รีวิวหนัง Eye In The Sky แผนพิฆาตล่าข้ามโลก | หนักอึ้ง สะเทือนใจ

เราอาจจะเคยผ่านผลงานการกำกับของผู้ชายที่ชื่อ เกวิน ฮู้ด (Gavin Hood) กันมาบ้างแล้ว สำหรับคนทั่วไปอาจจะยังไม่ใช่ชื่อที่ติดหูนัก แต่สำหรับคอหนัง เชื่อว่าต้องมีสักเรื่องที่ผ่านตาคุณมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ‘Rendition’, ‘X-Men Origins: Wolverine’ และ ‘Ender’s Game’ ไม่เท่านั้น เขายังร่วมแสดงในหนังบางเรื่องที่ตัวเองกำกับอีกด้วย เรื่องนี้ก็ไม่เว้น ‘Eye In The Sky แผนพิฆาตล่าข้ามโลก’ หนังแนวระทึกขวัญที่พาอกสั่นเพราะต้องชั่งน้ำหนักในใจตัวเองตลอดเวลา

แอบไปเห็นว่าหนังเรื่องนี้ได้คะแนนค่อนข้างดีมากจากทั้งด้านผู้ชมทั่วไปและนักวิจารณ์ ยิ่งทำให้รู้สึกว่านี่น่าจะเป็นอีกเรื่องที่สมควรเข้าไปดูในโรงภาพยนตร์ ยิ่งหนังมีดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพการแสดงมารวมๆ กันในเรื่องเดียวแล้วนี่ ต้องเข้าไปดูให้ได้เลย แล้วในวันนี้ก็รู้สึกสาแก่ใจจนต้องรีบๆ เขียนถึงหนังเพื่อให้ทุกคนได้มาอ่านกัน

ผลงานระทึกขวัญชิ้นใหม่จาก เกวิน ฮู้ด ครับผม

เรื่องย่อหนัง ‘Eye In The Sky’

เรื่องราวมันเกิดขึ้นเพราะกลุ่มหัวรุนแรงที่หมกตัวอยู่ในเมืองไนโรบี เคนยา ไปกระทำการสังหารสายสืบของทางน่วยข่าวกรอง ผู้พันแคทเธอรีน พาวเวลล์ (Helen Mirren/เฮเลน มีร์เรน) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหารที่ประจำการที่ลอนดอน จึงรับหน้าที่ในการบัญชาการจับกุมตัวเหล่าแกนนำพวกนั้น ด้วยการใช้โดรนติดอาวุธคอยสังเกตการณ์บ้านหลังหนึ่งเพื่อหาโอกาสเหมาะๆ ในการเข้าจับกุม

แต่ก็พบว่าโอกาสในการจับกุมในแทบไม่มี เหลือแต่โอกาสเหมาะในการจับตายเท่านั้น

แต่ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงเธอและทีมที่กระทำเพียงลำพัง ยังมีแบ็กอัพอย่างพวกขาใหญ่ที่รวมตัวประชุมกันอยู่ในอีกซีกโลก ทั้งนายพลแฟรงก์ เบนสัน (Alan Rickman) ร่วมกับอีกหลายๆ คนในห้องนั้น

แล้วยังมีคนนอกห้องอีก พวกเขาคือสองนักบินขับโดรนที่ประจำอยู่ในฮาวาย สตีฟ วัตส์ (Aaron Paul) และแคร์รี (Phoebe Fox) ผู้ที่ต้องเตรียมพร้อมทำลายเซฟเฮาส์ และต้องตัดสินใจเมื่อเห็นเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่ก้าวเข้ามาอยู่ในโซนสังหาร เธอมีสิทธิที่จะได้รับบาดเจ็บจนถึงตายได้เลยทีเดียว

หนังเรื่องนี้จะถกกันเรื่องว่าควรจะตัดสินใจเช่นไรในสถานการณ์อันลำบากใจแบบนี้

รีวิวหนัง ‘แผนพิฆาตล่าข้ามโลก’

อาจดูเป็นหนังที่ฟอร์มไม่ใหญ่ไม่เล็กที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงหรือสนใจ แต่ดูจากรายชื่อนักแสดง ผู้กำกับฯ และคะแนนจากหลายสำนัก ก็เชื่อใจได้ว่า ‘Eye In The Sky’ มีค่าควรแก่การสละเวลามาดูไม่น้อย หนังเรื่องพูดถึงสงครามเล็กๆ แต่ใส่แง่มุมทางความคิดได้หลากหลายและน่าสนใจไม่แพ้หนังที่มีสงครามใหญ่ๆ เลย

เรื่องชวนลุ้นระทึกไปพร้อมกัน

เริ่มต้นนั้นหนังไม่ได้ให้อะไรเรามากไปกว่าการเตรียมพร้อม เล่าเรื่องราวจากมุมโน้นของโลกที มุมนี้ที บอกให้เรารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และกลุ่มคนที่อยู่ต่างที่ต่างกำลังทำงานเดียวกันอยู่ และหนังก็พยายามที่จะแนะนำตัวละครที่โผล่ออกมาอย่างเร่งรีบ คนดูอาจต้องประสบปัญหาในการจดจำตัวละครอยู่บ้างในช่วงต้น แต่หลังจากหนังผ่านไปสักระยะ ก็น่าจะเริ่มจดจำได้ดีพอจะเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขาแล้วล่ะ

