ผ่านเข้ามาสู่สัปดาห์ใหม่ มีหนังเรื่องใหม่ๆ มาให้ดู อาจจะไม่ใช่หนังที่ใหม่อะไรเลยสำหรับบางคน มันคือหนังที่เขารอคอยการได้รับชมในโรงไทยมานานมาก หนังเรื่องนั้นคือ ‘Love Simon’ หรือในชื่อไทย ‘อีเมลลับฉบับไซมอน’ หนังวัยรุ่นที่สร้างจากหนังสือ แถมได้รับกระแสค่อนข้างดี จนในที่สุด ค่ายหนังก็ได้เวลาเอาเข้าฉายในโรงซะที
เรื่องราวไซมอน เด็กวัยรุ่นที่ก็ดูดีมีชีวิตไม่ต่างกับหนุ่มสาวทั่วไป แต่ในชีวิตที่ปกติของเขานั้น มีความลับบางอย่างซ่อนและแฝงตัวอยู่ มันอาจรอวันเปิดเผย หรืออาจจะถูกปิดเงียบไปตลอดกาลก็ได้ แต่ที่แน่ๆ มันเกี่ยวพันกับอีเมลจำนวนหนึ่งของเขา
และนั่นเป็นที่มาของชื่อไทยของหนัง
เรื่องย่อหนัง ‘Love Simon’
ทุกคนควรจะมีเรื่องราวความรักอันงดงามของตัวเอง แต่สำหรับไซมอน สเปียร์ (Nick Robinson) วัยสิบเจ็ดปีนั้นซับซ้อนกว่าคนอื่นนิดหน่อย
เขามีกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันอยู่ 3 คน ลีอาห์ (Katherine Langford) สาวสวยที่รู้จักและสนิทกันมาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ แอบบี้ (Alexandra Shipp) สาวผิวสีที่ยังเพิ่งรู้สึกกันไม่นานนัก และอีกคน นิค (Jorge Lendeborg Jr.) แต่แม้จะสนิทกันขนาดนั้น ไซมอนก็ยังมีความลับที่เขาไม่ได้บอกเพื่อนๆ
เขาไม่เคยบอกใครว่าเขาเป็นเกย์ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว หรือเพื่อนๆ และเขาไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเพื่อนร่วมห้องนิรนามที่เขาตกหลุมรักในโลกออนไลน์นั้นคือใครกันแน่ การแก้ปัญหาทั้งสองข้อนั้น ก่อให้เกิดเรื่องราวอันแสนสนุกสนาน น่าหวาดหวั่น และเปลี่ยนชีวิตในเวลาเดียวกัน
‘Love, Simon’ เป็นเรื่องราวที่จะทำให้คุณได้พบกับความสนุกสนาน และรู้สึกถึงการเติบโตอย่างแท้จริง เรื่องราวชวนระทึกของการค้นหาตัวตนที่แท้จริง และการตกหลุมรัก
รีวิวหนัง ‘อีเมลลับฉบับไซมอน‘
ฟังจากชื่อเรื่องและคำโปรย เหมือนหนังจะเน้นเล่าเรื่องความรักของวัยรุ่นที่เป็นเกย์ แต่พอได้ลองดูกันจริงๆ แล้ว หนังก็มีหลากแง่มุมซึ่งหลักๆ ก็คือบุคคลที่อยู่รายรอบไซมอนนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน ที่มีทั้งพ่อ แม่และน้องสาว กลุ่มคนที่ไซมอนจะสนิทและรักที่สุด มีผลต่อความรู้สึกนึกคิดของไซมอนมากที่สุด รองลงมาก็จะเป็นกลุ่มเพื่อนสนิททั้งสามที่ไซมอนใช้เวลาอยู่กับพวกเขานานที่สุด ที่เหลือก็เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียน
และท้ายที่สุด ก็คืออาจารย์ในโรงเรียนนี่แหละ
ช่วงครึ่งแรกของเรื่อง ‘อีเมลลับฉบับไซมอน’ มุ่งเน้นมุกฮาพาหัวเราะคิกคักระหว่างกลุ่มเพื่อนฝูง สลับด้วยชีวิตในบ้าน ที่มีแม่หัวสมัยใหม่ กับคุณพ่อนักกีฬาที่มีชื่อเสียงผู้ชอบเล่นหยอกเอินลูกแบบแมนๆ เพราะคิดว่าลูกเป็นแมนๆ กับน้องสาวที่ชอบทำอาหาร แม้จะยังฝึมือไม่เอาอ่าวแต่เขาก็ฝืนยิ้มให้กำลังใจเสมอมา
ในระหว่างนั้น ก็คือ การส่งเมลกลับไปกลับมาระหว่างไซมอนที่ใช้นามแฝงกับหนุ่มอีกคนที่บอกชัดว่าตัวเองเป็นเกย์ แต่ไม่พร้อมจะเปิดเผยตัว ในระหว่างทางนั้นแหละที่ความสัมพันธ์ของชายหนุ่มสองคนที่เป็นเกย์แต่ไม่อาจจะเป็นตัวของตัวเองในสังคมได้กำลังพัฒนารุดหน้าไปผ่านอีเมลที่พวกเขาติดต่อกัน
เสน่ห์ของตัวละครพระเอกที่แสดงโดย Nick Robinson ที่ถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ เขาทำให้คนดูรู้สึกรักและเอาใจช่วย ขณะที่กลุ่มเพื่อนๆ ก็ดูดีมีสีสัน มิตรภาพและความขัดแย้งกันในกลุ่มเพื่อนถูกเขียนบทขึ้นมาอย่างน่าเชื่อถือ ชวนให้อินในช่วงท้าย
พอจะเรียกน้ำตาคนดูให้คลอๆ ได้พอควร
อย่างไรก็ตาม บทหนังยังคงมีความฟีลกู้ด มีความเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไซมอนดูจะมีอุปสรรคในชีวิตแค่บางส่วนเท่านั้น คล้ายบทจะตัดบริบทบางส่วนที่น่าจะเป็นปัญหาในอีกหลายชั้นไป จนอาจทำให้ดูเหมือนปัญหาของไซมอนนั้นคลี่คลายได้ง่ายไปนิด
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เข้าใจดีว่า การไม่หยิบอะไรที่จริงจังเหล่านั้นมาใส่มากเกิน เลือกจะเก็บปัญหาไว้เพียงบางส่วน ก็ทำให้หนังดูมีความสนุก ฟีลกู้ด น่ารักและชวนอิ่มใจ
อีกสิ่งที่เป็นสีสันนอกเหนือจากนักแสดงและเรื่องราวสุดฟีลกู้ด ก็คือเพลงประกอบสุดเพราะนี่แหละ แม้ว่าเรื่องจะเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ นี่ดูเหมือนเพลงประกอบจะย้อนวัยไปไกลหลายเพลงอยู่ น่าสนใจว่าเมื่อต่อๆ กันทั้งเซ็ตแล้วจะฟินหูกันขนาดไหน
ต้องถือว่า หลายๆ องค์ประกอบทำงานร่วมกันได้ดี ทำให้ ‘อีเมลลับฉบับไซมอน’ กลายเป็นหนังวัยรุ่นที่น่าประทับใจ ทำให้เราได้เห็น เข้าใจ และยอมรับในตัวตนของคนที่เป็นเกย์
ชื่อภาพยนตร์: Love, Simon / อีเมลลับฉบับไซมอน
ผู้กำกับภาพยนตร์: Greg Berlanti (เกร็ก เบอลานติ)
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Elizabeth Berger, Isaac Aptaker
นักแสดงนำ: Nick Robinson, Jennifer Garner, Josh Duhamel, Katherine Langford, Alexandra Shipp, Logan Miller, Keiynan Lonsdale
ความยาว: 110 นาที
ปี: 2018
แนว/ประเภท: Comedy, Drama, Romance
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 24 พฤษภาคม 2561
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Fox 2000 Pictures, New Leaf Literary & Media, Temple Hill Entertainment
อีเมลลับฉบับไซมอน
Love, Simon - 9
9
Love, Simon
ต้องถือว่า หลายๆ องค์ประกอบทำงานร่วมกันได้ดี ทำให้ Love, Simon กลายเป็นหนังวัยรุ่นที่น่าประทับใจ ทำให้เราได้เห็น เข้าใจ และยอมรับในตัวตนของคนที่เป็นเกย์ ไม่ว่าจะเสน่ห์ของนักแสดง เรื่องราวที่แสนฟีลกู้ด ชวนทำให้เราเข้าใจและเห็นใจกลุ่มคนที่เป็นเกย์ แถมหนังยังมีเพลงประกอบที่เพราะทั้งเซ็ตอีกด้วย