ดูเหมือนมหากาพย์สตาร์วอร์สจะยังคงถูกเล่าขานอย่างไม่มีวันหยุดหย่อน จักรวาลนี้มันมีขนาดอันกว้างใหญ่และยืดยาวมากจนมีซอกหลืบเล็กน้อยเยอะไปหมดที่ยังสามารถหยิบมาบอกเล่ากันได้เรื่อยๆ เช่นครั้งนี้ เรื่องราวที่น่าจะถูกเล่าในหนังใหญ่ แต่วันหนึ่งมันกลับกลายมาเป็นซีรีส์จำนวน 6 ตอนที่ออกฉายออนไลน์ในแบบสตรีมมิ่ง เรื่องของสุดยอดเจไดที่ลื่อเลื่องที่สุดในประวัติศาสตร์ ‘Obi-Wan Kenobi’ คือชื่อของเขาผู้นั้น
ใครๆ ต่างก็รู้ว่า เขาคือเจไดผู้เป็นศิษย์ของไควกอนจินผู้ล่วงลับและฝากฝังเขาให้ดูแลและสอนสั่งศิษย์ผู้ถูกสภาเจไดพบว่าอนาคตของเขาไม่แน่นอน ศิษย์ผู้นั้นคือ อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ที่ต่อมาเข้าสู่ด้านมืดกลายเป็น ลอร์ดดาร์ธเวเดอร์ และเมื่อวันถึงนี้ ที่โอบีวันมีซีรีส์ภาคแยกของตนเอง มันจะเล่าเรื่องไหนไปไม่ได้ นอกจากชีวิตของเจไดที่วนๆ เวียนๆ อยู่กับตระกูลสกายวอล์คเกอร์นี่แล
ซีรีส์เริ่มฉาย 2 ตอนแรกไปแล้ว ตั้งแต่ 27 พฤษภาคม 2022 ที่ผ่านมา
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Obi-Wan Kenobi’
ในช่วงที่จักรวาลถูกปกครองโดยจักรวรรดิ และในวันที่เหล่าเจไดถูกกวาดล้างจนเหลือน้อยทุกที และยามนี้ เจไดทุกคนต่างพยายามหลบซ่อนตัว ใช้ชีวิตเงียบๆ อยู่ในดวงดาวที่ห่างไกลจากการตามล่าของหน่วยที่เรียกตัวเองว่า อินควิซิเตอร์ ที่นำโดยแกรนด์อินควิซิเตอร์ (Rupert Friend จากหนัง ‘A Simple Favor’ และ ‘The French Dispatch’), Fifth Brother (Sung Kang จากหนัง ‘Furious 6’ และ ‘Raya and the Last Dragon’) และเรว่า หรือภคินีที่สาม (Moses Ingram จากหนัง ‘Ambulance’ และ ‘The Tragedy of Macbeth’)
โอบีวัน เคโนบี (Ewan McGregor จากหนัง ‘Star Wars: Episode I’ และ ‘T2 Trainspotting’) คือเจไดผู้ไม่ธรรมดา เขาคือศิษย์ของไควกอนจินผู้ล่วงลับ และเป็นผู้รับสานต่อความเป็นอาจารย์ของอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ (Hayden Christensen จากหนัง ‘Star Wars: Episode II’ และ ‘Jumper’) ก่อนที่เขาจะกลายไปเป็นลอร์ดดาร์ธเวเดอร์ ความหลังฝังใจซ่อนอยู่ในส่วนลึกๆ ของเจไดผู้ได้รับมอบหมายให้ตามเฝ้าดูแล ลุค สกายวอล์คเกอร์ บนดาวทาทูอีน
ทว่าในระหว่างหลบหนีการตามไล่ล่าของเหล่าอินควิซิเตอร์อยู่นั้น เขาก็ได้รับข่าวจะวุฒิสมาชิกให้ช่วยไปตามชิงตัวเจ้าหญิงเลอา ออร์กาน่า (Vivien Lyra Blair จากหนัง ‘Bird Box’ และ ‘We Can Be Heroes’) คืนจากคนร้าย เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ ขอเชิญติดตามในซีรีส์ 6 ตอนทาง Disney+ Hotstar
รีวิวซีรีส์ ‘Obi-Wan Kenobi’
เท่าที่ดูจาก 3 ตอนแรก มันคือการหยิบเอาส่วนที่ยังไม่เคยถูกบอกเล่ามาขีดเขียนนั่นเอง หลังได้รับช่วงต่อดูแลศิษย์ผู้มีแววเก่งกล้าอย่าง อนาคิน นั้น โอบีวันก็คงรู้สึกเสียรังวัดนิดหน่อยที่ลูกศิษย์ของเขากลับหันเข้าสู่ด้านมืด เปลี่ยนจากอัศวินเจได กลายเป็นลอร์ดดาร์ธเวเดอร์ แถมยังกวาดล้างทำให้เจไดมากมายต้องล้มตาย ที่หลงเหลืออยู่ก็ต้องหลบซ่อนตัว เฉกเช่นเดียวกับเขา
เรื่องราวในซีรีส์นี้ก็เล่าช่วงที่เขาเฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของ ลุค ที่มีพลังในตัวเช่นกัน แต่โอเว่น (Joel Edgerton) ชายผู้ดูแลลุคดูท่าไม่ยอมง่ายๆ และดูเหมือนชะตากรรมของอาจารย์เจไดคนนี้จะวุ่นวายไม่เลิก เมื่อถูกตามตัวให้ไปช่วยเหลือเลอาที่ถูกจับตัวไป
โอบีวัน เคโนบี ผู้อยู่ท่ามกลางการตามไล่ล่า และภารกิจดูแลเด็กสองคนที่อยู่ต่างดวงดาว
