ถ้าในวันเก่า เราเกิดมาด้วยความสมบูรณ์พร้อม อาการครบ 32 ทุกอย่าง แต่ในอีกวัน เรากลับต้องสูญเสียความสามารถบางอย่างไป มันคงเป็นความลำบากในการใช้ชีวิตไม่น้อย และต้องใช้เวลากว่าจะคุ้นชิน แต่ถ้าเราที่ไม่สมบูรณ์อยู่แล้ว เกิดไปรักคนที่เขาไม่สมบูรณ์เช่นกันแต่เขาขาดคนละอย่างกับเรา สองคนจะสื่อสารต่อกันยังไง มันคงเป็นเรื่องน่าสนใจ และมันได้ถูกบอกเล่าไว้ในหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ ‘Silent Love’ หรือชื่อไทย ‘สื่อภาษาใจไปถึงเธอ’ ครับ
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
หนังญี่ปุ่นที่บอกเล่าเรื่องราวของรักต่างชนชั้น ที่คราวนี้มีกำแพงเรื่องความบกพร่องทางร่างกายเข้ามาเพิ่มเติม ชายหนุ่มพูดไม่ได้ ส่วนหญิงสาวก็สูญเสียการมองเห็น พวกเขาจะสื่อสารและรักกันยังไง เรื่องเริ่มต้นมาได้น่ารักดี ก่อนที่มันจะดำเนินไปอย่างคาดเดาได้ ซึ่งหนังก็เล่าไปได้อย่างมีชั้นเชิงพอสมควร ทำให้เราได้ล่วงรู้ความจริงบางอย่างของตัวละคร จนมองเห็น เข้าใจ และเห็นใจต่อชีวิตที่ยากลำบากนอกเหนือจากความพิการ
จะมีที่น่าเสียดายอยู่บ้างก็ตรงฉากจบที่ค่อนข้างรวบรัดไปนิด เพราะคิดว่าถ้าจะจบขนาดนี้น่าจะมีฉากที่ช่วยขยายเพิ่มเติมอีกสักหน่อย
เรื่องย่อหนัง ‘Silent Love’
อาโออิ (Ryosuke Yamada จากหนังเรื่อง ‘Fullmetal Alchemist’ และ ‘Assassination Classroom’) คือชายหนุ่มที่ไร้ซึ่งความฝันใดๆ ในชีวิต เพราะอุบัติเหตุในอดีตทำให้เขาสูญสิ้นความสามารถในการพูด แต่วันหนึ่ง เขาก็ได้พบกับ มิกะ (Minami Hamabe จากหนังเรื่อง ‘Let Me Eat Your Pancreas’ และ ‘Godzilla Minus One’) หญิงสาวนักเรียนดนตรีที่ใฝ่ฝันในการเป็นนักเปียโน แต่ด้วยเพราะอุบัติเหตุทำให้เธอสูญเสียการมองเห็น
อาโออิเฝ้าติดตามและพยายามช่วยเหลือไม่ให้เธอต้องเป็นอันตราย สิ่งที่เขาพอจะสื่อสารกับเธอได้ มีเพียงการใช้นิ้วสัมผัสเบาๆ ไปบนมือของเธอ ไม่ก็เป็นเสียงสั่นกระดิ่งเท่านั้น สิ่งธรรมดาหากจริงใจของเขาแปรเปลี่ยนจิตใจเธอ ในวันที่อาโออิมองเห็นความหวังในการใช้ชีวิตท่ามกลางความสิ้นหวังที่เธอได้พบเจอ ก็กลับมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับพวกเขา
รีวิวหนัง ‘สื่อภาษาใจไปถึงเธอ’
เป็นอีกครั้งที่เราได้รู้จักกับความรักที่เกิดท่ามกลางความไม่สมบูรณ์จากหนังญี่ปุ่น คราวนี้ เป็นเรื่องราวของมิกา หญิงสาวที่สูญเสียการมองเห็นไปเพราะอุบัติเหตุ แต่เธอก็อยู่ในระหว่างการรักษาและรอวันที่สายตาจะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม สิ่งที่เธอต้องเจ็บปวดและผ่านมันไปให้ก็คือ เธอรักการเล่นเปียโน เธอกำลังเป็นนักเรียนในวิทยาลัยดนตรีในโยโกฮามา ความฝันของเธอต้องหยุดชะงักลงเพราะตาที่มองไม่เห็นกับมือที่ใช้งานได้ไม่ดีเท่าเดิม
แต่โลกของเธอก็ถูกชักพาให้มาบรรจบกับผู้ชายอีกคนที่โลกของเขาแตกต่างไปจากเธออย่างมากมาย เขาคือชายหนุ่มที่ใช้ชีวิตอยู่กับบาดแผลบนลำคอที่ส่งผลให้เขาไม่อาจพูดได้ ตอนนี้ เขาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นพนักงานดูแลความสะอาดของสถานศึกษาที่มิกะเรียนอยู่ อีกสิ่งที่อาโออิต่างจากมิกะตรงคือเขามีชีวิตอยู่โดยไร้ซึ่งความฝันใดๆ
วันที่เธอทดท้อจนคิดฆ่าตัวตาย เขาคือมือที่เอื้อมมาคว้าและรั้งเธอไว้
อาจเป็นความแปลกและดูยากลำบากสักนิดนึง ที่คนหนึ่งมองไม่เห็น กับอีกคนที่พูดไม่ได้ สองคนนี้จะสื่อสารกันยังไง หนังเลือกใช้กระดิ่งที่มิกะปาทิ้งและมาอยู่ในมือของอาโออิเป็นสิ่งที่ใช้ในการสื่อสาร ซึ่งอาจสร้างให้เกิดภาพที่ชวนรู้สึกแปลกๆ เมื่อมีใครสักคนเดินนำพร้อมสั่นกระดิ่งเป็นระยะ แล้วมีอีกคนที่เดินตาม แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ดูโรแมนติกไม่น้อย เมื่อมองเห็นว่าชายหนุ่มคนที่มองเห็นหญิงสาวแต่เขาพูดไม่ได้ กำลังพยายามแค่ไหนที่จะช่วยเหลือแม้เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
วันที่เธอแอบเข้ามาฝึกซ้อมเปียโนในตึกเก่า เป็นวันที่คนสองคนที่ไม่สมบูรณ์ได้เข้ามาเจอกัน
แน่นอนว่า ครั้งนี้ฝ่ายชายมีใจให้เธอก่อน ทุ่มเทหนักมือจนกลุ่มเพื่อนยังแอบเป็นห่วง เขาพยายามหางานกะกลางคืนเพื่อหาเงินมาจ้างคิตะมุระ (Shuhei Nomura จากหนังเรื่อง ‘Chihayafuru’ ทั้งสามภาค) หนุ่มนักเปียโนอีกคนมาเล่นเป็นตัวเอง เพราะดันไปหลอกเธอว่าเขาคือนักเรียนเปียโนสถาบันเดียวกัน ด้านหนึ่งเป็นความน่ารัก แต่อีกด้านก็ทำให้คิดว่า “จะทำไปทำไมวะ” ก็บอกไปเลยว่าตนเป็นใคร แต่เมื่อมาคิดอีกที เขาคงรู้ว่าตัวเองด้อยค่าเพราะเรียนไม่จบด้วยเหตุผลบางประการ เลยต้องมาทำงานในลักษณะ “ภารโรง” ตัวก็สกปรก มือหยาบกร้าน รายได้ก็น้อย แตกต่างกับเธอเหลือเกินที่บ้านรวย ครอบครัวมีฐานะ แถมยังเรียนด้านเปียโน (ซึ่งคนจนๆ ที่ไหนเขาจะเรียนกัน) ไม่มีอะไรที่เข้ากันได้สักอย่าง นั่นทำให้เขายอมโกหกเธอไปเช่นนั้น
เรื่องราวของรักต่างชนชั้นครั้งนี้ มีกำแพงเรื่องความบกพร่องทางร่างกายเข้ามาเพิ่มเติม มันดำเนินไปอย่างที่เราคาดเดาได้ เพียงแค่อยากรู้ว่าเขาจะเล่าอะไรก่อนที่มันจะไปถึงตรงนั้น ซึ่งหนังก็เล่าไปได้อย่างมีชั้นเชิงพอสมควร ทำให้เราได้ล่วงรู้ความจริงบางอย่างของตัวละคร มองเห็น เข้าใจ และเห็นใจต่อชีวิตที่ยากลำบากนอกเหนือจากความพิการ
จะมีที่น่าเสียดายอยู่บ้างก็ตรงฉากจบที่ค่อนข้างรวบรัดไปนิด เพราะคิดว่าถ้าจะจบขนาดนี้น่าจะมีฉากที่ช่วยขยายเพิ่มเติมอีกสักหน่อย
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Silent Love / สื่อภาษาใจไปถึงเธอ / サイレントラブ |
กำกับ | Eiji Uchida |
เขียนบท | Eiji Uchida/เอจิ อุจิดะ |
แสดงนำ | Minami Hamabe, Ryosuke Yamada, Shuhei Nomura |
โปรดิวเซอร์ | Tsuyoshi Matsushita, Kazuhiro Yokoyama, Hiromasa Tamai, Tomoharu Kusunoki |
ถ่ายภาพ | Shinya Kimura |
ดนตรีประกอบ | Joe Hisaishi |
แนว/ประเภท | โรแมนติก |
เรท | |
ความยาว | |
ปี | 2024 |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
เข้าฉายในไทย | 8 กุมภาพันธ์ 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | GAGA, DEX |
คะแนนรีวิวหนัง สื่อภาษาใจไปถึงเธอ
พล็อคและบท - 6.8
การดำเนินเรื่อง - 6.8
การแสดง - 7.5
งานถ่ายภาพและโปรดักชั่น - 7.2
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.2
7.1
Silent Love
หนังญี่ปุ่นที่บอกเล่าเรื่องราวของรักต่างชนชั้น ที่คราวนี้มีกำแพงเรื่องความบกพร่องทางร่างกายเข้ามาเพิ่มเติม ชายหนุ่มพูดไม่ได้ ส่วนหญิงสาวก็สูญเสียการมองเห็น พวกเขาจะสื่อสารและรักกันยังไง เรื่องเริ่มต้นมาได้น่ารักดี ก่อนที่มันจะดำเนินไปอย่างคาดเดาได้ ซึ่งหนังก็เล่าไปได้อย่างมีชั้นเชิงพอสมควร ทำให้เราได้ล่วงรู้ความจริงบางอย่างของตัวละคร จนมองเห็น เข้าใจ และเห็นใจต่อชีวิตที่ยากลำบากนอกเหนือจากความพิการ จะมีที่น่าเสียดายอยู่บ้างก็ตรงฉากจบที่ค่อนข้างรวบรัดไปนิด เพราะคิดว่าถ้าจะจบขนาดนี้น่าจะมีฉากที่ช่วยขยายเพิ่มเติมอีกสักหน่อย