ในช่วงที่หนังเข้าฉายในโรง ผู้คนก็ชื่นชมกันหนาหู แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสออกไปชมถึงโรงหนังกับเขาสักที จวบจนวันที่โรงหนังถูกสั่งให้ปิด ผู้คนไม่ค่อยจะได้ออกไปไหนเพราะวิกฤติโรคระบาดที่ยังไม่ยอมจางลงได้สักที สุดท้าย นายแพทก็เลยได้มาดูหนังสารคดีที่แผ่เรื่องจริงของเหตุวิกฤติที่เกิดขึ้นกับวัดพระธรรมกาย อย่าง ‘เอหิปัสสิโก’ หรือในชื่ออังกฤษ ‘Come and See’ กันในโลกสตรีมมิ่งกันแทน
ผลงานจากคุณไก่ ณฐพล บุญประกอบ เจ้าของเดียวกันกับผลงานหนัง ‘2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว’ ที่งานนี้เล่นของแรง กล้าเข้าไปถ่ายทำกันข้างในวัด ทั้งกิจกรรมต่างๆ ทั้งสัมภาษณ์คนข้างในข้างนอก ถือว่าเป็นผลงานที่น่าสนใจทั้งตัวเรื่องและเบื้องหลังของการถ่ายทำ
หลังจากรอมานานหลายเดือนก็คงจะได้เวลาดูด้วยตาตนเองสักที
เรื่องย่อหนังสารคดี ‘Come and See’
หนังสารคดีที่ประมวลรวมเหตุการณ์และคำสัมภาษณ์จากหลากคนหลายความคิด ในช่วงเวลาของปี 2560 เมื่อวัดพระธรรมกายเผชิญหน้ากับวิกฤติ หลังเติบโตต่อเนื่องจนมีขนาดใหญ่และเกิดความไม่พอใจถึงขั้นต้องกำจัด
เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย คือ พระธัมมชโย ผู้เป็นเสมือนศูนย์กลางความศรัทธาของศิษยานุศิษย์ ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันกับคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ถึงขั้นที่ DSI ต้องส่งกองกำลังเข้าไปปิดล้อมวัดเพราะต้องการนำตัวเจ้าอาวาสมาดำเนินคดี
จึงได้เกิดเหตุเผชิญหน้ากันขึ้น ระหว่างเหล่าศิษย์วัดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ
รีวิวหนังสารคดี ‘เอหิปัสสิโก’
ความคุกรุ่นของความขัดแย้งระหว่างคนสองด้าน ผู้ที่เป็นศิษย์/เชื่อในวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย กับกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยและมองว่าวัดคือสิ่งที่ต้องกำจัดไม่ก็ควบคุม ท่ามกลางความคิดที่แตกต่าง บางส่วนระบุว่าคำสอนของวัดคือสิ่งที่สั่งสอนกันอยู่ แต่บางส่วนก็บอกว่าบิดเบือนคำสอน รวมทั้งเป็นพุทธพาณิชย์ ร่ายยาวไปถึงกระทั่งเรื่องการฟอกเงิน อะไรต่างๆ นานา
หนังเริ่มต้นด้วยการหยิบยกเอาคำพูดจากคนที่รัก-ศรัทธาในวัด กับคนที่ไม่เห็นด้วย-ไม่เห็นชอบ สองความคิดถูกนำมาวางสลับกัน เบิกทางให้คนดูได้เตรียมตัวว่าจะได้พบเจอกับอะไร และมองสำรวจจิตใจของตัวเองว่ารู้สึกอย่างไร อยู่ฝั่งฝ่ายไหน ก่อนที่จะหนังจะพาเราไปซึมซับกับคนที่สัมผัสเรื่องพวกนี้อย่างลึกซึ้งในหลากมุม ทั้งศิษย์ปัจจุบันที่ยังคงเชื่อถือศรัทธาหมดใจ ศิษย์เก่าที่ขอลาออกหลังมีบางอย่างชวนตะหงิดใจ พระผู้ใหญ่ที่เฝ้ามองการเติบโตของวัดอย่างไม่ไว้ใจ คนภายนอก นักวิชาการทางศาสนา คนใหญ่คนโตที่ดูแลด้านพระพุทธศาสนาในประเทศนี้
ไม่ว่าคุณจะคิดแบบไหน คงมีสักคนที่คิดเห็นแบบเดียวกันกับคุณ ไม่แน่ก็อาจจะมีหลายคน
ภาพยนตร์สารคดี ‘เอหิปัสสิโก’ เป็นหนังที่ไม่ได้ต้องการจะหันเหความคิดคนดูไปทางไหน ใครจะคิดเช่นไร เขาก็เพียงต้องการนำเสนอมันออกมา ที่เหลือก็แล้วแต่คนดูจะคิดเห็นและตัดสินเอาเองว่า ในเหตุความขัดแย้งนี้ ใครกันที่ถูกผิดในความคิดของคุณ
แต่ละตัวละครมีสองด้าน จนไม่อาจจะเห็นด้วยหรือคล้อยตามไปได้เสียทั้งหมด
การเดินเรื่องที่นำหลากหลายความคิดมาเล่า
หนังเดินเรื่องด้วยการแบ่งตัวเองออกเป็นหลายส่วน บางส่วนเป็นภาพข่าวตัดความเป็นจริงมาให้ดู บางส่วนเป็นความคิดของคนที่ศรัทธาเลื่อมใส บางส่วนเป็นคนที่รู้สึกไม่ชอบ ในชั่วขณะหนึ่ง ก็เหมือนจะพาเราไปทำความรู้จักกับคนที่เป็นศิษย์แบบซึมลึก ได้รู้ว่าบางส่วนของศิษย์วัดนี้มีความคิด วิถีชีวิตอย่างไร ในช่วงเวลาหนึ่งที่พวกเขาเข้าไปอยู่ภายในวัด ชีวิตแต่ละวันของพวกเขาเป็นอย่างไร คนภายนอกก็จะได้เห็นพิธีกรรมต่างภายในวัด กรรมวิธีและกลอุบายที่ทำให้คำสอนของพระพุทธเจ้าเข้าถึงง่าย และมีจิตวิทยาที่ทำให้เข้าถึงคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องความสวย ความรวย
