หลังจากแฟรนไชส์หุ่นยักษ์แปลงร่างได้ถูก ไมเคิล เบย์ ผู้กำกับชื่อก้องสร้างเป็นหนังจนโด่งดังสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จนต้องสร้างกันตามมาอีกหลายภาคและเริ่มจะหมดมุกแถมรายได้เริ่มไม่เข้าเป้า ก็มีความพยายามหลายๆ ทางเพื่อประคองกระแสให้กลับแต่ก็ไม่ได้อย่างหวัง ในที่สุด ก็พบอีกหนทาง นั่นคือการสร้างแอนิเมชันที่เล่าย้อนอดีต วันนี้ มันจึงได้มีหนังอย่าง ‘Transformers One’ หรือชื่อไทย ‘ทรานสฟอร์เมอร์ส 1’ เข้ามาฉายให้เราได้ดูกัน
คิดเห็นอย่างไรกับหนังเรื่องนี้?
พวกเขาคิดถูกที่เลือกเล่าเรื่องราวย้อนไปยังจุดกำเนิด สร้าง prequel ขึ้นมาในสไตล์แอนิเมชัน กลับไปเล่าถึงชีวิตบนดวงดาวต้นกำเนิดชีวิตหุ่นยักษ์ ในช่วงเวลาที่พวกเขายังเป็นทีมเดียวกันอยู่ แถมยังเป็นคนงานในเหมืองที่ถูกกดขี่และหลอกลวง ก่อนจะได้พบความจริงและได้รับพลังที่พวกเขาควรมี แต่มันก็กลายเป็นจุดแตกหักที่เปลี่ยนพี่น้องให้กลายเป็นขั้วตรงข้าม
เป็นแอนิเมชันที่เต็มเปี่ยมด้วยหัวใจ เล่าเรื่องราวได้หนักแน่น เดินเรื่องได้สนุก มีมุกให้ฮา และอาจมีน้ำตาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เรื่องย่อหนัง ‘Transformers One’
ได้เวลาของการเล่าย้อนสู่ต้นกำเนิดของเรื่องราวหุ่นยักษ์ที่เป็นผู้พิทักษ์โลกจากภัยร้ายต่างๆ นานา เรื่องราวที่ยังไม่เคยถูกบอกเล่าใดๆ ของ อ็อปติมัส ไพรม์ และ เมกาตรอน ย้อนไปในเวลานั้น พวกเขายังเป็นเพียง ไอโรออน แพกซ์ (Chris Hemsworth จากหนัง ‘Furiosa: A Mad Max Saga’), D-16 (Brian Tyree Henry จากหนัง ‘Godzilla x Kong: The New Empire’), B-127 (Keegan-Michael Key จากหนัง ‘Wonka’) ที่มี เอลิต้า-1 (Scarlett Johansson จากหนัง ‘Fly Me to the Moon’) เป็นหัวหน้าทีม และยังเป็นเพียงหุ่นเหมืองที่ไร้เฟือง ไม่มีความสามารถในการเปลี่ยนร่าง มีหน้าที่ขุดหาแร่เอนเนอร์จอนอยู่ใต้ดินให้กับ เซนทิเนล ไพรม์ (Jon Hamm จากหนัง ‘Mean Girls’) ผู้ที่เป็นเหมือนฮีโร่และผู้นำของพวกเขา
แต่นั่นมันก็ก่อนที่พวกเขาจะได้รับพลังบางอย่างที่ทำให้เปลี่ยนแปลงร่างของตนเองได้ตามใจปรารถนา อันนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของมิตรภาพระหว่างพวกเขา และโชคชะตาที่เปลี่ยนไปตลอดกาลของดาวไซเบอร์ตรอน
รีวิวหนังแอนิเมชัน ‘ทรานสฟอร์เมอร์ส 1’
นี่คือผลงานการกำกับจาก จอช คูลี่ ที่ไม่ใช่ จอร์จ คลูนีย์ เขาคือคนที่เคยกำกับหนัง ‘Toy Story 4’ ให้เราดูกันนั่นเอง ก่อนหน้านั้น เขาก็เคยกำกับหนังแอนิเมชันขนาดสั้น ทั้ง ‘George and A.J.’ และ ‘Riley’s First Date?’ คราวนี้ เขาได้รับโอกาสที่ดี มากำกับหนังที่ไม่ใช่งานจากดิสนีย์บ้าง เล่าเรื่องราวก่อนหน้าของเหล่าหุ่นยักษ์ที่พิทักษ์โลกร่วมกับมนุษย์
เป็นเวลาหลายพันปีที่หุ่นสองแก๊งทำศึกต่อสู้ห้ำหั่นซึ่งกันมา แต่ใครจะคาดคิด ก่อนที่พวกเขาจะเป็นอรินั้น พวกเขาเคยเป็นพี่น้องกัน หนังแอนิเมชันภาคนี้ จะพาผู้ชมย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่ไซเบอร์ตรอน ดวงดาวที่ถือกำเนิดด้วยพลังมหาศาลและอุ้มชูให้ทุกชีวิตบนนั้นได้ดำรงอยู่ แต่ในช่วงเวลาที่หนังมันเล่า หุ่นบางกลุ่มยังได้เป็นแค่ชนชั้นแรงงาน
