รีวิวหนังแอนิเมชัน Fureru (ฟูเรรุ ให้หัวใจจำ…ในวันที่เราเป็นเพื่อนกัน)

วันนี้ นายแพทได้โอกาสไปดูหนังแอนิเมชันของฉายแสงกับเขาบ้างแล้ว เรื่องนี้ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ที่มีเรื่องแฟนตาซีเหนือจริง ใส่กลิ่นเทพที่มักพบได้ในคติความคิดแบบญี่ปุ่น เรื่องนั้นคือ ‘Fureru’ หรือชื่อไทย ‘ฟูเรรุ ให้หัวใจจำ…ในวันที่เราเป็นเพื่อนกัน’ นั่นเองครับ

คิดเห็นเช่นไรกับแอนิเมชั่นเกี่ยวกับมิตรภาพเรื่องนี้?

ภาพยนตร์แอนิเมชันจากญี่ปุ่นที่เล่าเรื่องมิตรภาพของเพื่อนทั้งสามผู้มาจากเกาะแห่งหนึ่ง ด้วยบุคลิกที่แตกต่างแต่ใช้ชีวิตในโตเกียวในบ้านเช่าหลังเดียวกัน แถมมีความลับอย่างเจ้าฟูเรรุ สิ่งมีชีวิตที่มีพลังวิเศษทำให้ทั้งสามได้ยินเสียงในใจของกันและกันได้เมื่อสัมผัสมือ แต่การเอาแต่พึ่งพามันก็เกิดปัญหาเมื่อจู่ๆ พลังนั้นก็หายไป บททดสอบความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนในอะนิเมะที่ใช้แฟนตาซีมาบอกเล่า เดินเรื่องได้น่ารักและชวนติดตาม งานภาพสวย กับเพลงประกอบดี

แถมยังปิดท้ายด้วยเพลงเพราะๆ จาก YOASOBI อีก สร้างความประทับใจตั้งแต่ต้นยันจบเลยเชียว

เรื่องย่อหนังแอนิเมชัน ‘Fureru’

มันเป็นเรื่องราวของสามเพื่อนซี้ อากิ (พากย์เสียงโดย Ren Nagase), เรียว (พากย์เสียงโดย Ryôta Bandô) และยูตะ (พากย์เสียงโดย Kentaro Maeda) พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กบนเกาะแห่งหนึ่ง ปัจจุบันทั้งสามคนอายุ 20 ปี และได้มาเริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกันในโตเกียว ย่านทาคาดาโนะบาบะ

แม้พวกเขาจะต่างนิสัยและความชอบ แต่สิ่งที่เชื่อมโยงพวกเขาไว้คือ ฟุเรรุ สิ่งมีชีวิตประหลาดที่พวกเขานำมาจากเกาะ ถูกเล่าขานกันมาว่าเป็นเทพที่มีพลังคล้ายโทรจิต (telepathy) เพียงแค่พวกเขาแตะต้องร่างกายของกันและกัน ก็จะสามารถได้ยินเสียงในใจของอีกฝ่าย มิตรภาพที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างยาวนาน พวกเขาไม่เคยห่างกันไปไหน และเก็บสิ่งนี้เอาไว้เป็นความลับระหว่างกัน

แต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างก็เกิดขึ้น ทำให้ อากิ, เรียว และยูตะ ไม่สามารถได้ยินเสียงในใจของกันและกันผ่านพลังของฟูเรรุได้อีก เมื่อพลังอีกด้านหนึ่งซึ่งถูกซ่อนเอาไว้ ค่อย ๆ ถูกเปิดเผย มิตรภาพของทั้งสามก็เริ่มสั่นคลอนครั้งใหญ่…

รีวิวหนัง ‘ฟูเรรุ ให้หัวใจจำ…ในวันที่เราเป็นเพื่อนกัน’

ถ้าจะพูดให้เจาะจงก็คงต้องบอกว่า มันเป็นภาพยนตร์อะนิเมะเพราะมันเป็นหนังสัญชาติญี่ปุ่น ทั้งยังเป็นแนวอบอุ่นที่ว่าด้วยมิตรภาพระหว่างเพื่อนผู้ชาย ที่ถูกบอกเล่าโดยฝีมือผู้กำกับ ทัตสึยูกิ นางาอิ (Tatsuyuki Nagai) พาเราไปเจอกับ อากิ, ริว และยูตะ ที่เคยเติบโตมาบนเกาะเดียวกัน เรียนมาด้วยกันในวัยเด็ก และเพราะการค้นพบสิ่งมีชีวิตประหลาดชนิดหนึ่งที่มีพลังทำให้ทั้งสามสามารถได้ยินเสียงความคิดของกันและกันได้เพียงสัมผัส นั่นก็ทำให้พวกเขากลายเป็นเพื่อนสนิท ที่รู้ใจและคบหากันจนเติบใหญ่และย้ายเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง

เรื่องราวมันย้อนไปยังวันวาน และผ่านมาถึงปัจจุบันอย่างรวบรัดแต่อิ่มเอม ความผูกพันที่เกิดขึ้นผ่านพลังลึกลับแต่กำลังเดินมาถึงบททดสอบ เมื่อพบว่าพลังที่เคยมีนั้น จู่ๆ ก็พลันหายไป มิตรภาพที่มีกำลังสั่นคลอนเพราะปัจจัยที่ไม่เอื้อเหมือนเคย หรือเพราะเหตุผลอื่นใดกันแน่

แอนิเมชั่นจากญี่ปุ่นเรื่องนี้ ก็เหมือนเช่นอีกหลายเรื่องที่ออกมาจากเกาะญี่ปุ่น ที่มักจะหยิบเอาสิ่งที่เป็นความเชื่อโบราณมาสร้างเป็นคาแรกเตอร์ เทพที่มีอยู่ในธรรมชาติและส่งผลต่อวิถีความคิดของมนุษย์ ในเรื่องนี้ก็คือ ฟูเรรุ สิ่งมีชีวิตตัวเหลืองที่มีขนเหมือนเม่น แต่มีพลังที่ทำให้เด็กชาย 3 คนมาเพื่อนสนิทกันได้ ซึ่งถ้าคิดไปอีกทีแล้ว ถ้าเกาะนั้นไม่มีมันอยู่ ถ้าเกิดไม่มีใครสักคนไปเจอ พวกเขาอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอย่างตอนนี้ก็เป็นได้

บททดสอบความสัมพันธ์มันเกิดขึ้นตอนเข้ามาอยู่เมืองหลวง เมื่อทั้งสามได้พบกับสองสาวที่เรื่องของพวกเธอเป็นเหตุให้พัวพันกับสามหนุ่มอย่างไม่อาจเลี่ยง และการที่พวกเขาต้องสัมผัสกันจึงจะสามารถได้ยินเสียงในใจของเพื่อนได้ ก็ทำให้เกิดโมเมนต์ประหลาด ครึ่งหนึ่งมันชวนขำดีนะ แต่ถ้าจะบอกว่ามีความวายอยู่หน่อยๆ ก็คงไม่ผิดนัก ก็คนเขียนบทเรื่องนี้เป็นผู้หญิงนี่นา

เมื่อเรื่องราวดำเนินไป เราก็เริ่มเข้าใจว่า ความสามารถในการได้ยินเสียงในใจของเพื่อนนั้นไม่ได้หายไป หากมีเหตุผลบางอย่างที่สามหนุ่มไม่เคยได้ล่วงรู้มาก่อน และเป็นพวกเขาทั้งสามนั้นแหละที่จะต้องช่วยกันหาทางออกให้กับปัญหานี้

และก็ทำให้ได้เห็นอีกว่า ความสัมพันธ์นั้นมันไม่ได้มีแต่เรื่องดีๆ เข้ามาเท่านั้น แต่ความสัมพันธ์มันยังเกิดขึ้นเมื่อมีปัญหา ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจ การทะเลาะ ความหมางเมินเหินห่าง และอีกหลายอย่าง ที่ถ้าทุกคนรักกันจริง จริงใจต่อกันจริงๆ ก็จะไม่ยอมให้มันต้องสิ้นสุด แต่จะหาทางไปต่อ เราไม่อาจละเลยสิ่งไม่ดี เพิกเฉยต่อมันแล้วหันมาแต่ด้านดีของอีกฝ่าย

และบางครั้ง การพึ่งพาตัวช่วยมากเกินไป อาจเป็นต้นเหตุของความล้มเหลวทางความสัมพันธ์ได้ และคนที่จะแก้ไขสิ่งเหล่านั้นก็คนในวงจรความสัมพันธ์นั้นนั่นเอง

หนังมีช่วงไคลแมกซ์ที่ใช้ความแฟนตาซีสูงซึ่งไม่ต่างจากอะนิเมะอีกหลายร้อยเรื่องที่พานพบมาก สุดท้ายเรื่องราวของพวกเขาจะลงเอยอย่างไร นั่นคงต้องให้ทุกคนได้เข้ามารับรู้เอาเอง แต่สิ่งที่แน่นอนที่สุด นอกจากหนังอะนิเมะเรื่องจะมีภาพสวย ดนตรีเจ๋ง และเรื่องราวที่น่าสนใจแล้ว

เพลงปิดท้ายก็ยังโดดเด่นด้วย ซึ่งคนทำเขาก็แปลมาให้เราอย่างลึกซึ้งกินใจดี เพลง ‘Monotone’ จากศิลปิน YOASOBI ที่บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์เอาไว้อย่างยอดเยี่ยม ฟังเพลินกันไปจนจอดับลงเลยล่ะครับ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง