รีวิวหนัง The Boogeyman | ตำนานสยองสุดระทึกที่ไม่ใหม่ แต่เอาอยู่
ปลุกชีพตำนานหลอนครั้งใหม่จากปลายปากกาของ สตีเวน คิง เล่าได้น่ากลัว สะดุ้ง เล่นกับแสงและความมืดได้อยู่หมัด
สำหรับหนังผีอย่าง ‘เดอะ บูกี้แมน’ นั้น บางคนก็อาจจะเคยได้ดูเวอร์ชันปี 1982 มาก่อน ก็อาจเป็นโอกาสให้นั่งเปรียบเทียบ แต่บางคนก็อาจจะเพิ่งได้ทำความรู้จักกับหนังแนวสยองขวัญทริลเลอร์สุดสะพรึงเรื่องนี้ ‘The Boogeyman’ ไม่ว่าจะยังไง ทั้งหมดก็ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากปลายปากกาของชายที่ชื่อ สตีเวน คิง ด้วยกันทั้งนั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เขียนบทโดย Scott Beck กับ Bryan Woods คนที่เขียนบทหนัง ‘A Quiet Place‘ และ Mark Heyman คนที่เคยเขียนบทหนัง ‘Black Swan’ ส่วนผู้กำกับนั้น เป็น Rob Savage คนที่สร้างชื่อขึ้นมาจากการกำกับหนังสั้น ล่าสุด กำกับหนังสยองขวัญที่ฉายทาง Shudder เรื่อง ‘Host’
และครั้งนี้จะเป็นการนำตำนานสยองกลับมาเล่าขานอีกครั้ง
เรื่องย่อหนัง ‘The Boogeyman’
จากเรื่องสั้นที่เล่าผ่านจินตนาการสุดล้ำของ สตีเวน คิง เรื่องราวของครอบครัวๆ หนึ่ง ที่เพิ่งผ่านการสูญเสียไปหยกๆ ตอนนี้ พวกเขาเหลือกัน 3 คน หนึ่งคือ วิล ฮาร์เปอร์ (Chris Messina จากหนังเรื่อง ‘I Care a Lot’ และ ‘Argo’) นักบำบัดผู้เป็นพ่อ เซดี้ (Sophie Thatcher จากซีรีส์เรื่อง ‘The Book of Boba Fett’ และ ‘Yellowjackets’) ลูกสาวคนโต ที่ยังคงพกความเศร้าไปถึงโรงเรียน และซอว์เยอร์ (Vivien Lyra Blair ผู้แสดงเป็นเจ้าหญิงเลอาวัยเด็กในซีรีส์ ‘Obi-Wan Kenobi’) ลูกสาวคนเล็กที่ยังคงกลัวสัตว์ประหลาดจะออกมาจากตู้เสื้อผ้า
แล้วจู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งที่เดินเข้ามารับการบำบัดโดยไม่ได้นัดหมายเอาไว้ก่อน เขาคือชายที่ชื่อ เลสเตอร์ บิลลิงส์ (David Dastmalchian จากหนังเรื่อง ‘The Suicide Squad’ และ ‘Dune’) ที่เล่าเรื่องราวการตายของลูกทั้งสามของตนเอง แล้วจากนั้น เหตุการณ์ประหลาดและน่าสะพรึงกลัวก็เริ่มเกิดขึ้น และเกิดขึ้น บางสิ่งที่ติดตามพวกเขาอยู่ตลอดอย่างไม่เข้าใจที่มา หรือว่ามันจะเป็นไปอย่างที่ชายคนนั้นบอก มันคือสิ่งที่จะมาลักพาตัวลูกคุณไปตอนคุณละสายตา
รีวิวหนัง ‘เดอะ บูกี้แมน’
ลูกสาวทั้งสองเพิ่งจะสูญเสียแม่ไปจากอุบัติเหตุ และยังทำใจไม่ได้กับเรื่องนี้ ไม่ต่างกับวิล เขาเองก็สูญเสียภรรยาไป แต่ในฐานะพ่อและนักบำบัด เขาต้องข่มความเศร้าของตัวเองไว้ เซดี้อาจโตพอดูแลตัวเองได้แล้ว แต่ซอว์เยอร์ยังเล็กนัก เด็กที่ยังหวาดกลัวสัตว์ประหลาดในตู้และใต้เตียง จะนอนก็ยังต้องกอดลูกบอลรูปดวงจันทร์ไว้ เขายังต้องประคับประคองจิตใจของเธออยู่
หนังเล่าถึงสิ่งน่าหวาดหวั่นที่เลสเตอร์บอกกับวิล ว่ามันกำลังจะเกิดกับครอบครัวเล็กๆ ของเขา ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้น หนังเริ่มเล่าถึงสิ่งที่ 3 สมาชิกในบ้านหลังนี้ต้องเผชิญ
วิธีการของหนัง คือ การเล่นกับที่มืด เสียงและดนตรีประกอบ โดยใช้จังหวะที่แม่นยำในการสร้างสถานการณ์ขนหัวลุกให้เกิดกับผู้ชม สำหรับคนที่กลัวผี หลายจังหวะคือ jump scare ที่ทำเอาสะดุ้งโหยงเลยล่ะ มันคือหนังที่เหมาะกับการเดินเข้าไปในโรงมืดๆ แล้วเกาะกุมมือกันไว้ระหว่างสัมผัสประสบการณ์สยอง ด้วยเทคนิคด้านภาพที่พาผู้ชมไปพบกับสิ่งที่ตัวละครต้องเจอ แต่พยายามทำให้เหมือนกับเราผู้ชมกำลังเผชิญด้วยตนเอง
