เชื่อว่า หลายคนชอบดูหนังชีวประวัติ อาจจะด้วยเพราะความอยากรู้จักชีวิตและตัวตนของคนดังที่อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ และหลายครั้งที่เรื่องราวของคนๆ เดียวก็อาจถูกบอกเล่าอีกครั้ง ในอีกมุมมองหรือในอีกกลวิธี อย่างหนังเรื่องนี้ ‘Ferrari’ หรือชื่อไทย ‘สปีดทวงบัลลังก์’ มันเป็นหนังในปี 2023 แต่คนไทยจะได้ดูกันในปี 2024 อาจจะช้าไปบ้าง แต่ดีใจที่ได้ดูกันในโรงภาพยนตร์
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
ต้องบอกว่า สิ่งดีของหนังเวอร์ชันนี้ คือ การพาเราข้ามไปเจอช่วงวิกฤตชีวิตของ เอ็นโซ่ เฟอร์รารี โดยไม่เริ่มเล่าตั้งแต่แรกเริ่ม พาเราไปเจอกับความขึ้งเครียดเมื่อเขาต้องรับมือกับปัญหารุมเร้าทุกด้าน ทั้งโลกสองใบเมียน้อยเมียหลวง ทั้งเจ็บปวดกับการสูญเสียลูกชาย ทั้งความพยายามชุบชูธุรกิจ และการพัฒนารถแข่งเพื่อชัยชนะ หนังมันพาให้คนดูรู้สึกได้ความจริงของชีวิตและความมันในสนามแข่ง และไม่ลืมที่จะชี้ให้เห็นถึงความเป็นความตายที่เกิดได้ทุกวินาที
เป็นหนังที่ผสมผสานกันระหว่างความเป็นหนังไบโอพิคและหนังรถแข่งได้ดีมากๆ เลย
เรื่องย่อหนัง ‘Ferrari’
เอ็นโซ เฟอร์รารี (อดัม ไดรเวอร์ จากหนัง ‘Marriage Story’) ผู้ชายที่กำลังเผชิญหน้ากับเรื่องยุ่งยากหลายสิ่ง เขาดำเนินธุรกิจขายรถยนต์ด้วยจุดกำเนิดจากความคลั่งไคล้ในการแข่งรถ แต่ทว่า ในเวลานี้ ธุรกิจของเขากลับกำลังคลอนแคลนและเสี่ยงที่จะเจ๊งไม่เป็นท่า หนทางที่จะช่วยมันได้คงเป็นการนำรถเข้าแข่งและชนะในสนามสำคัญ
แต่ทว่า ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็มีปัญหาส่วนตัวที่ชวนยุ่งยากใจ เขามีภรรยาอยู่แล้วอย่าง ลอร่า (เพเนโลเป ครูซ จากหนัง ‘Official Competition’) และเธอก็เป็นคนสำคัญในด้านการเงินของบริษัท สองคนแยกกันอยู่ และเธอยังคงโกรธแค้นหลังการสูญเสียลูกชายสุดที่รัก
แต่เอ็นโซ เฟอร์รารี ก็มีโลกอีกใบคือเขามีภรรยาอีกตน ลีนา ลาร์ดี (เซลีน วูดลีย์ จากหนัง ‘The Fault in Our Stars’) ที่ไม่ได้ตบได้แต่งกัน และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน โดยที่ลอร่าไม่รู้
รีวิวหนัง ‘เฟอร์รารี สปีดทวงบัลลังก์’
มันคือหนังแนวชีวประวัติแหละ ไม่ได้เป็นหนังรถแข่ง แม้ชื่อมันจะเป็นยี่ห้อรถก็ตาม แต่มันก็ผสานความเป็นหนังที่เล่าเรื่องชีวิตคนจริงกับหนังที่ระทึกเร้าใจไปกับโลกความเร็วบนถนนได้อย่างลงตัว
สิ่งดีของหนังเรื่องนี้ คือ การเลือกช่วงเวลาเล่า ไมเคิล มานน์ กระโดดไปเล่าเรื่องราวชีวิตของ เอ็นโซ เฟอร์รารี่ ในช่วงขวบปีที่เขาเผชิญกับปัญหารอบด้าน ทั้งกิจการรถที่กำลังโงนเงน เขาใกล้จะถังแตกจนอาจต้องพึ่งพาทุนจากภายนอก นี่มันเป็นธุรกิจอันเกิดจากความรักในการแข่งรถที่เขาคงไม่ต้องการให้มันสลายไปกับตา เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงจำเป็นต้องชนะในการแข่งมิเล มีเลียให้ได้ แต่นอกจากการเอาชนะด้านความเร็วแล้ว ชีวิตของนักแข่งรถที่สูญเสียไปก็สร้างความบอบช้ำใจกับเขาอย่างมากเช่นกัน
และก็ไม่ใช่แค่ในสังเวียนธุรกิจและรถแข่งเท่านั้น เอ็นโซยังจะต้องเผชิญกับความยุ่งยากในด้านชีวิตส่วนตัวด้วย สิ่งที่รุมเร้าใจเขามีตั้งแต่ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนรัก หรือลูกชายคนแรกที่ส่งผลให้เกิดความบาดหมางห่างเหินระหว่างเอ็นโซและลอร่า แต่เขาได้พบกับโลกใบใหม่ที่แตกต่างออกไปอย่าง ลีนาเป็นทั้งที่พักใจและเซฟโซน แต่ในเมื่อลอร่ายังกุมอำนาจไม่เพียงในฐานะการเป็นภรรยา หากยังเป็นในเรื่องการเงินด้วย ก็ทำให้เขาจำเป็นต้องเก็บงำโลกอีกใบไม่ให้เธอรู้
หนังพยายามเปิดแผลของ เอ็นโซ่ เฟอร์รารี ว่าเขาต้องเจอกับอะไรบ้างในช่วงเวลาที่วุ่นวายยุ่งเหยิงสุดๆ ขณะกิจการกำลังดิ่งลงเหว ชีวิตคู่ก็เหลวไม่เป็นท่า แถมยังมีรักที่ต้องปิดบัง แม้รักการแข่งรถ แต่ก็ต้องเสียนักแข่งมือดีไปคนแล้วคนเล่า ทั้งยังโดนสื่อค่อนแคะไปยั้งมืออีกต่างหาก
ดูเหมือนว่า ในช่วงแรกของหนังนั้นไมเคิล มานน์ ไม่เร่งร้อน ค่อยๆ ละเลียดด้วยบทสนทนา ทว่าก็เดินไปบนความขึ้งเครียด ก่อนอุ่นอารมณ์ให้เดือดในช่วงถัดมา
อดัม ไดรเวอร์ โดดเด่นมากในเรื่องนี้ หนังแปรเปลี่ยนเขาให้กลายเอ็นโซ่ที่ผมเปลี่ยนเป็นสีดอกเลา สังขารที่ร่วงโรยไปบางส่วน แต่แพสชันยังคงอยู่ เขาต้องการชัยชนะแม้มันจะแลกมาด้วยชีวิตของนักแข่งก็ตามที เช่นเดียวกันกับ เพเนโลเป ครูซ ที่ดูโทรมไปมากจนแทบจำไม่ได้ในตอนแรก เธอกลายเป็นเมียหลวงผู้เจ็บช้ำและเกรี้ยวกราด พร้อมฟาดฟันด้วยไพ่ในมือเพื่อเอาคืนสามีที่กำลังเพลี่ยงพล้ำ
แต่ละช่วงเวลา อาจพาให้รู้สึกว่ามันเป็นหนังดราม่าชีวประวัติ ทว่า มันเล่าสลับไปกับการแข่งรถ จึงเป็นจุดเปลี่ยนให้หนังเดินไปอย่างไม่เรียบเรื่อย ช่วงเวลาบนสนามแข่งประลองความเร็วเป็นตัวจุดชนวนให้ความเดือดระทึกกลับมาทำหน้าที่ เรื่องมุมกล้องและการตัดต่อของหนังเรื่องนี้ เขาทำมันออกมาได้ดี พาคนดูเหมือนนั่งขับแข่งเองบนถนนจนใจรัว
สิ่งหนึ่งที่ใจคิดระหว่างดู แทนที่จะเป็นเรื่องของเอ็นโซที่ดิ้นรนอย่างหนักท่ามกลางทุกอย่างทับโถม กลับกลายเป็นความห่วงใยเหล่านักแข่งทั้งหลายในเวลานั้น ที่แม้ต่างคนจะรู้ว่าอาจไม่มีชีวิตกลับออกมาจากสนาม แต่พวกเขาก็ยังรักที่อยู่หลังพวงมาลัยและบึ่งไปข้างหน้า ภาพของการแข่งขันในเส้นทางระยะไกลเร่งให้จังหวะหนังเดือดขึ้นมาได้ มุมกล้อง การตัดต่อ ประสานเสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม พร้อมใส่ช็อตกระชากหัวใจ ถือเป็นหนังที่ผสมผสานกันระหว่างความเป็นหนังไบโอพิคและหนังรถแข่งได้ดีเลย
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Ferrari / เฟอร์รารี สปีดทวงบัลลังก์ |
กำกับ | Michael Mann |
เขียนบท | Troy Kennedy Martin, Brock Yates |
แสดงนำ | Adam Driver, Penélope Cruz, Shailene Woodley, Giuseppe Festinese |
แนว/ประเภท | อัตชีวประวัติ, ดราม่า, ประวัติศาสตร์, กีฬา |
เรท | R |
ความยาว | 130 นาที |
ปี | 2023 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 30 พฤษภาคม 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Forward Pass, Storyteller Productions, Iervolino & Lady Bacardi Entertainment, Black Bear, N8, Out of the Box by GDH, |
คะแนนรีวิวหนัง สปีดทวงบัลลังก์
พล็อตและบท - 7.6
การดำเนินเรื่อง - 7.6
การแสดง - 8
งานถ่ายภาพ และเทคนิคพิเศษ - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.7
7.8
Ferrari
ต้องบอกว่า สิ่งดีของหนังเวอร์ชันนี้ คือ การพาเราข้ามไปเจอช่วงวิกฤตชีวิตของ เอ็นโซ่ เฟอร์รารี โดยไม่เริ่มเล่าตั้งแต่แรกเริ่ม พาเราไปเจอกับความขึ้งเครียดเมื่อเขาต้องรับมือกับปัญหารุมเร้าทุกด้าน ทั้งโลกสองใบเมียน้อยเมียหลวง ทั้งเจ็บปวดกับการสูญเสียลูกชาย ทั้งความพยายามชุบชูธุรกิจ และการพัฒนารถแข่งเพื่อชัยชนะ หนังมันพาให้คนดูรู้สึกได้ความจริงของชีวิตและความมันในสนามแข่ง และไม่ลืมที่จะชี้ให้เห็นถึงความเป็นความตายที่เกิดได้ทุกวินาที เป็นหนังที่ผสมผสานกันระหว่างความเป็นหนังไบโอพิคและหนังรถแข่งได้ดีมากๆ เลย