รีวิวซีรีส์ Yu Yu Hakusho คนเก่งฟ้าประทาน | เด่นที่ฉากบู๊ ซีจีอย่างเนียน

คงต้องบอกว่าปลายปี 2023 มีคอนเทนต์ทั้งหนังและซีรีส์ใหม่ๆ น่าสนใจให้ดูในเน็ตฟลิกซ์มากมายเหลือเกินจริงๆ มากเสียจนไม่อาจจะดูและเขียนถึงได้ทันเวลา สุดท้าย ก็ต้องให้มันเป็นไปตามที่มันต้องเป็น และวันนี้ ก็ได้เวลาที่ผมจะหยิบซีรีส์ญ๊่ปุ่นที่ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อดังอย่าง ‘Yu Yu Hakusho’ หรือ ‘คนเก่งฟ้าประทาน’ มาเขียนถึงกันแล้วล่ะครับ

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

ซีรีส์ญี่ปุ่นจำนวน 5 ตอน ที่สร้างมาจากเวอร์ชันมังงะ เล่าเรื่องเด็กหนุ่มนักเรียนนักเลงที่จิตใจดี ตายแล้วได้คืนชีพใหม่พร้อมเงื่อนไขการเป็นนักสืบโลกวิญญาณ เรื่องที่เริ่มต้นได้เข้มข้น ก่อนจะผ่อนมาเล่าพาร์ทดราม่าบ้าง ช่วงฝึกฝนวิชาบ้าง ก่อนส่งเข้าสู่ศึกประลองกำลังในช่วงหลัง โดยรวมถือว่าฉากบู๊มัน บันเทิงดี ซีจีเยี่ยม ดูจบได้ภายในวันเดียว

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Yu Yu Hakusho’

ในอดีตโลกมนุษย์นั้นเชื่อมต่อกับโลกของปีศาจ เหล่าปีศาจที่ลอบเข้าไปอยู่ในโลกมนุษย์ก็จะกลายเป็นเหยื่อของพวกมนุษย์ แต่ต่อมา เหมือนจะมีกำแพงที่กั้นระหว่างโลกของมนุษย์กับโลกของวิญญาณ ทำให้โลกมนุษย์กับโลกวิญญาณแยกกันอย่างสิ้นเชิง แต่เพราะเหตุหลุมยุบที่เกิดขึ้นใจกลางกรุง ก่อให้เกิดประตูเล็กที่ปีศาจขะหลุดเข้ามายังโลกมนุษย์ได้ และนั่นทำให้เกิดเรื่องเกิดราวขึ้น

อุราเมชิ ยูสุเกะ (Takumi Kitamura จากหนังเรื่อง ‘Tokyo Revengers’ และ ‘Our 30 Minute Sessions’) เด็กหนุ่มที่ภายนอกก็ดูเป็นอันธพาล มีฝีมือในการต่อสู้ไม่ใช่เล่นๆ แต่ความจริงแล้ว ข้างในเขาเป็นคนจิตใจดี นักเรียนสาวๆ ค่อนข้างเกลียดและกลัว ก็มีแต่ เคโกะ (Sei Shiraishi จากหนังเรื่อง ‘Prince of Legend’) นี่แหละที่ยังเป็นเพื่อนแถมเธอยังเป็นคนสำคัญของยูสุเกะ แต่เขากลับต้องมาตายเพราะช่วยเหลือเด็กคนหนึ่ง

แทนที่จะตกนรกหรือขึ้นสวรรค์ เขากลับได้พบกับ โบตั๋น (Kotone Furukawa จากหนังเรื่อง ‘Wheel of Fortune and Fantasy’) สาวน้อยผมชมพูในชุดกิโมโน ที่เขาไปพบกับ ท่านโคเอ็นม่า (Keita Machida จากซีรีส์ ‘Alice in Borderland’) ผู้คืนชีพให้เขาพร้อมกับพลังวิญญาณ โดยมีเงื่อนไขว่า เขาต้องเป็นนักสืบโลกวิญญาณและทำทุกอย่างตามที่ได้รับมอบหมาย

