หลายครั้งที่หนังที่ดัดแปลงสร้างจากหนังสือมักทำได้ไม่ค่อยสนุกเท่ากับการอ่านหนังสือ โดยเฉพาะงานจากฝั่งเอเชีย แต่กลับไม่ใช่กับหนังเรื่องนี้ ‘Edge of Tomorrow ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร’ พล็อตเรื่องที่ว่าด้วยเหตุการณ์ซ้ำๆ ของคนๆ หนึ่งที่อยู่ในสงครามกับมนุษย์ต่างดาว หนังแอ็คชั่น-ไซไฟที่ได้ Tom Cruise และ Emily Blunt รวมพลังกันสร้างสรรค์พล็อตกึ่งหนังกึ่งการ์ตูนเรื่องนี้ให้สนุกยิ่งขึ้น
เหล่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวที่มนุษย์บนโลกเรียกมันว่า มิมิค กำลังก่อสงครามเพื่อที่จะเอาชนะและยืดครองโลกแทนมนุษย์ แต่ดูเหมือนว่ามนุษย์ต่างดาวกำลังเพลี่ยงพล้ำและมนุษย์ที่มีอาวุธล้ำอย่างชุดคอมแบทที่มีอาวุธอยู่ครบครัน ลอนดอนกลายเป็นสมรภูมิรบที่เหล่ามนุษย์โลกหวังประกาศชัยชนะ
แต่ทว่า ทุกอย่างดูไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดคิด เมื่อฝูงอาวุธใหม่เจอโจมตีอย่างหนัก และพระเอกที่เป็นถึงนายทหารอย่าง เคจ ผู้จับพลัดจับผลูกลายเป็นทหารในหน่วยนี้อย่างไม่ทันจะตั้งตัว แถมเมื่อเจอต่างดาวบุกอย่างหนักจนเขาเสียชีวิต เขากลับพบว่า ตัวเองตื่นขึ้นมาในสภาพเดิมและเหตุการณ์ทุกอย่างมันเหมือนเดิมอย่างไม่ผิดเพี้ยน
ชีวิตของเขาวนเวียนอยู่เช่นนั้นไม่รู้จบสิ้น จนได้พบกับเธอ คนนั้น ริต้า ทหารสาวผู้มีชื่อเสียงในฐานะเทพแห่งสงคราม พฤติกรรมของเขาทำให้เธอได้รู้ว่า เธอเจอคนที่เหมือนเธอเข้าให้แล้ว คนที่ชีวิตวนเวียนอยู่กับสงครามครั้งนี้อย่างไม่รู้จบสิ้น
พวกเขาต้องร่วมกันหาจุดลงเอยของบางสิ่งบางอย่างที่ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกว่า ..มันคืออะไร
ความน่าสงสัยก็อาจจะมีอยู่บ้าง เมื่อ เคจ (Tom Cruise) นายทหารด้านสื่อสารแต่กลับถูกจับไปร่วมรบอย่างหน้าตาเฉย แต่ดูเคมีของพระเอกกับนางเอกอย่าง Emily Blunt จะค่อนข้างโอเคไม่น้อย ประกอบกับท่าทางหน้าตา Blunt เองก็ให้กับบททหารสาวแกร่งอยู่ไม่น้อยเลย ขณะที่ Cruise ในเรื่องนี้ก็ไม่ดูเป็นพระเอ๊กพระเอกมากเกินไป มีลีลาพาให้ขำๆ ได้พอสมควร
รีวิวหนัง ‘Edge of Tomorrow’
หนังดูสนุกกับการดำเนินเรื่องแบบชีวิตที่ซ้ำและวนเวียนของพระเอกเป็นอันมาก ใช้จังหวะเดินเร็วเดินช้าสลับไปตามความเหมาะสม ทำให้คนดูได้เห็นว่า ชีวิตที่ “ความตาย” คือ การเกิดใหม่” มันแตกต่างจากชีวิตธรรมดาอย่างๆ เรายังไง และฆาตกรรมกลายเป็นเรื่องสนุกไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ บางทีอาจดูเหมือนการไม่ยอมตายเสียทีอาจเป็นความทุกข์ความน่าเบื่อ แต่ไปๆ มาๆ มันก็อาจจะเป็นโอกาสที่พิเศษ น้อยคนจะได้มีชีวิตแบบนี้ และการมีชีวิตต่อมันอาจมีความหมายบางอย่างที่รอเราอยู่ก็เป็นได้
ถ้าใครสังเกตหน่อย ก็อาจจะเห็นจุดที่บกพร่องของรายละเอียดบางอย่างในการถ่ายทำ/ตัดต่อบ้าง แต่ถ้ามองผ่านไปก็ไม่ได้เป็นอะไรนักหนาหรอกครับ
พล็อตที่เล่นกับเวลาแบบนี้ มักจะมีช่องโหว่ให้เรื่องราวได้ง่าย แต่เรื่องนี้ถือว่าดำเนินเรื่องได้ไม่มีสะดุด ไม่มีความน่าเบื่อ เล่าเรื่องได้เข้าใจง่าย พร้อมกับงานภาพที่ใช้งานความเป็น 3 มิติได้ค่อนข้างดี แถมยังเต็มไปด้วยมุกตลกที่แทรกซึมเข้ามาโดยตลอด
กลายเป็นหนังที่ดูสนุกไปอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
ชื่อภาพยนตร์: Edge of Tomorrow / ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร
ผู้กำกับภาพยนตร์: Doug Liman
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Christopher McQuarrie (screenplay), Jez Butterworth (screenplay),
นักแสดงนำ: Tom Cruise, Emily Blunt, Bill Paxton, Brendan Gleeson
แนว/ประเภท: Action, Sci-Fi
ความยาว: 113 นาที
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 5 มิถุนายน 2557
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ:
ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร
Edge of Tomorrow - 9
9
Edge of Tomorrow
พล็อตที่เล่นกับเวลาแบบนี้ มักจะมีช่องโหว่ให้เรื่องราวได้ง่าย แต่เรื่องนี้ถือว่าดำเนินเรื่องได้ไม่มีสะดุด ไม่มีความน่าเบื่อ เล่าเรื่องได้เข้าใจง่าย พร้อมกับงานภาพที่ใช้งานความเป็น 3 มิติได้ค่อนข้างดี แถมยังเต็มไปด้วยมุกตลกที่แทรกซึมเข้ามาโดยตลอด กลายเป็นหนังที่ดูสนุกไปอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว