เวลาผ่านไปทุกวัน ถ้านับตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกับสาวหน้าคมคนนี้ ก็นับได้ว่าไม่นานเท่าไหร่ จุดเริ่มต้นก็น่าจะอยู่ราวๆ ปี 2015 กับภาพยนตร์ที่จุดประกายให้เราได้รู้จักกับตัวเธอ Alicia Vikander ในภาพยนตร์เรื่อง ‘The Man from U.N.C.L.E.’ ในบทของแกบบี้ แล้วหลังจากนั้น เราก็ติดตามเธอมาเรื่อยๆ
เพราะเหตุจากความเป็นคนชอบสาวหน้าคมๆ ตาสวยๆ ยิ้มหวานๆ ส่งผลให้อลิเซีย วิกันเดอร์ ติดโผนางเอกในดวงใจไปอย่างมิต้องสงสัย และก็เป็นเหตุให้วันนี้นายแพทต้องหยิบผลงานและชีวิตของเธอที่ผ่านมามาเขียนถึงให้อ่านกัน
ส่วนจะอ่านกันหรือไม่นั่นคงอีกเรื่องหนึ่งนะครับ
อลิเซีย วิกันเดอร์ เธอเป็นสาวสวีดิชครับ เธอเกิดที่นั่น ในเมืองที่ใหญ่อันดับสองของสวีเดน Gothenburg ชีวิตการแสดงของเธอเริ่มต้นขึ้นจากงานในโรงละคร The Göteborg Opera ก่อนขยับขยายมาเป็นประสบการณ์การแสดงบัลเล่ต์ในสตอล์กโฮล์มและนิวยอร์ก
แต่ในชีวิตบนแผ่นฟิล์มของเธอเริ่มที่การเล่นหนังสั้นในสวีเดนและผลงานทางทีวีในปี 2008 เรื่อง ‘Second Avenue’ จุดประกายให้เธอเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา ก่อนที่เธอจะมีหนังยาวเรื่องแรก ‘Pure’ ในปี 2010
2012 | Anna Karenina
วิกันเดอร์เป็นที่รู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ จากผลงานภาพยนตร์เรื่องถัดมา ‘Anna Karenina’ ในปี 2012 ของผู้กำกับฯ Joe Wright เรื่องราวของสังคมชั้นสูงในรัสเซีย เป็นหนังที่คว้าออสการ์ด้านออกแบบเครื่องแต่งกายมาครองได้ในปี 2013
2013 | The Fifth Estate, Hotel
ปี 2013 ของอลิเซีย กลับเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีผลงานเปรี้ยงปร้างสักเท่าไหร่ เธอได้งานเล่นหนังมากขึ้นกว่าเดิม แต่มีเพียง ‘The Fifth Estate’ ที่ค่อนข้าโอเคหน่อย เพราะอย่างน้อยก็ได้ร่วมงานในหนังของผู้กำกับฯ Bill Condon เจ้าของผลงาน ‘Dreamgirls (2006)’
2014 | Testament of Youth, Son of a Gun, Ex Machina, Seventh Son
ปีนี้ ดูเหมือนเธอจะได้รับโอกาสจากการได้ร่วมงานกับผู้คนมากมาย เพราะมีหนังถึง 4 เรื่องด้วยกัน อลิเซียได้เล่นหนังเรื่อง ‘Testament of Youth‘ หนังเรื่องจริงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
แต่เรื่องที่นายแพทได้นั่งดูอย่างจริงจังกลับเป็นเรื่อง ‘Ex Machina’ หนังที่มีแง่มุมน่าสนใจเกี่ยวกับการดำรงอยู่และนิยามของความมีชีวิตของเอไอในโลกอนาคตอันใกล้ เมื่ออลิเซียสวมบทบาทเป็นสาวเอไอที่อยู่ในแล็ปทดลองกลางป่า ก่อนพระเอกมือโปรแกรมผู้ได้รับรางวัลจะมาพบเข้า เป็นหนังโดนใจที่เดินเรื่องแบบนิ่งๆ ไม่ได้เข้าเมืองไทยต้องไปหาดูเอาเอง
ขณะที่ ‘Seventh Son’ กลับกลายเป็นหนังแฟนตาซีที่ไม่มีใครจดจำ