ซีรีส์เริ่มต้นเล่าด้วยการเท้าความในสิ่งที่เรารู้มาจากหนังภาคต่างๆ เพิ่มทบทวนความจำจากนั้น ก็เริ่มเล่าเรื่องที่ยังไม่เคยถูกบอกเล่า แต่เอาเข้าจริง มันก็ไม่ต่างอะไรกับการดูหนังหนึ่งเรื่องสักเท่าไหร่ แต่เป็นหนังที่ถูกเล่าแบบขยายความ ใส่รายละเอียดของเหตุการณ์เข้าไป มันจึงกลายเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียไปในเวลาเดียวกัน
ข้อดีคือมันง่ายในการติดตามเพราะส่วนใหญ่จะเป็นฉากแอคชัน [ที่อาจไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการออกท่าทาง] ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้ลุ้นระทึกอะไรมาก แต่ก็ทำให้เรื่องราวมันดูไม่มีอะไรซับซ้อน สามารถเล่า 3 ตอนให้จบภายในหนึ่งชั่วโมงได้ด้วยซ้ำ
น่าเสียดายอยู่บ้างที่มีบางส่วนของเรื่องราวชวนกังขาในความสมเหตุสมผลอยู่บ้างในตอนที่สาม เข้าใจว่า ต้องการเขียนบทเพื่อสร้างเซอร์ไพรส์แต่ก็ชวนให้ครุ่นคิดระหว่างดูว่า ที่จริงมันจะเป็นไปได้อย่างนั้นหรือไม่
สิ่งดีๆ ที่เห็นได้ชัดของซีรีส์อย่าง ‘Star Wars Obi-wan Kenobi’ ก็คือ การนำเอาอัศวินเจไดที่แฟนสตาร์วอร์สจดจำกลับคืนสู่จออีกครั้ง โดยมี Ewan McGregor ผู้ที่รับบทโอบีวันในเวอร์ชันภาพยนตร์ได้กลับมาสวมบทบาทเดิม พร้อมกับได้เจอเลอาตอนเด็กที่ช่างน่ารักน่าเอ็นดูไม่เบา ได้เห็น Sung Kang ที่อาจคุ้นเคยในจักรวาล ‘Fast & Furious’ แต่ครั้งนี้ เขากลายมาเป็นตัวร้ายอินควิซิเตอร์
และแน่นอน เราจะได้พบการกลับมาของ Hayden Christensen ในบทบาท ลอร์ดดาร์ธเวเดอร์ ตัวละครวายร้ายที่ทุกคนจดจำ
ในที่สุด ก็ดูซีรีส์เรื่องนี้จนจบทั้งซีซัน ซึ่งสิ่งที่พบก็คือ เหมือนทุกอย่างที่เล่ามาใน 4 ตอนแรกเป็นอารัมภบท ทุกอย่างจะถูกขมวดเข้าสู่ตอนที่ 5-6 ที่นำมาตัวละครเก่าที่แฟนสตาร์วอร์สคิดถึงให้กลับมา เรื่องราวเริ่มจะสนุกขึ้น มีอะไรให้ชวนรู้สึกน่าสนใจมากขึ้น ฉากการต่อสู้ที่ผู้ชมรอคอยจะได้เห็น
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงเป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องได้ยืดเยื้อเกินกว่าที่ควรจะเป็น เรื่องราวที่เกิดมันควรจะเป็นหนังความยาวสองชั่วโมง แต่ก็อาจเป็นหนังที่น่าเบื่อไปถึง 2 ใน 3 ก่อนจะกลับมาสนุกมากขึ้นในองก์สุดท้าย
หากมีซีซันถัดไปจริง ก็ขอให้มี ‘อะไร’ และ ‘สนุก’ กว่านี้หน่อยเถิด
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Obi-Wan Kenobi |
ผู้กำกับ | Deborah Chow |
ผู้เขียนบท | Joby Harold, Hossein Amini, Stuart Beattie, Hannah Friedman, Andrew Stanton |
นักแสดง | Vivien Lyra Blair, Ewan McGregor, Moses Ingram, Sung Kang, Hayden Christensen, Joel Edgerton, Rupert Friend, Kumail Nanjiani |
แนว/ประเภท | Action, Adventure, Sci-Fi |
จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 6 ตอน |
ช่องทางรับชม | Disney+ HotStar |
เริ่มออกอากาศ | 27 พฤษภาคม 2022 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Lucasfilm, Walt Disney Pictures |
โอบีวัน เคโนบี
พล็อตและบท - 6.2
การแสดง - 7.2
การดำเนินเรื่อง/การตัดต่อ - 6.4
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 7.3
6.9
Obi-Wan Kenobi
สามตอนแรกผ่านไปด้วยการนำเสนอชีวิตที่อยู่ท่ามกลางสองสิ่ง ภารกิจคุ้มครองลุคและเลอาของโอบีวัน เคโนบี พร้อมกันไปกับหลบหนีการไล่ล่าของดาร์ธเวเดอร์ เรื่องราวที่ไม่ซับซ้อนและอาจให้จบได้ภายในหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ ที่เหลือคงต้องรอดูสามตอนที่เหลือว่าจะออกมาน่าตื่นเต้นมากน้อยแค่ไหน