อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่หลายคนรอคอยแห่งปี กับภาคต่อของจุดกำเนิดของพิภพวานร (‘Rise of the Planet of the Apes’) ที่ถูกเล่าขานกันไปในปี 2011 มาปีนี้ เราได้รู้จักเรื่องราวในช่วงเวลาถัดมาของพิภพวานร เปลี่ยนผู้กำกับใหม่เป็น Matt Reeves ซึ่งกลายมาเป็นผลดีเมื่อภาคนี้ ‘Dawn of the Planet of the Apes’ ได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องราวที่เล่าย้อนความจำในภาคที่แล้วกันนิดหน่อย ก่อนจะนำเข้าสู่เรื่องของภาคนี้กัน เมื่อโรคร้ายคร่าชีวิตมนุษย์ไปเป็นจำนวนมากจนเหลือมนุษย์ผู้มียีนที่ต่อต้านไวรัสนั้นได้เพียงหยิบมือ
พวกเขารวมกลุ่มในเมืองใหญ่ซึ่งรกร้าง มีกองกำลังป้องกันตัวเองอยู่ แต่ก็กำลังประสบปัญหาใหญ่ เมื่อพลังงานที่สะสมเอาไว้กำลังจะหมดลง และทางเดียวที่เป็นทางรอดของพวกเขาก็คือการต้องออกจากบริเวณไปตามแนวป่าเพื่อซ่อมแซมเขื่อนที่เคยผลิตกระแสไฟฟ้ามาให้ได้ใช้กันอีกครั้ง
แต่ทว่า เส้นทางนั้นกลับอันตรายเมื่อมันอยู่ในบริเวณ “บ้าน” ของเหล่ามนุษย์วานร
รีวิวหนัง ‘Dawn of the Planet of the Apes’
จากเรื่องราวที่มนุษย์นำลิงมาสัตว์ทดลอง จนถึงวันที่พวกมันบางส่วนพบหนทางที่มีสติปัญญาสูงส่งกว่าเดิม ณ วันนี้ได้เวลาที่พวกจะกลับมาแก้แค้นมนุษย์บ้าง แต่พวกมันยังมี ซีซาร์ (Andy Serkis) ที่เติบโตขึ้นมาจากความผูกพันกับมนุษย์ เขาจึงรู้ดีว่ามนุษย์ไม่ได้มีแต่เลวร้ายไปเสียหมด และการสร้างสงครามกับมนุษย์จะนำมาซึ่งความสูญเสีย
แต่แนวคิดนี้ โคบา (Toby Kebbell) ผู้เป็นเหมือนทหารเอกอารมณ์ร้ายดูท่าจะไม่เห็นด้วยนัก
เรื่องมันดูเหมือนจะง่าย เมื่อวานรเองก็มีระบบของตัวเองและจ่าฝูงก็ไม่คิดจะก่อสงคราม ถ้าเกิดไม่มีใครไปล่วงรู้เข้ามาเหล่ามนุษย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดนั่น สั่งสมอาวุธที่พอจะทำลายล้างทั้งฝูงวานรได้ และนั่นไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายไหนเลย
ภาคนี้ กลุ่มมนุษย์ตัวดำเนินเรื่องเปลี่ยนใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็น มัลคอล์ม (Jason Clarke) มนุษย์ผู้กล้าที่จะเข้าไปเจรจาต่อหน้าฝูงวานร หรือเดรย์ฟัส (Gary Oldman) มนุษย์ผู้เกลียดและกลัววานรในเวลาเดียวกัน เขาคือผู้ที่เห็นต่างกับมัลคอล์มอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ ยังร่วมด้วยนักแสดงสบทบอีกหลายคน
หนังเฉลี่ยบทให้กับทั้งฝ่ายมนุษย์และวานรได้อย่างเท่าๆ กัน เพลงประกอบก็ทำหน้าที่ได้อย่างขันแข็ง สร้างเสริมอารมณ์จริงจังได้อย่างเต็มเปี่ยม นอกจากนี้ เราจะได้เห็นลิงสื่อสารกันเองได้ทั้งสองแบบ แต่โดยรวมถือว่าลิงพูดน้อยมาก