ช่ายแล้ว อ็อปติมัส ไพรม์ ที่เรารู้จัก ในเวลานั้น ยังเป็นแค่หุ่นเหมืองชื่อ ไอโรออน แพกซ์ ทำหน้าที่ขุดหาแร่เอเนอจอนอย่างแข็งขัน เช่นเดียวกับ บัมเบิลบี ในวันเก่า ที่มีชื่อว่า B-127 ส่วน เมกาทรอน ในวันเก่า ที่ก็เป็นหุ่มเหมืองเช่นกัน แถมยังเป็นดั่งพี่น้องของ โอไรออน แพกซ์ ซะด้วย ชื่อของเขาในเวลานั้นคือ D-16 ทั้งหมดล้วนแต่เป็นหุ่นที่อกกลวง หรือที่เรียกกันว่า ไร้เฟือง พวกเขาจึงไม่สามารถจะแปลงร่างได้ พวกเขายังไม่ได้เป็นทรานสฟอร์เมอร์อย่างที่เรารู้จัก
และในภาคนี้ ก็มีหุ่นสาวที่มาในฐานะหัวหน้าทีมเหมือง เธอคือ เอลิต้า-1 ทั้งหมดรวมกันเป็นแก๊ง 4 คนที่จะร่วมกันผจญภัยต่อสู้กับสิ่งเลวร้าย ในวันที่พวกเขาเจอความลับที่ซ่อนอยู่และซ่อนมาตลอด แต่มันกลับส่งผลให้พวกเขาต้องแตกคอและกลายเป็นคนละฝั่ง
เมื่อว่ากันถึงเรื่องราวที่อยู่ในนั้น มันเล่าไปถึงหลากหลายด้านของเหล่าหุ่นยักษ์ ทั้งในด้านมิตรภาพ การพิสูจน์ตนเอง และรวมไปถึงด้านการเมืองการปกครองบนดาวไซเบอตรอน ที่อาจทำให้หนังดูมีเรื่องราวหนักๆ แต่ก็สร้างแง่มุมที่ผลักให้ตัวละครต้องเติบโตท่ามกลางความเจ็บปวด ทำให้หนังภาคนี้มีความเป็นมนุษย์เสียยิ่งกว่าหนังแอ็คชันคนแสดงซะอีก และเพราะความที่มันใส่หัวใจเข้าไปอย่างเต็มเปี่ยม อาจมีบางคนถึงหลั่งน้ำตาให้กับพวกเขาเลยทีเดียว
Tagline: ถูกสร้างเป็นเพื่อนรัก ชะตาหักให้เป็นศัตรู
นับว่าเป็นหนทางที่ไม่เลวเลย กับการฟื้นฟูแฟรนไชส์นี้ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังห่อเหี่ยวไปสองสามยก หันกลับไปเล่า prequel และเล่าด้วยแอนิเมชันที่เหมาะกับเรื่องราว ฉากแอ็คชั่นก็ทำได้สนุกน่าตื่นตา บวกกับคาแรกเตอร์ที่แตกต่าง สร้างออรรถรสที่หลากหลาย ทั้งพวกที่จริงจัง เจ็บแค้น และพวกที่ไม่ค่อยคิดเยอะเล่นแต่มุกไปวันๆ กลายเป็นหนังแอนิเมชันหุ่นยักษ์แปลงร่างที่น่าประทับใจไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ดูหนังจบ ไม่ต้องรีบลุกอีกเช่นเคย เพราะหนังมีฉากแถมกลางและท้ายสุดของเครดิตนะครับผม
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Transformers One / ทรานสฟอร์เมอร์ส 1 |
กำกับ | Josh Cooley |
เขียนบท | Eric Pearson |
แสดงนำ | Chris Hemsworth, Brian Tyree Henry, Scarlett Johansson, Keegan-Michael Key, Jon Hamm, Laurence Fishburne, Steve Buscemi |
แนว/ประเภท | แอนิเมชัน, แอ็คชัน, ครอบครัว, ผจญภัย, แฟนตาซี, ไซไฟ |
เรท | PG |
ความยาว | 104 นาที |
ปี | 2024 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 26 กันยายน 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Paramount Animation, Hasbro Entertainment, New Republic Pictures |
คะแนนรีวิวหนัง ทรานสฟอร์เมอร์ส 1
พล็อตและบท - 8.4
การพากย์ - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 8.4
งานภาพเคลื่อนไหว - 7.9
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.7
8
Transformers One
พวกเขาคิดถูกที่เลือกเล่าเรื่องราวย้อนไปยังจุดกำเนิด สร้าง prequel ขึ้นมาในสไตล์แอนิเมชัน กลับไปเล่าถึงชีวิตบนดวงดาวต้นกำเนิดชีวิตหุ่นยักษ์ ในช่วงเวลาที่พวกเขายังเป็นทีมเดียวกันอยู่ แถมยังเป็นคนงานในเหมืองที่ถูกกดขี่และหลอกลวง ก่อนจะได้พบความจริงและได้รับพลังที่พวกเขาควรมี แต่มันก็กลายเป็นจุดแตกหักที่เปลี่ยนพี่น้องให้กลายเป็นขั้วตรงข้าม เป็นแอนิเมชันที่เต็มเปี่ยมด้วยหัวใจ เล่าเรื่องราวได้หนักแน่น เดินเรื่องได้สนุก มีมุกให้ฮา และอาจมีน้ำตาอย่างไม่ทันตั้งตัว