียมากกว่ากระนั้น