รีวิวซีรีส์ The Peripheral ท่องมิติพลิกโลก | ร่างทรงฉบับอนาคต

หลังรอคอยกันมาพักใหญ่ กับซีรีส์เรื่องใหม่ที่นำแสดงโดย Chloë Grace Moretz เรื่องราวของมันออกไปในทางไซไฟข้ามเวลาไอเดียน่าสนใจ ‘The Peripheral’ ที่มีชื่อไทยว่า ‘ท่องมิติพลิกโลก’ สร้างโดยทีมงานเดียวกับ ‘Westworld’ ครั้งนี้ โปรเจ็กต์ใหม่ของพวกเขาเข้ามาอยู่ในบริการ Amazon Prime Video

เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงจากนิยายวิทยาศาสตร์ระดับขายดีของ William Gibson (เจ้าของผลงาน ‘Neuromancer’) เล่าเรื่องราวที่เกิดในสองเวลาและคนละซีกโลก คร่าวๆ คือ หนึ่งเวลา มันเกิดขึ้นที่นอร์ธแคโรไลน่า และอีกหนึ่งเวลา มันเกิดที่ลอนดอน ที่หนึ่งเป็นปี 2030 แต่อีกที่เป็นปี 2100 เรื่องราวอันน่าตื่นตาที่คล้ายการเดินทางข้ามเวลาแถมยังไปปรากฏตัวอยู่ในที่อันห่างไกล

อะไรที่เป็นแนวไซไฟๆ นี่นายแพทชอบนักล่ะ

เรื่องย่อซีรีส์ ‘The Peripheral’

ในปี 2032 ฟลินน์ ฟิชเชอร์ (Chloë Grace Moretz/โคลอี้ เกรซ มอเรตซ์ จากหนังเรื่อง ‘Tom and Jerry’, ‘Suspiria’ และ ‘Shadow in the Cloud’) น้องสาวที่เป็นเซียนเกมของพี่ชายอย่าง เบอร์ตัน (Jack Reynor/แจ็ค เรย์เนอร์ จากหนังเรื่อง ‘Midsommar’, ‘Sing Street’ และ ‘Transformers: Age of Extinction’) สองพี่น้องอาศัยอยู่ในแคลนตันเคาน์ตี้ นอร์ธแคโรไลน่าและต้องดูแลแม่ที่ป่วยหนัก ฟลินน์เป็นหญิงสาวที่ฉลาดเฉลียว ทะเยอทะยาน แต่ก็ไร้อนาคต จนกระทั่งวันหนึ่ง อนาคตก็เดินเข้ามาหาเธอ และเธอก็คิดว่าตนเองต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหาเงินมารักษาแม่ของตนเอง

วันนั้น เบอร์ตันเอาอุปกรณ์ของเกมแนววีอาร์ตัวใหม่ [ที่อยู่ในช่วงเบต้าเทสต์] มาให้ฟลินน์ได้ลองเล่น เพื่อแลกกับเงินก้อนใหญ่ ด้วยความที่เธอค่อนข้างช่ำชองและชื่นชอบในการเล่นเกมซิมอะไรพวกนี้อยู่แล้ว จึงตกลงลองเล่นดูก่อนจะพบว่ามันอะเมซซิ่งเอามากๆ

โลกในนั้นเหมือนจริงอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกอย่างดูเป็นลอนดอนที่ทันสมัยด้วยเพราะมันคือปี 2099 และที่นั่น เธอได้พบกับผู้จ้างวาน เธอคือ แอลิต้า เวสต์ (Charlotte Riley จากซีรีส์ ‘พีกี้ ไบลน์เดอร์ส’ และหนังเรื่อง ‘In the Heart of the Sea’) และได้รู้ว่ามันไม่ใช่โลกเสมือนจริงอย่างที่คิด หากเป็นโลกจริง เป็นลอนดอนในอีก 70 ปีข้างหน้า

แต่แล้วเธอก็ได้รับการติดต่อจากชายชื่อ วิล์ฟ เนเธอร์ตัน (Gary Carr) ที่เตือนว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย และสถานการณ์มันซับซ้อนกว่าที่คิด และนี่คือเรื่องย่อตอนแรกของซีรีส์เรื่องนี้

รีวิวซีรีส์ ‘ท่องมิติพลิกโลก’

ทีแรก เราอาจนึกว่าฟลินน์ผู้ที่เชี่ยวในการเล่นเกมวีอาร์จะได้เล่นเกมวีอาร์ตัวใหม่กับอุปกรณ์ที่ดูล้ำยุค แต่กลับไม่ใช่ เพราะมันเป็นประสบการณ์ที่เหมือนจริงเกินกว่าจะเป็นวีอาร์ มันคล้ายกับการถอดจิตเข้าไปอยู่ในร่างอวาตาร์ที่อยู่ในโลกอนาคตอะไรประมาณนั้น [และสุดท้าย เขาก็เรียกกันว่าเป็น ร่างทรง] แต่มันเต็มไปด้วยความน่าสงสัย สิ่งที่ฟลินน์ได้พบทีแรกอาจสร้างความปิติ แต่ครั้งต่อมากลับกลายเป็นสิ่งเลวร้าย ชักไม่มั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เธอเข้าไปพัวพันนั้นคือสิ่งที่ดี

แคลนตันในปี 2032

หลายอย่างยังคงคลุมเครือไม่แจ่มชัด แต่ค่อย ๆ กระจ่างขึ้นอย่างช้า ๆ สิ่งที่พอจะเข้าใจได้ง่ายกว่า คือ ฝั่งปัจจุบันในนิวเซาท์แลนด์ [แม้จะเรียกว่าปัจจุบัน แต่ก็เป็นปัจจุบันในโลกของซีรีส์ ซึ่งก็คือราวปี 2032 นะครับ] ที่นั่น มีชายสูงวัยอย่าง คอร์เบล พิคเกตต์ (Louis Herthum) ที่ยิ่งใหญ่มานานจากการค้ายาเสพติด และตอนนี้ เขาเริ่มได้รับการจ้างวานให้เก็บสองพี่น้อง แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้น

เพราะฝั่งสองพี่น้องก็มีกลุ่มแก๊งของตนเอง ในซีรีส์มีคาแรกเตอร์เท่ๆ อย่างคอนเนอร์ (Eli Goree) หนุ่มผิวสีพิการขาเหลือเพียงแขนเดียว ยุคนั้นพัฒนาจนนอกจากเขาจะมีรถเข็นสุดไฮเทคแล้ว รถเข็นนี้ยังประกอบกับรถอีกครึ่งคันกลายเป็นยานพาหนะสุดซิ่งได้อีกด้วย และมีทอมมี่ (Alex Hernandez)​ หนุ่มที่ฟลินน์เคยชอบสมัยเรียน ตอนนี้เขาเป็นผู้ช่วยนายอำเภอของแคลนตัน ส่วนกลุ่มแก๊งของเบอร์ตันเป็นทหารเก่า จึงเชี่ยวชาญในการรับมือมากพอสมควร แถมพวกเขาต่างก็มีแฮพติกติดตั้งอยู่ในตัว เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อทางประสาทที่ช่วยให้เชื่อมโยงกับคนอื่นๆ ในทีมได้

จุดอ่อนไหวของฟลินน์ ก็คือการมีเพื่อนซี้อย่าง บิลลี่ แอนน์ (Adelind Horan) ที่ดันเป็นแฟนของแจสเปอร์ (Chris Coy) หลานของคอร์เบล ทำให้เสี่ยงที่ข้อมูลจะรั่วไหลได้