ได้เห็นคนที่นั่นคิดเห็นอย่างไร ถูกล้างสมองจริงหรือไม่ เป็นแค่กลุ่มที่ศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาในแบบธรรมกายหรือแค่ศรัทธาในคนๆ หนึ่ง ทำให้เรามองเห็นว่า การทำให้คนเชื่อคล้อยตามก่อเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ความเชื่อกลายเป็นอำนาจได้อย่างไร และเมื่อพวกเขากลายเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ คนที่รู้สึกว่าอำนาจของตนกำลังถูกสั่นคลอนจะรู้สึกและตอบโต้อย่างไร
ในระหว่างทาง เราอาจจะได้พบกับคำที่วิเศษที่คนในวัดใช้ อาจจะได้พบกับชุดความคิดที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลจนชวนให้ไม่น่าเชื่อถือ ได้เห็นผู้ศรัทธาที่ใกล้หมดตัวเพราะทำบุญอย่างไม่ลืมหูลืมตา ได้เห็นคนที่บอกว่าชีวิตตนดีขึ้นหลังได้เดินตามคำสั่งสอน ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็ได้เห็นว่าความเชื่อความศรัทธาก่อให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้าง
สำหรับคนที่ไม่มีศาสนา ดูหนังเพื่อมองเห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นไม่เคยเข้าใจ
ดนตรีประกอบ
ในด้านดนตรีประกอบนั้น เหมือนเขาตั้งใจจะให้มันเข้ากับตัวเนื้อหาที่ว่าด้วยศาสนาและวัด ดนตรีจึงให้เสียงดังยาวๆ ชวนรู้สึกถึงความสุขสงบยามนั่งสมาธิ แต่อีกเสียงหนึ่งที่ส่งออกมาจากในดนตรีนั้น ก็คือความน่าสงสัยเคลือบแคลงที่แฝงตัวอยู่ในท่วงทำนองที่ก้องกังวาล
นัยว่า เรื่องราวของวัดพระธรรมกายเองก็มีบางสิ่งที่ชวนแคลงใจอยู่ไม่น้อย แม้เหตุที่เกิดขึ้นจะเหมือนวัดกลายเป็นผู้ถูกกระทำในบั้นปลายก็ตามที
เมื่อดู ‘เอหิปัสสิโก’ จบลง
คนดูแต่ละคนจะมีชุดความคิดกลุ่มก้อนหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะได้มาดูหนังสารคดีเรื่องนี้ ระหว่างดูก็อาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากกลุ่มคนหลากหลาย ได้เห็นภาพพิธีกรรมภายในวัด ความคิดของผู้คนและภาพเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัฐและวัด
บางคนอาจจะรู้สึกว่า หลังดูจบ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อวัดแตกต่างจากเดิม ตรงกันข้ามกลับเริ่มมองฝ่ายรัฐในด้านร้ายมากขึ้น และอาจรู้สึกเห็นใจ/เข้าใจผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาต่อวัดมากขึ้น และอาจรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดของคนผู้นั้น
ขณะเดียวกัน ก็มองสถาบันในอีกมุมมองหนึ่ง ที่กลายเป็นเครื่องค้ำจุนอำนาจทางการเมือง ขณะเดียวกันการที่ผู้คนหันเหไปศรัทธากับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมากเกินไป ก็อาจยังผลให้สถาบันรู้สึกถึงภัยที่คุกคามมากขึ้น
ส่งผลให้เกิดแอคชันตามมาอย่างที่เห็นในหนัง
ภาพยนตร์เรื่อง: เอหิปัสสิโก / Come and See
ผู้กำกับ: ณฐพล บุญประกอบ (เจ้าของผลงาน 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว)
ผู้เขียนบท:
นักแสดง: พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส, ไพบูลย์ นิติตะวัน, มโน เลาหวณิช, บรรจบ บรรณรุจิ, สิโรตม์ คล้ามไพบูลย์, พระไพศาล วิศาโล, วิจักขณ์ พานิช, นิธิ เอียวศรีวงศ์
ความยาว: 84 นาที
แนว/ประเภท: Documentary
เรท:
ปี: 2019
อัตราส่วน:
ประเทศ: ไทย
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 6 เมษายน 2021 [ในโรงภาพยนตร์], 1 สิงหาคม 2021 [ทาง Netflix]สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: underDOC Film, Netflix
เอหิปัสสิโก
เนื้อหา - 7.7
ดนตรีประกอบ - 8
การตัดต่อ/ดำเนินเรื่อง - 7.7
7.8
Come and See
หนังสารคดีที่บอกเล่าถึงความขัดแย้งและวิกฤติของวัดพระธรรมกายที่ต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังจาก DSI หนังเล่าเรื่องผ่านข้อมูลข่าว ผ่านหลายปากที่บอกเล่าถึงความคิดที่มีต่อเหตุการณ์และต่อวัดพระธรรมกาย ไม่ได้ชี้นำไปด้านใดด้านหนึ่ง และอาจจะไม่ได้เปลี่ยนมุมมองต่อวัดและผู้เลื่อมใสไปมากมายนัก แต่ได้เพิ่มเติมมุมมองต่อเหตุการณ์ทั้งหมดในภาพใหญ่-องค์รวมมากขึ้น