เหตุการณ์มันจะไม่ยืดเยื้อเลยหากว่าไม่มีเรื่องของศีลธรรมในใจคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ‘แผนพิฆาตล่าข้ามโลก’ เล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวเล็กๆ ที่ทำมาหากินสุจริต บ้านของพวกเขาอยู่ข้างๆ กับบ้านเป้าหมาย และเด็กหญิงตัวน้อยผู้ที่ต้องออกมาขายขนมปังอยู่ข้างรั้วบ้านนั้นกลายเป็นตัวแปรที่ทำให้ตัวละครเกิดการถกเถียงถือความถูกผิด และผู้ชมต้องลุ้นเอาใจช่วยให้เธอรอดพ้นจากแรงระเบิด

…หากพวกเขากดปุ่มมัน

พร้อมทดสอบการถ่วงดุลความคิดในใจคนดู

ถ้าดูหนังเรื่องนี้ คุณอาจจะมีความรู้สึกได้ว่า เหตุการณ์ต่างๆ ที่มาประกอบกันมันดูบังเอิญหรือดูเหมาะเจาะกันไปนิดๆ จริงๆ มันคือองค์ประกอบที่ถูกหยิบใส่เข้ามาเพื่อเล่าเรื่องของการปะทะกันทางความคิด และการเลือกที่จะกระทำหรือไม่กระทำตามมโนธรรมศีลธรรม

และที่สำคัญคือ เหตุผลของการเลือกในใจของใครแต่ละคน

ตั้งแต่การติดสินใจว่าจะเปลี่ยนจากการจับตาเป็นการจับตายนั่นแล้ว ที่เกิดวิวาทะกันทางความคิดทั้งในหนังและในความคิดของคนดู เพราะแต่เดิมนั่นปฏิบัติการนี้เป็นเพียงการจับตาดูความเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่เมื่อบางคนในนั้นมองว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดในการจะหยุดยั้งการสูญเสียที่มากกว่าในภายภาคหน้า มันจึงแปรเปลี่ยนเป็นปฏิบัติการจับตาย ความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน แถมยังโยนกันไปโยนกันมาสร้างความปวดหัวและทั้งสร้างอารมณ์ลุ้นไปด้วยว่า ตกลงปฏิบัติการนี้จะลงเอยในจุดไหน

หนังใส่ตัวละครที่พาประเด็นเรื่องคุณธรรมในใจคนเข้ามาเพื่อสร้างการดำเนินเรื่อง ซึ่งได้ทั้งเพิ่มแง่มุมความคิดและได้ทั้งอารมณ์ร่วมด้วยช่วยลุ้นของคนดู สิ่งที่ทำให้หนังที่ดูมีเรื่องราวที่ดูจงใจและไม่แปลกใหม่นักแต่ออกมาดีได้ ก็คงเป็นที่การตัดต่อที่ทำให้ชวนคนดูมาลุ้นว่าเรื่องมันจะออกมาแบบไหน และคนดูก็ต้องถ่วงดุลความคิดตัวเองไปพร้อมๆ กับการติดตามเนื้อเรื่องด้วยว่า จริงๆ แล้วเราควรจะเห็นด้วยกับฝั่งไหน

และถ้าเป็นเราเองที่ต้องไปอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ เราจะตัดสินใจอย่างไร

นักแสดงพร้อมใจกันเล่นดีทุกคน

ในความรู้สึกของผม ‘แผนพิฆาตล่าข้ามโลก’ อุดมไปด้วยนักแสดงดังๆ และขึ้นชื่อในเรื่องความสามารถ ไม่ว่าจะเป็น Helen Mirren ที่เล่นบทผู้บังคับบัญชาที่เด็ดขาดและเธอสตรองที่จะทำในสิ่งที่เธอเชื่อและมั่นใจอย่างแท้จริง หรืออย่าง Aaron Paul เขาคือนักขับโดรนคนที่ต้องปวดใจที่สุดเมื่อต้องเป็นกดไกยิง ส่วน Gavin Hood นอกจากกำกับฯ แล้วเขาก็ยังลงมือร่วมแสดงอีกด้วย

นี่เป็นงานแสดงชิ้นสุดท้ายของ Alan Rickman อีกด้วย มันจึงไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

แถมอลันยังทิ้งท้ายเอาไว้ได้อย่างสุดยอด ด้วยการแสดงที่ใครได้ชมก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ได้ใจมาก” นอกจากนี้ก็ยังมี Iain Glen (เซอร์จอร่าห์ในซีรีส์ ‘Game of Thrones’ นั่นแล) แล้วก็ยังมี Barkhad Abdi (คนที่เคยเล่นใน ‘Captain Phillips’ นั่นแหละครับ) ซึ่งแต่ละคนต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองเอาไว้อย่างดี เรียกได้ว่าพร้อมใจกับแสดงดีกับทั้งชุด จนทำให้หนังได้ทั้งอารมณ์ของการลุ้นความเป็นความตาย บีบอารมณ์ด้วยเรื่องราวดราม่าสะเทือนอารมณ์ ผสมด้วยบทที่คมคายสอดใส่แง่มุมความคิดที่หลากหลายที่แม้นี่จะเป็นสงครามเล็กๆ จนแทบจะดูไม่เหมือนสงคราม แต่ก็พอจะแทนทุกสงครามบนโลกนี้ได้เป็นอย่างดี

แถมยังมีมุกขำๆ แทรกมาเป็นระยะอย่างพอดิบพอดีอีกด้วย

ชื่อภาพยนตร์: Eye In The Sky / แผนพิฆาตล่าข้ามโลก
ผู้กำกับภาพยนตร์: Gavin Hood
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Guy Hibbert (screenplay)
นักแสดงนำ: Helen Mirren, Aaron Paul, Alan Rickman, Gavin Hood, Barkhad Abdi, Iain Glen, Jessica Jones, Daniel Fox, Phoebe Fox
แนว/ประเภท: Drama, Thriller, War
ความยาว: 102 นาที
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/ , USA/R
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 11 สิงหาคม 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Handmade Distribution