หนังที่สร้างเพื่อฉายในระบบสตรีมมิ่งเป็นการเฉพาะ จะมีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง คือ มันไม่มีวันเข้าหรือออกจากโรง มันจะอยู่ตรงนั้นไปนาน ๆ และทำให้เราสามารถจะเดินไปพบและเปิดดูมันเมื่อไหร่ก็ได้ตราบเท่าที่เรายังเป็นสมาชิกของมันอยู่ อย่างเช่นวันนี้ มีหนังเรื่องหนึ่งที่เคยเป็นข่าวในไทยเพราะนักแสดงมาถ่ายทำและเที่ยวจนกลายเป็นไวรัล หนังเรื่องนั้นชื่อ ‘The Greatest Beer Run Ever’ ที่เล่าเรื่องคนขนเบียร์ไปให้เพื่อนในสงครามนั่นแหละครับ
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
หนังที่สร้างจากหนังสือที่เขียนจากเรื่องจริงของพลเรือนที่บ้าและกล้า ขนเบียร์เมกันไปให้เพื่อนที่รบอยู่ในเวียดนาม เสียดสีเรื่องการปิดบังของรัฐ ส่งเสียงว่ามันคือสงครามที่ไม่ใช่เรื่องของพวกเขา ทั้งบอกเล่าความเลวร้ายของสงคราม ทำให้ตัวเอกที่ดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรในตอนแรก ต้องเปลี่ยนมุมมองของตนในตอนหลัง ชอบใจที่ถ่ายทำในบ้านเราและพยายามเซ็ตให้ดูเป็นเวียดนามได้แนบเนียนพอสมควร
แต่กับแง่มุมเสียดสีที่ถูกเล่ากันไปจนเฝือแล้ว มันเลยไม่มีอะไรใหม่ ประกอบกับมันตั้งใจจะเล่าเรื่องหนุ่มขนเบียร์ไปเวียดนาม มันจึงไม่ได้แตะประเด็นแบบจริงจังเท่าไหร่
เรื่องย่อหนัง ‘The Greatest Beer Run Ever’
มันเป็นเรื่องของกระทาชายนายชิคกี้ จอห์น โดโนฮิว (Zac Efron จากหนังเรื่อง ‘ทองกู’ ) จอมขี้เกียจที่มักจะไม่ค่อยเอาจริงเอาจังกับอะไร แถมไม่ค่อยจ่ายเงินค่าเบียร์ ติดค่าเบียร์อยู่กับผู้พัน (Bill Murray จากหนังเรื่อง ‘Isle of Dogs’) ชิคกี้ทำงานบนเรือในฐานะพ่อค้ากะลาสี เวลานั้น อยู่ในช่วงที่สงครามเวียดนามกำลังคุกรุ่น ด้วยไอเดียที่บ้าบิ่นแต่ก็น่าสนใจ ที่บอกให้เขาเอาเบียร์กระป๋องไปส่งให้กับเหล่าเพื่อนที่ร่วมรบอยู่ในสงคราม ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจจะทำมัน
การไปถึงที่นั่น ทำให้เขาได้พบเจอกับ อาร์เธอร์ โคตส์ (Russell Crowe จากหนังเรื่อง ‘โป๊ปปราบผี’ และ ‘เฮียคลั่ง ดับเครื่องชน’) นักข่าวสหรัฐที่แฝงตัวทำงานอยู่ที่นั่น และนักข่าวคนนี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในการผจญภัยของคนส่งเบียร์อย่างชิคกี้
รีวิวหนัง ‘The Greatest Beer Run Ever’
หนังที่บอกเล่า mindset ของชิคกี้ ที่ในตอนต้น เขาเห็นด้วยกับการส่งทหารไปร่วมรบในสงครามที่เวียดนามและมองว่าพวกนั้นเป็นคอมมิวนิสต์ที่ต้องถูกกวาดล้าง ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยของใครต่อใคร ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องของเหล่าวัยรุ่นที่ถูกส่งไปตาย รวมทั้งผู้คนมากมายที่ออกมาประท้วงรัฐบาล ว่าไม่ควรไปยุ่งในสงครามของประเทศอื่น
เหตุการณ์ส่งผลให้ให้ชิคกี้เลือกเดินทางอย่างบ้าบิ่นเข้าไปในดินแดนสงคราม ก็คงเป็นผู้พัน ความปรารถนาของเขาถูกส่งต่อมายังชิคกี้ผู้ไม่เอาไหน เขาเสนอตัวไปเป็นนายช่างในเรือที่แล่นไปเวียดนาม เพื่อจะเอาเบียร์กระป๋องจากนิวยอร์กไปเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเหล่าเพื่อนที่เป็นทหารของเขา
เริ่มการเดินทางไกลกว่าหนึ่งหมื่นไมล์ทะgลจากอเมริกาสู่เวียดนามก็เริ่มต้น หลังจากสองสัปดาห์ที่เขาขึ้นฝั่ง มันก็กลายเป็นหนังแนวโร้ดมูฟวี่ เมื่อกระทาชายนายชิคกี้ต้องเดินทางไปในหลายพื้นที่ในเวียดนาม มีทั้งนั่งรถบ้าง ขึ้นเครื่องบินทหารบ้าง นั่งเอลิคอปเตอร์บ้าง บางช่วงก็ต้องฝ่าดงกระสุนเพื่อจะได้พบกับเพื่อน ทำให้เขาได้พบกับประสบการณ์ที่แท้จริงของสงครามที่สุดอันตราย แถมมันยังพรากเอาชีวิตของเพื่อนบางคนของเขาไปด้วย
ความรู้สึกที่เขามีต่อสงครามมันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
Taglines: Friendship has no last call.