ลอนดอนในปี 2100

แถมต่อมา ยังมีคนตั้งค่าหัวเธอตั้งเก้าล้าน และมีกลุ่มคนมาติดตามไล่ล่า แท้จริง เธอได้ขโมยบางอย่างมา บางอย่างที่เธอยังไม่รู้ว่าคืออะไร แม้แต่คนดูอย่างเราๆ ก็ยังสงสัย สถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในลอนดอนในอีก 70 ปีข้างหน้ากำลังทำอะไรอยู่ และเชอริส นูแลนด์ (T’Nia Miller) คนที่ดูน่าจะเป็นตัวร้ายที่สุดในโลกอนาคตแห่งนั้น เธอกำลังทำอะไร เบื้องลึกเบื้องหลังที่เรายังมองไม่เห็น แต่ที่แน่ๆ เธอกำลังคุกคามคนทุกคนที่เธอเห็นว่าเกี่ยวข้องกับเหตุนี้ ดูแล้วนูแลนด์จึงน่าจะเป็นตัวร้ายที่ร้ายกาจยิ่ง

ขณะเดียวกัน เธอก็เป็นฝั่งตรงข้ามของ แอลิต้า กับ วิลฟ์ พี่น้องบุญธรรมที่เคยผูกพันมาแต่เด็ก แน่นอนว่าทุกอย่างยังคงดูคลุมเครือ และต้องใช้เวลาศึกษาเรียนรู้กันต่อไป

ภายในซีรีส์นั้น เล่าเรื่องราวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ของโลกที่เข้าสู่ภาวะวิกฤตที่ถูกเรียกว่า ‘แจ็กพ็อต’ จนเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่พลิกโฉมของโลกไปอย่างไม่มีใครคาดคิด และเมื่อซีรีส์ดำเนินไปมากตอนเข้า เรื่องราวก็ยิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคนในโลกปัจจุบันและคนในอนาคตต่างโรมรันกันหนักข้อมากขึ้น

ความพิเศษของซีรีส์เรื่องนี้ ท่องมิติพลิกโลก

ความพิเศษของซีรีส์เรื่อง ‘The Peripheral’ คือการที่มันถูกกลั่นออกมาจากวิสัยทัศน์แบบไซไฟจาก Jonathan Nolan และ Lisa Joy ที่เคยทำ ‘Westworld’ ลั่นโลกมาแล้ว ครั้งนี้ พวกเขาจะเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับ VR ที่ไม่ใช่เกม หากเป็นการเชื่อมโยงจิตไปอยู่ในร่างทรงและในช่วงเวลาอีก 70 ปีข้างหน้า และได้พบกับปมบางอย่างที่เป็นปริศนาและต้องใช้เวลาในการค้นหาคำตอบ

เรื่องนี้ยังนำแสดงโดยจิ๋วจี๊ดจาก ‘Kick-Ass’ อย่าง Chloë Grace Moretz สาวสุดแซ่บที่วาดลวดลายโชว์ลีลาแอคชัน ในบทของน้องสาวผู้ที่ชีวิตเธอดูจะมีแต่เกมซิมเท่านั้นที่ทำให้เธอรู้สึกมีชีวิต เชื่อว่าหลายคนที่ชื่นชอบในเสน่ห์ของเธอต้องมาติดตามซีรีส์เรื่องนี้อย่างแน่นอน

หนึ่งซีซันแรกในบริการของ Prime Video นี้มีเพียง 8 ตอนและมาศุกร์ละตอน แถมมีแบบพากย์ไทยเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไม่ต้องการอ่านซับไตเติล

ถ้าพูดกันเรื่องงานภาพ คงต้องบอกว่าเขาทำมันได้ดีเลยเชียวล่ะ ไม่ว่าจะเป็นซีจีการสร้างหุ่นเอไอในโลกอนาคตที่ดูสร้างสรรค์ดี พร้อมทั้งการออกแบบลอนดอนในอนาคตที่ดูแปลกตา ในด้านเรื่องราวยิ่งเดินก็ยิ่งเข้มข้น แทรกซึมความเป็นไปได้ที่โลกจะพบเจอหายนะในอนาคตอันใกล้ เกมวีอาร์ในปัจจุบันอาจกลายเป็นเครื่องมือเดินทางของจิตเพื่อท่องเที่ยว

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์