credit: 20th Century Studios Thailand
หนังค่อนข้างเดินเรื่องอย่างกระชับ ไม่ปล่อยให้อะไรมันช้าเกินไป ขณะเดียวกัน ก็พาเราไปสำรวจจิตใจตัวละคร สิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาพร้อมจะเชื่อในกันและกันมั้ย บางสิ่งบีบคั้นที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาพร้อมจะกล้าเผชิญกับมันหรือไม่
ตัวหนังเอง เหมือนอยากจะบอกเล่าเป็นนัยๆ ว่า การสูญเสียนั้นก่อเกิดความอ่อนแอ และความอ่อนแอชักพาให้ปีศาจคืบคลานเข้ามา นอกจากนี้ ความกลัวนั้นมีอยู่ในทุกคน ความกลัวที่มืดก็เป็นหนึ่งในนั้น เรากลัว แต่เราเปลี่ยนเป็นความกล้าได้หรือไม่ล่ะ ก็หวังว่าดูหนังเรื่องนี้ แล้ว จะไม่หวาดระแวงทุกประตูที่เปิดแง้มไว้ หรือทุกความมืดที่จริงๆ แล้วอาจไม่มีอะไรเลยก็ได้นะ
[ไหนๆ ก็ไหนๆ ละ พูดถึง Sophie Thatcher นางเอกคนนี้ดูสักหน่อย นายแพทว่า หน้าเขาเข้ากับทรงผมนี้ดี เมื่ออยู่ในจอหนัง มันออกมาดูมีเสน่ห์มากๆ ขณะที่คาแรคเตอร์ของเขาในเรื่องก็ดูเป็นสาวที่อ่อนไหวแหละ แต่พอถึงเวลาต้องลุยก็เต็มที่เช่นกัน]Tagline: Don’t Let it Out
Tagline: อย่าเผลอมองไปใต้เตียง
อย่างไรก็ดี หนังอาจต้องพึ่งพาโรงและจอหนังที่แสดงรายละเอียดของความมืดได้ดีพอสมควร (หรืออาจเป็นที่สายตาของนายแพทก็เป็นได้) เพราะมันต้องใช้ความเพ่งกันนิดนึง เพื่อจะได้มองเห็นว่า ภายใต้ความมืดนั้น มันมีอะไรซ่อนอยู่ ที่จะทำให้ประสบการณ์หลอนและสะพรึงกลัวมันพุ่งขึ้นไปถึงขีดสุด ก่อนจะได้พบว่า หนังในช่วงองก์สุดท้าย ที่เหมือนได้ปลดปล่อยความอัดอั้นที่มีมาตลอด 1 ชั่วโมงก่อนหน้าออกมาจนหมดสิ้น
โดยรวมแล้ว มันไม่มีอะไรใหม่หรอก แต่เป็นประสบการณ์หลอนระแวงกับความมืดที่ยาวเฉียด 100 นาทีในโรงหนังนั่นเอง
รวมผลงานที่มีต้นกำเนิดจากจินตนาการของ สตีเวน คิง
- รีวิวซีรีส์ Castle Rock | เมืองสยองที่รวมตัวละครของสตีเฟน คิง
- รีวิวหนัง Pet Sematary กลับจากป่าช้า | ปลุกมันขึ้นมาสะพรึง
- รีวิวหนัง Carrie สาวสยอง | รีเมกสยองขวัญสาวแคร์รี่
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
| ชื่อภาพยนตร์ | The Boogeyman / เดอะ บูกี้แมน |
| กำกับ | Rob Savage |
| เขียนบท | Scott Beck, Bryan Woods, Mark Heyman |
| แสดงนำ | Sophie Thatcher, Chris Messina, David Dastmalchian, Vivien Lyra Blair |
| แนว/ประเภท | ระทึกขวัญ, สยองขวัญ, ลึกลับ |
| เรท | PG/13 |
| ความยาว | 98 นาที |
| ปี | 2023 |
| สัญชาติ | |
| เข้าฉายในไทย | 1 มิถุนายน 2023 |
| ผลิต/จัดจำหน่าย | 20th Century Studios, 21 Laps |
คะแนนหนัง เดอะ บูกี้แมน
พล็อตและบท - 6.3
การแสดง - 7.2
การดำเนินเรื่อง - 7
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 7
7
The Boogeyman
เป็นการหยิบเอาตำนานความสยองที่กลั่นกรองมาจากจินตนาการของ สตีเวน คิง กลายเป็นเรื่องสั้น ที่ถูกหยิบมาสร้างอยู่หลายครั้ง เรื่องราวของปีศาจบูกี้แมนที่คืบคลานออกมาจากความมืด ในวันที่ครอบครัวหนึ่งกำลังจ่อมจมอยู่กับความเศร้าจากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัว หนังเล่นกับความมืด และช็อต jump scare ที่ชวนสะดุ้ง ชอบองก์สามมาก สะใจดี