2015 | The Man from U.N.C.L.E., The Danish Girl, Burnt
ปีนี้ถือเป็นปีที่แววความรุ่งโรจน์ของเธอฉายแววให้เห็น ด้วยผลงานอันเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหนังแอ็คชั่นสายลับย้อนยุคอย่าง ‘The Man from U.N.C.L.E.’ ที่แม้ไม่เปรี้ยงมากนัก แต่ใครๆ ก็เริ่มถามกันแล้วว่าผู้หญิงเป็นใครทำไมสวยจัง ขณะที่หนังที่ทำให้เธอโดดเด่นในวงการภาพยนตร์มากที่สุด ก็เห็นจะเป็นเรื่องนี้ ‘The Danish Girl’
กับบทบาทของการเล่นเป็นภรรยาของผู้ชายที่อยากเป็นหญิง ทำให้เธอได้รับรางวัลออสการ์ในฐานะนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จุดประกายให้เธอได้รับการทาบทามในหนังใหญ่ๆ ตามมา
2016 | Jason Bourne, The Light Between Oceans
ในปีนี้ แม้ว่างานอาจจะไม่มากแต่ว่าก็มีหนึ่งหนังฟอร์มยักษ์และหนึ่งหนังดราม่าคุณภาพ เธอได้เติบโตบนความสนใจของคนทั่วโลก จากการที่ได้เล่น ‘Jason Bourne’ หนังสายลับภาคต่อที่เป็นความพยายามกลับมาอีกครั้งของเจสัน บอร์น แม้ว่าตัวหนังจะไม่ค่อยได้การตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์นัก และหนังก็ทำรายได้ทั่วโลกไปราวๆ 400 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น
มาถึงอีกเรื่องหนึ่ง คราวนี้เป็นหนังดราม่าที่ไม่ค่อยใหญ่นัก ‘The Light Between Oceans’ เรื่องราวอันแสนวิปโยคของชายหญิงที่พบรักกันและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่เลือกจะเก็บเด็กที่ลอยมาเลี้ยงโดยบอกใครต่อใครว่าคือลูกของตน เป็นหนังที่มีงานถ่ายภาพระดับสวยงามมาก แม้จะถ่ายทอดเรื่องราวมาได้ค่อนข้างธรรมดาก็ตาม
2017 | Birds Like Us, Tulip Fever, Euphoria, Submergence, Moomins and the Winter Wonderland
ล่วงเข้าปี 2017 เป็นปีที่อลิเซีย วิกันเดอร์ มีงานภาพยนตร์ชุกที่สุดแล้วก็ว่าได้ และมีเพียง ‘Tulip Fever’ เท่านั้นที่เล็ดรอดมาให้คนไทยได้ชื่นชมกัน
มันเป็นหนังพีเรียดที่หยิบยกประเด็นการ “คลั่งทิวลิป” มาเล่าผสมไปกับการคบชู้ของนางเอกกับจิตรกร ซึ่งเรื่องนี้มีเพียงเธอเท่านั้นในเรื่องที่โดดเด่นออกมา
งานที่เหลือ เหมือนเธอจะหันไปรับงานหนังฝั่งยุโรปมากขึ้น แถมยังเปลี่ยนแนวไปรับพากย์เสียงในแอนิเมชั่นอีกด้วยแน่ะ
ผลงานเร็วๆ นี้ของ Alicia Vikander
ขณะที่ปีหน้า 2018 ก็เริ่มมีภาพของ Alicia Vikander ในหนังใหญ่เรื่องใหม่ปรากฏออกมาให้เราได้เห็นกันแล้ว เธอจะรับบทเป็น Lara Croft ในภาพยนตร์เรื่อง ‘Tomb Raider’ ที่ดัดแปลงมาจากเกมส์ดังที่รีเมกตัวเองขึ้นมาอีกครั้งในปี 2013
แล้วก็ยังมีหนังแอคชั่นทริลเลอร์อีกเรื่องหนึ่ง คือ ‘Freak Shift’ ที่เธอจะได้เล่นกับ Armie Hammer และ Sasha Lane อีกเรื่องด้วย
เรื่องแรกน่าจะได้เข้าไทยแน่ๆ แต่เรื่องหลังก็คงต้องลุ้นกันไป
1 คอมเมนต์