บทที่เขียนเอาไว้หนักแน่นและลุ่มลึก เมื่อฝ่ายมนุษย์ก็มีทั้งกลุ่มที่ไม่ต้องการสงคราม และต้องการเพียงเพื่อช่วยเหลือ “ครอบครัว” ด้วยการซ่อมแซมเขื่อนและเจรจาอย่างสันติกับฝูงลิง แต่ในฝ่ายวานรด้วยกันเอง ก็จะมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน ส่วนหนึ่งไม่ต้องการก่อสงคราม แต่อีกกลุ่มก็เห็นหัวหน้าตนอ่อนแอเกินไปและต้องสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ของตัวเองไว้
“ความไม่ไว้ใจ” ก่อให้เกิดความเสียหายที่ตามมา
นอกจากบทของหนังที่หนักแน่นแล้ว หนังยังดำเนินเรื่องด้วยชั้นเชิงที่ชวนลุ้นไปกับเรื่องราว ว่าสองเผ่าพันธุ์จะเผชิญกันในตอนไหนและในรูปแบบใด ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็มีผู้ที่คิดต่างอยู่ในฝั่งของตัวเองทั้งคู่ ความย่อยยับจะถือกำเนิดขึ้นหรือไม่ และเมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ ผลของมันจะออกมาเป็นเช่นไร
สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อก็คือ คนดูอย่างผม แม้ก่อนเข้าโรงจะรู้ดีว่านั่นคือโลกที่สมมุติขึ้น ยังไม่เกิดมนุษย์วานรขึ้นในโลก โรคระบาดอาจเกิดขึ้นบ้างแล้วแต่ยังไม่ร้ายแรงพอจะคร่าชีวิตมนุษย์เกือบทั้งโลกเช่นนั้น แต่เมื่อผมนั่งดูหนังเรื่องนี้จริงๆ กลับลุ้นระทึกและอึ้งทึ่งในความจริงหลายๆ ข้อที่มนุษย์เผ่าพันธุ์ของเราเป็นอยู่ จนทำให้รู้สึกเชื่อไปโดยไม่สงสัยอะไรว่า โลกในหนัง ‘Dawn of the Planet of the Apes’ มันคือโลกจริงๆ
ชื่อภาพยนตร์: Dawn of the Planet of the Apes / รุ่งอรุณแห่งอาณาจักรพิภพวานร
ผู้กำกับภาพยนตร์: Matt Reeves
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Rick Jaffa (written by), Amanda Silver (written by), Mark Bomback (written by), Rick Jaffa (characters), Amanda Silver (characters), Pierre Boulle (novel “La Planète des Singes”)
นักแสดงนำ: Gary Oldman, Keri Russell, Andy Serkis, Keri Russell, Toby Kebbell
แนว/ประเภท: Action, Drama, Sci-Fi, Thriller
ความยาว: 130 นาที
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 10 กรกฎาคม 2557
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Chernin Entertainment
รุ่งอรุณแห่งอาณาจักรพิภพวานร
Dawn of the Planet of the Apes - 9.6
9.6
Dawn of the Planet of the Apes
นอกจากบทของหนังที่หนักแน่นแล้ว หนังยังดำเนินเรื่องด้วยชั้นเชิงที่ชวนลุ้นไปกับเรื่องราว ว่าสองเผ่าพันธุ์จะเผชิญกันในตอนไหนและในรูปแบบใด ในเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็มีผู้ที่คิดต่างอยู่ในฝั่งของตัวเองทั้งคู่ ความย่อยยับจะถือกำเนิดขึ้นหรือไม่ และเมื่อมันเกิดขึ้นจริงๆ ผลของมันจะออกมาเป็นเช่นไร
1 คอมเมนต์