และตั้งแต่นั้นมา โบตั๋นก็กลายเป็นผู้ช่วยประจำตัวของยูสุเกะ และก็ไม่ใช่จะมีแค่เขาคนเดียวที่มองเห็นเธอ แต่คุวาบาร่า (Shuhei Uesugi จากหนังเรื่อง ‘Shin Kamen Rider’ และซีรีส์ ‘Followers’) นักเรียนอันธพาลคู่อริของเขาก็มองเห็นเธอด้วย น่าแปลกชะมัด

รีวิวซีรีส์ ‘คนเก่งฟ้าประทาน’

ถ้าพูดถึงผลงานของผู้กำกับชาวญี่ปุ่นคนนี้ Sho Tsukikawa เขาเคยมีผลงานภาพยนตร์ญี่ปุ่นผ่านตาคนไทยมาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งก็ได้แก่ ‘Let Me Eat Your Pancreas’ และ ‘The 100th Love with You’ เชื่อว่าคนหนังญี่ปุ่นต้องเคยเดินเข้าไปรับชมมาแล้วในโรงอย่างแน่นอน แม้ผลงานส่วนใหญ่จะเป็นหนัง แต่ระยะหลังก็หันมากำกับซีรีส์บ่อยขึ้น และนี่อาจจะเป็นซีรีส์ของเขาเรื่องแรกสำหรับคนไทยหลายๆ คน

ด้วยความที่มันเป็นซีรีส์คนแสดงที่ดัดแปลงสร้างจากมังงะ ก็อาจจะมีแฟนๆ การ์ตูนเล่มที่ตามมาดูกันมากหน่อย แต่สำหรับผม ที่เคยเห็นหน้าปกมังงะแต่ไม่เคยหยิบมาอ่าน นี่จึงเป็นการทำความรู้จักครั้งแรกเลย มันเคยเป็นมังงะที่ออกจำหน่ายในช่วงปี 1990-1994 เนื้อหาก็อาจเป็นแนวนิยมในยุคนั้น อาจจะเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในกลุ่มวัยรุ่นหน่อย ก็เรื่องมันปูไปสู่การต่อสู้ของมนุษย์และปีศาจนี่นา

เหตุการณ์มันเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อยูสุเกะที่สาวๆ ไม่ค่อยอยากเข้าใกล้ คุณครูก็เข้าใจไปแล้วว่าเขาเป็นนักเรียนนักเลง แต่ความจริงเขาเป็นคนจิตใจดีที่วิ่งเข้าไปช่วยเหลือเด็กจากการถูกรถชน แต่กลายเป็นตัวเองตายและได้ไปเจอกับยมทูตสาว เมื่อเจอกับโคเอ็นม่าซามะ ก็ยื่นข้อเสนอคืนชีพให้แลกกับการเป็นนักสืบโลกวิญญาณ เรื่องมันไปไวแบบนั้นเลย ซึ่งก็ไม่แปลกนักหรอก เพราะซีรีส์มันยาวแค่ 5 ตอนเอง

จากนั้น ซีรีส์ก็พายูสุเกะกลับคืนสู่ความเป็นคนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขามองเห็นทั้งมนุษย์ ยมทูตและปีศาจ พันธะสัญญาที่สร้างไว้ทำให้เขามีงานไม่หยุดหย่อน ราวกับไม่ต้องรงต้องเรียนหนังสือมันอีกแล้ว หน้าที่การเป็นนักสืบโลกวิญญาณเริ่มตั้งแต่คืนชีพกันเลยทีเดียว จากนั้นก็เหมือนตั้งใจจะเดินเรื่องไปสู่การฟอร์มทีม

หนึ่งในนั้นคือ คุวาบาร่า คาซึมะ คู่ปรับต่างสถาบันที่ดันเป็นอีกคนที่มองเห็นโบตั๋น และภารกิจต่อมาก็ทำให้ยูสุเกะได้พบกับสหายที่ไม่ใช่มนุษย์ เรื่องราว 5 ตอนนี้มีตัวร้ายที่ค่อยๆ ฉายแววว่ามาจริงนะ เขาคือ ซาเคียว ชายผู้ทะเยอทะยานอยากจะเห็นโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณเชื่อมต่อกัน

มันมีการดำเนินเรื่องหลายๆ อย่างที่คุ้นเคยกันมานาน อย่างเช่น การให้พระเอกค่อยฝึกฝนตนเอง จึงเริ่มแรกที่ใช้พลังอะไรไม่ค่อยจะเป็น จนได้ฝึกฝนกับอาจารย์ แล้วก็เล่าว่ามีมนุษย์อีกคนที่ไม่ยอมแพ้ฝึกฝน จนพระเอกที่เริ่มอ่อนล้าและหมดกำลังใจได้กลับมาฮึดสู้อีกครั้ง ประมาณว่า ความอยากเอาชนะเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตนเองนั่นแล

ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง เรื่องมันก็ลากไปสู่เกมกึ่งๆ ‘Squid Game’ ตรงที่มันมีพวกคนรวยนั่งดูบนเก้าอี้วีไอพีแล้วพนันขันต่อว่าใครจะชนะ เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่มนุษย์ที่ต้องเล่นกันเป็นด่านๆ แต่เป็นการสร้างเวทีประลองชนิดเอาเป็นเอาตายของตัวละครที่มีทั้งมนุษย์และปีศาจ

ทีนี้ มาพูดกันถึงแง่มุมที่มีในซีรีส์เรื่องนี้กันบ้าง ในบทสนาท มันมีการไถ่ถามว่า มันมีคนดีในหมู่คนเลวหรือไม่ เอาเข้าจริง เราทุกคนก็เชื่อว่ามี ในหมู่คนเลวย่อมมีคนดี และในทางกลับกัน ในหมู่คนดีก็ย่อมมีคนเลว มันปะปนอยู่เช่นนี้เสมอแหละ แต่ตัวเราเองนี่แหละที่ต้องตัดสินเอาเอง ว่าคนไหนกันที่ดีหรือเลวในแง่มุมไหน

ซีรีส์เรื่องนี้ ตั้งใจจะพาตัวละครไปพบกับความตาย และบ่งบอกความหมายของการมีชีวิตให้พวกเขาได้เรียนรู้ การอยู่อย่างมีความหมาย การมีคนให้ปกป้อง คือความสำคัญอย่างหนึ่งของการมีชีวิต

ด้วยความที่ไม่ได้อ่านการ์ตูน ไม่ได้เป็นแฟนของมังงะเรื่องนี้ จึงไม่อาจจะเปรียบเทียบอะไรได้ แต่ก็มีข้อดีที่ไม่ต้องดูไปเปรียบเทียบไปซึ่งอาจลดทอนหรือเพิ่มความสนุกก็ได้

สิ่งที่เป็นจุดเด่นของซีรีส์ญี่ปุ่นจากการ์ตูนดังเรื่องนี้ คงเป็นเรื่องของซีนแอ็คชันที่จัดเต็มความมันความสนุกตื่นเต้น อย่างน้อยก็มีความสมจริงในแบบของมัน อีกจุดหนึ่ง ก็คืองานเทคนิคพิเศษด้านภาพที่โดดเด่นไม่เบา แถมสวยดีซะด้วย

ด้วยความที่มันถูกเล่าให้ยาวเพียง 5 ตอนด้วยมั้ง ที่ทำให้เรื่องราวมันค่อนข้างเข้มข้น มีอะไรให้เดินหน้าตลอด แต่ก็มีบางช่วงเช่นกันที่เรื่องเดินให้ช้าลงด้วยซีนดราม่า ก่อนจะกลับมาบู๊มันและยาวด้วยการประลองฝีมือในช่วงหลัง ที่สังเกตได้จากซีรีส์เรื่องนี้ ก็คือ การที่ตัวละครชอบทำอะไรงี่เง่าอย่างการเก็บไม้ตายเอาไว้ แล้วให้ตัวละครอีกตัวแซะเล่น

โดยรวมจึงถือเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่บันเทิงดีพอสมควรเลย ไม่เสียเวลาดู และสามารถดูจบได้โดยใช้เวลาเพียงวันเดียว

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์