ผมเคยเขียนบทความเล่าถึงวงดนตรีวงหนึ่งที่ผมชอบมากๆ ตามซื้อทุกอัลบั้มทุกชุด พวกเขาเคยออกอัลบั้มแรกมาแล้วไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเท่าไหร่ แต่นั่นทำให้ผมได้รู้จักพวกเขา พอเขาหายไปแล้วก็กลับมา สร้างความปลื้มปิติอย่างมาก ตามไปดูแคมปัสทัวร์เกือบทุกที่เลย แต่พอมาอีกวันนึง พวกเขาก็เงียบหายไปอีก พวกเขาคือ “Soul After Six” ครับ
วันเวลาล่วงเลย อายุอานามคนฟังก็มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต่างอะไรกับอายุอานามของพวกเขา แต่วันนี้ พวกเขากลับมาอีกครั้ง กับงานเพลงใหม่ๆ แถมเขายังชวนผมไปนั่งฟังอีกด้วย ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ห่างกันไปนาน พวกเขาก็จำผมได้อยู่ เพลงใหม่ๆ ที่ส่งออกมา แม้จะไม่ได้ดังมากนัก แต่ก็สร้างความแช่มชื่นให้ผมได้ไม่น้อยเลย ดนตรีโซลในแบบฉบับของโซลอาฟเตอร์ซิกซ์ กลับมาแล้ว…
ปลายปีที่แล้ว (2555) พวกเขาออกผลงานแรกหลังห่างหายไปหลายปี “เวลา” ปล่อยเอ็มวีในยูทูบและมีผู้เปิดชมราว 2 แสนกว่าวิว นับว่าไม่เลวในฐานะที่ไม่ได้โปรโมตในวงกว้าง
พวกเขายังคงทำงานต่อแม้ว่ามันจะเดินไปได้อย่างช้าๆ ตามสไตล์ของวง บ้างก็มีงานประจำและงานอื่นๆ การออกผลงานในลักษณะค่ายอิสระจึงยังเป็นไปได้ที่จะทำเช่นนั้น และก็เชื่อว่า หากค่ายเพลงไหนสนใจจะจัดจำหน่ายและโปรโมตให้ พวกเขาก็คงจะยังเปิดโอกาสนั้นอยู่
เวลาผ่านมาถึงราวเดือนพฤษภาคม 2556 สามหนุ่ม ปึ่ง – ปิงปอง – บิ๊ก แห่ง Soul After Six ก็ส่งเอ็มวีตัวที่สองออกมาให้แฟนๆ และคนฟังเพลงทั้งหลายได้รู้จักกัน กับเอ็มวีในแบบแอนิเมชั่นที่ที่สร้างสรรค์จากหนึ่งในแฟนเพลงของวงที่มาช่วยทำให้ “คนละทางเดียวกัน” ยังคงเต็มไปด้วยนักดนตรีระดับฝีมือที่มาร่วมอัดเสียงให้ กับการอัดเสียงที่ละเอียดละออ ใช้เครื่องดนตรีมากชิ้น ใช้จำนวนแทร็คในการอัดเสียงเยอะกว่าเพลงทั่วไป
รายละเอียดของการอัดเสียงที่สูง ถ้าฟังด้วยเครื่องเสียงดีก็ยิ่งเห็นถึงความต่างอย่างมาก ถ้าไม่อาจหาได้ ก็ลองฟังด้วยลำโพงที่แยกย่อยซ้ายขวาและเก็บเสียงทุ้มแหลมได้พอประมาณ แล้วจะซึ้งถึงความแตกต่างอันนั้น
ขณะที่เนื้อหาของเพลงก็ออกแนวอกหักรักคุดหน่อยๆ แต่ด้วยทำนองที่มีจังหวะกลางๆ ทำให้นี่ไม่ใช่เพลงเศร้า นัยว่าผ่านโลกมาประมาณหนึ่ง แม้เมื่อเจอความผิดหวังก็ไม่ถึงกับฟูมฟาย แม้ได้แต่ยอมรับ ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านั้น แต่ชีวิตมันต้องดำเนินไป อยู่อย่างเข้าใจมัน..ก็พอ
เพลงช้ำๆ แบบคนโตเป็นผู้ใหญ่เพลงนี้ สำหรับผมแล้ว ชอบมากกว่า “เวลา” ตรงที่ท่วงทำนองและจังหวะนั้นดูกลมกล่อม แต่กว่าจะเข้าถึงเนื้อหาก็ต้องใช้เวลาฟังไปสัก 2-3 หน
ผมคงเป็นพวกอินกับเนื้อหาช้าน่ะครับ