ไม่มีหรอก “ศพผีที่ลุกขึ้นมาเดินได้” ในตำนานผีเมืองไทย แต่ในโลกเซลลูลอยด์แห่งอเมริกา ตำนานนี้มีมานานพอสมควรแล้ว Zombie – ซอมบี้ กลายเป็นเรื่องที่หยิบมาเล่าซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่รู้จักเบื่อ แถมยังมีการแต่งเติมให้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เพื่อให้เกิดผลทางการตลาดหรืออะไรก็แล้วแต่ ล่าสุด ปีนี้ เราก็มีหนังฟอร์มยักษ์อย่าง ‘World War Z’ ที่เข้าฉายและโกยรายได้อย่างไม่ลดละ วันนี้ เลยจะลองเขียนถึงการเดินทางของหนังซอมบี้ดูสักครั้ง
ในช่วงปี ค.ศ. 1929 หนังสือที่ชื่อ “The Magic Island” ออกวางจำหน่าย มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับหมอผีวูดูในเฮติ ที่เขียนโดยนักผจญภัยชาวอเมริกัน “ซอมบี้” ถูกเอ่ยถึงในความหมายของคนตายที่ถูกหมอผีปลุกขึ้นมาจากหลุมเพื่อให้เป็นทาสรับใช้ในไร่อ้อยของโรงงานผลิตน้ำตาล ทำงานได้เร็วและหนักกว่าคนทั่วไป แต่มันจะกินเกลือและเนื้อสัตว์ไม่ได้ จนเมื่อวันหนึ่ง มันได้กินสตูใส่เกลือเข้าทุกอย่างก็เป็นเรื่อง…
พวกมันถูกคลายจากมนต์สะกด หายเข้าไปในป่า ญาติพี่น้องพบเจอจึงแจ้งตำรวจไปจับหัวหน้าคนงาน แถมยังถูกหมอผีวูดูสาปแช่งอีกต่างหาก
ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นภาพยนตร์ มันเคยผ่านการเป็นละครบรอดเวย์มาก่อน ปี ค.ศ. 1932 ละครชื่อ “Zombie” ที่อิงจากหนังสือ The Magic Island แต่เนื้อเรื่องเปลี่ยนไป กลายคนงานในไร่ปลุกเจ้าของที่ตายขึ้นมาหวังฮุบไร่แทน
White Zombie (1932)
แต่ในปีเดียวกัน ก็มีหนังซอมบี้เรื่องแรกออกมาจนได้ ‘White Zombie’ คือภาพยนตร์เรื่องนั้น ผลงานจากสองพี่น้อง เอ็ดเวิร์ด และ วิกเตอร์ ฮัลเปริน เรื่องราวยังอยู่กับมนต์ดำวูดู และไร่อ้อยโรงงานน้ำตาล ทำรายได้ไปกว่า 8 ล้านดอลลาร์จนต้องสร้างภาคสอง
พอปี 1933 หนังซอมบี้ก็เริ่มระบาด มีหนังถึง 3 เรื่องที่พูดถึงซอมบี้ในแง่มุมต่างๆ กัน ‘The Ghoul’ นักอียิปต์ศึกษาที่ปลุกตัวเองให้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย, ‘The Walking Dead’ ชายที่ถูกประหารในความผิดที่ตนไม่ได้ก่อ กลายเป็นซอมบี้เพื่อล้างแค้น และ ‘The Man hey Could Not Hang’ นักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลงโทษแขวนคอแต่กลับไม่ตาย
ทั้งหมดได้ตัดเรื่องหมอผีที่เฮติไปหมดสิ้นแล้ว
หลังจากนั้น ก็มีการสร้างหนังเกี่ยวกับซอมบี้มาเรื่อยๆ เกี่ยวกับวิชาวูดูบ้าง ไม่ใช่บ้าง โดยพบว่ามีนักแสดงนาม เบล่า ลูโกซี (White Zombie) ที่ปรากฏชื่ออยู่ในหลายๆ เรื่อง
Night of the Living Dead (1968)
จากความสำเร็จของ ‘Night of the Living Dead’ (1968) ของบริษัท Image Ten ที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างหนังเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ แรงบันดาลจากมันทำให้เกิดหนัง ‘Children Shouldn’t Play with Dead Things’ ในปี 1972 เรื่องราวของผู้กำกับที่ไปซ้อมบทกันบนเกาะแห่งหนึ่ง ก่อนอุตริขุดศพจากป่าช้ามาทำพิธี
หลังจากนั้น ซอมบี้ก็เปลี่ยนพล็อตของตัวเองไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะพล็อตซอมบี้นาซี ใน ‘Shock Waves’ (1977), ‘Zombie Lake’ (1980), ‘Oasis of the Zombie’ (1982)
Dawn of the Dead (1978)
George A. Romero ผู้คิดพล็อตและกำกับ “Night of the Living Dead” คิดพล็อตส่วนที่เหลือออกแล้ว แล้วก็สร้างมันต่อ กลายเป็น ‘Dawn of the Dead’ ในปี 1978 เรื่องราวของสาวพนักงานสถานีทีวีกับแฟนนักบินที่ขโมยเฮลิคอปเตอร์หนีซอมบี้ไปเจอห้องเก็บของบนห้างแห่งหนึ่ง การถ่ายหนังเรื่องนี้ ได้อาสาสมัครมาเล่นเป็นซอมบี้มากถึง 1,500 คน หนังฉบับที่ฉายในต่างแดนถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘Zombi’ และมีความยาวน้อยกว่า หนังทำรายได้ทั่วโลกได้ถึง 55 ล้านดอลลาร์
ก่อนที่จะมี Zombi 2 จากผู้กำกับอีกคนในอิตาลี ที่กลายเป็นปัญหาพิพาทกับผู้อำนวยการสร้างของ Zombi ภาคแรก แต่หนังกลับประสบความสำเร็จด้านรายได้ดีกว่า Night และ Dawn เสียอีก ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ยังจุดชนวนให้เกิดหนังซอมบี้เกรดบีขึ้นมาอีกหลายเรื่องในอิตาลี
หนังซอมบี้ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน…
ในปี 1990 มีการหยิบเอา ‘Night of The Living Dead’ มารีเมกกันใหม่อีกครั้ง ทำรายได้พอคุ้มทุน แถมต่อมาก็ยังมี ‘Land of the Dead’ (2004), ‘Land of the Dead’, ‘Diary of the Dead’ (2007) และ ‘Survival of the Dead’ (2010) ออกมาอีกด้วย ซึ่งผมพลาดหมดทุกภาค
ขอข้ามมาในยุคหลังๆ ที่เราจะรู้จักหนังซอมบี้กันก็มีอยู่หลายเรื่อง ขอยกตัวอย่างเรื่องที่หลายๆ คนรู้จักมาเขียนถึงก็แล้วกันครับ
Resident Evil (2002)
เป็นหนังแอ็คชั่นสยองขวัญที่สร้างจากเกมดัง ที่ ผกก. Paul W.S. Anderson ผู้พยายามดูหนังสยองขวัญเก่าๆ ทุกเรื่องเพื่อวิเคราะห์ว่าทำไมมันจึงตกยุคและจะไม่ยอมทำแบบนั้น หนังทำรายได้ระดับร้อยล้านทั่วโลก และมีภาคต่อตามมาอยู่เรื่อยๆ
28 Days Later (2002)
หนังซอมบี้ที่เล่าที่มาเป็นไวรัสที่หลุดรอดจากห้องทดลอง ที่ Alex Garland เขียนบท ส่วน Danny Boyle กำกับฯ ซอมบี้ในหนังเรื่องนี้จะเคลื่อนไหวเร็วพอๆ กับคนปกติ หนังทำรายได้ทั่วโลกที่ 83 ล้านเหรียญจากทุนสร้างเพียง 8 ล้านเหรียญเท่านั้น และแน่นอน มันก็มีภาคต่อ ’28 Weeks Later’ ตามออกมา ที่คราวนี้กำกับโดย Juan Carlos Fresnadillo
Zombieland (2009)
มาถึงหนังซอมบี้สไตล์ตลกผสมไร้ดมูฟวี่กันบ้าง หนังที่ได้นักแสดงหลักตัวไม่ใหญ่ไม่โตนักแต่เป็นที่รู้จัก อย่าง Jesse Eisenberg, Woody Harrelson, Emma Stone และ Abigail Breslin เรื่องของมันคือการขับรถหนีภัยซอมบี้เพื่อหาที่ปลอดภัย เป็นอีกเรื่องที่ซอมบี้วิ่งได้เร็วเหมือนอย่าง ’28 Days Later’
Warm Bodies (2013)
หนังซอมบี้ที่ผสมโรแมนติกคอมิดี้เข้าไปด้วย มันถูกสร้างจากนิยาย เรื่องราวของซอมบี้ที่ได้พบรักกับมนุษย์สาวและก่อเกิดความเปลี่ยนแปลงอันน่าเหลือเชื่อขึ้นข้างใน หนังเลือกเล่าเรื่องจากมุมของซอมบี้เอง แทนที่จะเล่าจากมุมมองของมนุษย์ผู้เหลือรอดหนีตายอย่างเรื่องอื่นๆ หนังกำกับฯ โดย Jonathan Levine และมีตัวนำเป็น Nicholas Hoult และ Teresa Palmer
The Walking Dead
นี่ไม่ใช่หนัง แต่เป็นซีรี่ส์ที่เล่าถึงซอมบี้ที่ได้รับความนิยม เพื่อนๆ น้องๆ รอบตัวมีแต่คนดูเรื่องนี้กันทั้งนั้น เรื่องราวของ ริก ตำรวจหนุ่มที่ฟื้นขึ้นมาจากอาการโคม่าในโรงพยาบาลที่ร้างไปด้วยเพราะการอาละวาดของเหล่าซอมบี้ โลกเปลี่ยนไปและเขาคือชายผู้ต้องการตามหาภรรยาและลูกให้เจอ แต่ภารกิจของเขามันไปไกลกว่านั้นมาก เขากลายเป็นผู้นำของกลุ่มที่รอดชีวิตและต้องฝ่าฟันเหล่าซอมบี้เพื่อเอาชีวิตรอด
จุดเริ่มต้นของมันเป็นหนังสือการ์ตูนเรื่องหนึ่งเท่านั้น…
หนังซอมบี้จะยังมีอยู่มั้ย? ผมยังเชื่อว่าจะยังมีคนสร้างอยู่เรื่อยไป ค้นหาพล็อตใหม่ ประเด็นใหม่ๆ แม้แต่ที่มาของการกำเนิดซอมบี้แบบใหม่ๆ มาสร้างสรรค์ดึงเงินจากกระเป๋าคนดู มันคงต้องมีบ้างช่วงที่ตกต่ำ ช่วงที่รุ่งโรจน์ แต่มันก็คงจะมีวัฎจักรของมันที่หมุนเวียนกันไป เป็นธรรมดาของโลก
หนังสยองขวัญ-ระทึกขวัญ ก็คงจะอยู่ต่อไปตราบใดที่ “ภาพยนตร์” ยังคงอยู่