หนังมันบอกเล่าถึงการที่ผู้นำสหรัฐนำเสนอแต่ด้านดีของสงคราม ขณะเดียวกันก็บอกเล่าถึงแง่มุมของผู้สื่อข่าวที่พยายามจะสื่อสารความจริงและความโหดร้ายของสงครามในเวียดนาม แน่นอนว่า นี่มันก็เป็นหนังแอนตี้สงครามอีกเรื่องหนึ่งนั่นแหละ แต่มันบอกเล่าผ่านการผจญภัยของชายหนุ่มที่กล้ามากพอ (หรือโง่ก็ไม่รู้) จะแบกเบียร์ไปส่งถึงมือเพื่อนนี่แหละ
เนื้อเรื่องมันดูน่าสนใจ แปลก น่าทึ่งอยู่หรอก แต่ขณะเดียวกัน มันก็ดูเหลือเชื่อไปนิดนึง ที่หนุ่มพลเรือนคนเดียว สามารถเดินทางไปไหนมาไหนในเวียดนามได้ แถมยังเอาตัวรอดได้ตลอดทางแม้จะเจออุปสรรคบ้างก็ตามที
สิ่งที่ทำให้หนังมันดูน่าสนใจสำหรับคนไทย ก็คงเป็นการที่หนังมันถ่ายทำในประเทศไทยนี่แหละ เรามองเห็นถึงความตั้งใจในงานสร้าง โดยทีมงานเขาเซ็ตให้บ้านเราเป็นเวียดนามได้อย่างใกล้เคียงทีเดียว แม้ว่าด้วยความคมชัดของกล้องถ่ายหนังสมัยนี้ จะทำให้รู้สึกได้ในทันทีว่ามันเป็นแค่เซ็ตติ้ง
โดยรวมมันก็เป็นหนังสงครามที่ดูเอาเพลินได้ แม้ว่าช่วงแรกที่ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยบทสนทนาที่มาพร้อมกับซับไตเติลที่ค่อนข้างยาวยืดจนอ่านให้ทันได้ยาก เรื่องราวในครึ่งหลังของหนังเน้นหนักที่การกระทำจึงติดตามได้ง่ายหน่อย แม้ว่าหนังจะต้องการสื่อสารถึงความเลวร้ายของสงคราม แต่มันก็ไม่มีอะไรใหม่ เพราะสิ่งที่พูดก็เป็นอะไรที่คนอื่นเล่าไปจนแทบจะเฝือแล้ว
และอาจเพราะมันมุ่งหมายจะเล่าเรื่องภารกิจของหนุ่มชิคกี้กับสิ่งที่เขาจะได้รับจากประสบการณ์ครั้งนี้ซะมากกว่า จึงทำให้รู้สึกไปเช่นนั้น
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Greatest Beer Run Ever |
กำกับ | Peter Farrelly |
เขียนบท | Peter Farrelly, Brian Hayes Currie, Pete Jones |
แสดงนำ | Zac Efron, Russell Crowe, Jake Picking, Kyle Allen, Archie Renaux, Will Ropp, Will Hochman, Matt Cook, Kaye Tran, Bill Murray |
แนว/ประเภท | ผจญภัย, ดราม่า, สงคราม |
เรท | R |
ความยาว | 126 นาที |
ปี | 2022 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | ทาง Apple TV+ |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Living Films, Skydance Media |
คะแนนรีวิวหนัง The Greatest Beer Run Ever
พล็อตและบท - 7
การแสดง - 7
การดำเนินเรื่อง - 6.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 6.7
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 7.2
6.9
The Greatest Beer Run Ever
หนังที่สร้างจากหนังสือที่เขียนจากเรื่องจริงของพลเรือนที่บ้าและกล้า ขนเบียร์เมกันไปให้เพื่อนที่รบอยู่ในเวียดนาม เสียดสีเรื่องการปิดบังของรัฐ ส่งเสียงว่ามันคือสงครามที่ไม่ใช่เรื่องของพวกเขา ทั้งบอกเล่าความเลวร้ายของสงคราม ทำให้ตัวเอกที่ดูไม่รู้สึกรู้สาอะไรในตอนแรก ต้องเปลี่ยนมุมมองของตนในตอนหลัง ชอบใจที่ถ่ายทำในบ้านเราและพยายามเซ็ตให้ดูเป็นเวียดนาม เสียดายที่ภาพของกล้องสมัยนี้มันทำให้ภาพชัดจนมองเห็นความไม่จริงของงานภาพอะนะ