รีวิวซีรีส์ Song of the Bandits ลำนำคนโฉด | แผ่นดินจีน เงินญี่ปุ่น คนโชซอน

คล้ายว่าคนเขียนบทของซีรีส์เกาหลีจะยังคงเหลือคลังข้อมูลในการสรรสร้างเรื่องราวใหม่ๆ ให้คนทั้งโลกได้ชมอยู่อีกมากมาย หลายสิ่งที่เราไม่เคยล่วงรู้ถ้าเราไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของเกาหลีมาอย่างลึกซึ้ง เราก็อาจจะได้พบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่ถูกหยิบมาขีดเขียนให้กลายเป็นเรื่องราวใหม่ในบริบทและช่วงเวลาที่แตกต่าง วันนี้ เราก็เจออีกแล้วในเรื่อง ‘Song of the Bandits’ หรือชื่อไทย ‘ลำนำคนโฉด’

มันเป็นซีรีส์เกาหลีที่เล่าแบบ 9 ตอนจบ และโผล่มาในบริการของ Netflix ที่รวดเดียวครบทุกตอน ไม่ต้องรอกันเป็นรายอาทิตย์ให้ค้างเติ่งและตั้งตารอคอยอะไรแบบนั้น แถมคราวนี้ เขาก็หันย้อนกลับไปเล่าเรื่องในช่วงปี 1920 ที่เกาหลีถูกญี่ปุ่นยึดครอง โชซอนล่มสลาย ประชาชนแตกกระจายกันออกไป และหลายคนก็หนีขึ้นไปถึงเมืองจีน กลายเป็นชุมชนของตนเองที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและคาวเลือด ผลงานการกำกับของ ฮวังจุนฮยอก จาก ‘Black Dog’

และผลงานการแสดงของนักแสดงมีชื่อที่คนไทยคุ้นเคยกันดี

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Song of the Bandits’

ในช่วงเวลาที่เกาหลียังคงถูกญี่ปุ่นยึดครอง ชาวเกาหลีใต้ร้อยพ่อพันแม่ พากันมุ่งหน้าไปยังแผ่นดินที่ไร้ขื่อแปในประเทศจีนที่ถูกเรียกว่า กันโด ที่นั่น เหล่าผู้รอนแรมมาไกลต่างลงหลักปักฐานและรวมกลุ่มกันเพื่อปกป้องพื้นที่ของตนจากการถูกคุกคาม พวกเขากลายเป็นเหล่าคนโฉดจากโชซอน

อียุน (Kim Nam Gil/คิมนัมกิล จากซีรีส์เรื่อง ‘Island เกาะปีศาจ’ และหนังเรื่อง ‘Emergency Declaration’) อดีตทหารในกองทัพญี่ปุ่น ผู้ได้รับฉายา “ยมทูตผู้พิพิทักษ์” หลังทุกข์ทรมานกับบาดแผลในอดีตอยู่นานหลายปี เขาก็บอกลาการรับราชการและเดินทางขึ้นมายังกันโด เพื่อเจอกับคิมซอนบก (Cha Chung Hwa/ชาชองฮวา จากซีรีส์เรื่อง ‘See You in My 19th Life’) หญิงผู้ร่ำรวยขึ้นมาด้วยกิจการโรงแรม เก็บดอกและค้าขายอาวุธ ทั้งสองต่างก็เคยเป็นทาสด้วยกันมาก่อน อียุนบอกเหตุผลกับเธอว่า เขาต้องการจะไปหมู่บ้านมยองจองเพื่อตามหาใครคนหนึ่ง

อียุนเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งนั้นและได้พบกับ ชเวซุงชู (Yoo Jae Myung/ยูแจมยอง จากซีรีส์เรื่อง ‘Vincenzo’ และ ‘Reply 1988’) คนที่เขาเคยสังหารครอบครัวและยินดีจะจบชีวิตด้วยน้ำมือของลุงซุงชู แต่แล้วเขากลับได้เจอบางสิ่งที่เปลี่ยนใจให้เขาเลือกที่จะอยู่ หลังมองเห็นความโหดร้ายทารุณของจอมโจรหลังม้าโนดกซัน เขาได้พบจุดหมายใหม่ของชีวิต นั่นคือ การปกป้องพี่น้องแห่งโชซอน ด้วยการรวบรวมผู้คนที่มีความคิดเดียวกัน แล้วก่อตั้งกลุ่มแก๊งคนโฉดขึ้นมา

ระหว่างเส้นทางนั้น เขาจะได้พบกับ ออนนยอนอี (Lee Ho Jung/อีโฮจอง จากซีรีส์เรื่อง ‘Moving’ และ ‘Nevertheless’) นักฆ่าที่มาแฝงตัวอยู่กับชุงซู และนัมฮีชิน (Seohyun/ซอฮยอน จากซีรีส์เรื่อง ‘Moon Lovers: Scarlet Heart Ryeo’ และ ‘Jinxed at First’) หญิงสาวชนชั้นกระฎุมพีที่เขาคิดถึง เธอกลายเป็นนักเคลื่อนไหวอิสระที่เกาะเกี่ยวอยู่กับ อีกวังอิล (Lee Hyun Wook/อีฮยอนอุค จากซีรีส์เรื่อง ‘She Would Never Know’) อดีตเจ้านายของเขาเอง และตอนนี้ กวังอิลก็กลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของอียุนไปเสียแล้ว

รีวิวซีรีส์ ‘ลำนำคนโฉด’

ซีรีส์เกาหลีที่พาเรากลับไปยังปี 1920 ในช่วงเวลาของความวุ่นวายและทุกข์ยากของชาวโชซอน เมื่อแผ่นดินบ้านเกิดถูกญี่ปุ่นคุกคามและยึดครอง ระบบกษัตริย์ถูกล้มล้าง ทุกอย่างอยู่ภายใต้อำนาจของจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น บทซีรีส์เล่าเรื่องของ อียุน ที่เคยเป็นทหารภายใต้กองทัพญี่ปุ่น เคยฆ่าเพื่อนร่วมชาติอย่างคนโง่เขลา จึงสำนึกผิดและหวังจะชดใช้ด้วยความตาย แต่กลับพบว่า สิ่งแท้จริงที่เขาควรทำคือ การปกป้องผู้คนชาวโชซอน ซึ่งหมายถึงการเป็นศัตรูกับกองทัพญี่ปุ่น จอมโจรหลังม้า และแม้กระทั่งกองกำลังกู้ชาติเสียเอง

สภาพสังคมในช่วงเวลานั้น กับผู้คนบางกลุ่มที่สำคัญต่อเนื้อเรื่อง

มันคือซีรีส์ที่ถูกย้อมสีภาพเป็นโทนสีเหลือง อันบ่งบอกถึงความทุกข์ยาก รันทด และความหวังที่แห้งผากของผู้คน ที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อไปตั้งรกรากใหม่ แต่ก็ไม่พ้นต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย

คนที่นี่ต้องอยู่ในดินแดนที่ไร้ขื่อแป แม้จะมีตำรวจก็จริง แต่ก็ไม่เคยใส่ใจจับกุมโจรมาลงโทษ พวกชาวบ้านต้องเอาตัวรอดในดินแดนที่ไม่ใช่ประเทศของตน เผชิญชะตากรรมที่เกิดจากพวกโจรหลังม้าออกปล้นชิงและเข่นฆ่าอย่างเหิมเกริม ไม่เกรงกลัวกฎหมาย พวกมันยิ่งใหญ่กว่าตำรวจ แม้แต่ผู้นำของพวกเขาที่เคยลุกขึ้นต่อต้านแต่กลับพบว่ามีแต่ผู้คนของเขาที่ตายมากขึ้น จึงล้มเลิกความตั้งใจนั้น การมองเห็นความทุกข์ยากของเพื่อนร่วมชาติทำให้ “ยมทูตผู้พิพิทักษ์” ลุกขึ้นมาบุกเดี่ยวไปสังหารโจรหลังม้าตายเรียบทั้งแก๊ง เหมือนเช่นวันเก่าที่เขาเคยบุกเดี่ยวไปเก็บกองปืนใหญ่รัสเซียจนเรียบวุธ

บทซีรีส์บอกเล่าถึง กวังอิล เจ้านายของอียุนที่เคยมีบุญคุณฉุดเขาจากการเป็นทาส แต่กวังอิลคือคนที่มองเห็นว่าโชซอนจะล่มสลายและเขาก็คือคนแรกๆ ที่เลือกข้างฝ่ายญี่ปุ่น เขาถูกถามอย่างตรงไปตรงมา ว่าถ้าวันหนึ่ง อำนาจของญี่ปุ่นบนแผ่นดินโชซอนถึงคราล่มสลายอีกครั้ง เขาจะตอบคำถามกับมันยังไง

อียุน ชื่อนี้ก็มีความหมายด้วยเพราะมันเป็นชื่อของกษัตริย์พระองค์หนึ่ง นั่นคือ พระเจ้าคยองจง พระราชาองค์ที่ 20 ที่ขึ้นครองราชย์ได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็มีภาพลักษณ์ในด้านการปกป้องครอบครัวจนถึงวันสุดท้าย

ส่วนหนึ่งของคนโฉด ที่ไม่ใช่กองกำลังกู้ชาติ

เริ่มตอนแรกมา ก็ฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยมแล้ว ภาพในนั้นค่อนข้างรุนแรงจน Netflix ต้องขึ้นเรทว่าเป็น 16+ และเมื่อพูดถึงอียุน ผู้นำกองกำลังคนโฉด ก็คงต้องขอหยิบยกเหล่าตัวละครเด่นๆ ที่อยู่ในกองกำลังนี้มาเล่าถึงกันบ้าง

คังซันกุน (Kim Do Yoon/คิมโดยุน) พลแม่นปืนระดับสุดยอดที่ใช้ไรเฟิลส่องศัตรูจากระยะไกลได้อย่างแม่นยำ แต่กำลังมีปัญหาด้านสภาพร่างกายเพราะติดฝิ่นงอมแงม โชแรงงี (Lee Jae Kyoon) ชายหนุ่มท่าทางมุทะลุผู้ที่ยิงปืนไม่ได้เรื่อง แต่เก่งเรื่องการขว้างขวาน กับอีกคนคือ กึมซู (Cha Yub/ชายอบ) ชายหนุ่มร่างใหญ่พลังเยอะแต่ก็บุ่มบ่ามนิดหน่อย ทั้งหมดคือกำลังหลักของกลุ่มแก๊งคนโฉดที่ต่อสู้เพื่อพวกพ้องชาวโซซอนที่อยู่ในกันโด

ผสมบริบทของสังคมโชซอนสมัยนั้น กับสไตล์คาวบอยที่หลากหลายคิวบู๊

บนแผ่นดินอันแร้นแค้นที่ผู้คนจำต้องย้ายเข้าไปตั้งรกราก หวังจะให้เป็นดินแดนแห่งความหวัง หากกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ภาพลักษณ์ของรางรถไฟที่ทอดยาวไปในทะเลทรายที่อาจเกิดพายุทรายขึ้นได้เป็นบางคราว มี 2 ตัวละครที่สำคัญที่เป็นสองขั้วตรงข้าม หนึ่งคือ สหายนัม หรือนัมชีมิน หญิงสาวตัวแทนจากการรถไฟโชซอน ผู้หวงแหนแผ่นดินเกิดและดำเนินการทวงแผ่นดินคืนอยู่อย่างลับๆ อีกขั้วเป็น อีกวังอิล ที่เลือกย้ายข้างไปเป็นทหารภายใต้จักรวรรดิญี่ปุ่น แต่ก็พบว่าพวกญี่ปุ่นเองก็ไม่เคยไว้เนื้อเชื่อใจเขา

สองคนที่กำลังจะหมั้นหมายและอาจได้แต่งงานอยู่กินกันในอนาคต กลับแตกต่างกันเหลือเกินทางด้านความคิด มองดูก็รู้ว่าไม่น่าจะไปกันรอด ส่วนชายหนุ่มอีกคนที่เฝ้าคิดถึงเพียงเธอ ก่อนไม่กี่วันหลังจากนั้น เธอต้องเดินทางไปยังมยองจองเพื่อร่วมในพิธีเปิดเส้นทางรถไฟที่เป็นใบเบิกทางไปสู่การปล้น สองแสนวอนคือเงินก้อนใหญ่ของจักรวรรดิญี่ปุ่นที่ถูกใช้เป็นตัวล่อให้พวกเขาได้โอกาสกวาดล้างเหล่ากบฏ

บางช่วงบางตอนของซีรีส์ เรียกได้ว่าเขียนมาสนุกดี มีการตัดสลับสองเหตุการณ์ สองคู่สนทนาที่สอดรับกันได้ลงตัวสุดๆ ขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองในช่วงเวลานั้น บีบคั้นให้ต้องออกมารบรา จึงมีทั้งฉากขี่ม้า ยิงธนู ส่องด้วยไรเฟิล สังหารด้วยปืนสั้น ฟันด้วยดาบซามูไร ไล่ไปถึงใช้มีดพกและระเบิดมือ บางช่วงบางตอนอาจชวนรู้สึกว่าโชคดีจัง ได้ไงวะ รอดอย่างไม่น่าเชื่อ ก็ให้ทำใจมองผ่านๆ ไป ด้วยเพราะเมื่อดูโปรดักชั่นโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าทีมงานเขาตั้งใจและลงทุนไปมากโข ในส่วนของซีจี แม้จะยังไม่เนียนแต่ก็พอถูไถ พอจะไปรอดได้อยู่เหมือนกัน

เห็นป้ายและชื่อสถานีรถไฟระบุชื่อ Keijō เป็นเมืองที่สหายนัมชินฮีอาศัยอยู่ สมัยนั้น คนโชซอนเรียกเมืองนี้ในชื่อ Gyeongseong (คยองซอง) ซึ่งก็คือ โซล (Seoul) เมืองหลวงของเกาหลีใต้ในปัจจุบัน

เท่าที่มองเห็น ซีรีส์เรื่องนี้มีบทพูดเป็นญี่ปุ่นไปกว่าครึ่ง และมีคาแรกเตอร์ราวครึ่งหนึ่งเช่นกันเป็นที่คนญี่ปุ่น แต่ใช้นักแสดงที่เป็นคนเกาหลีทั้งหมด เนื้อหาของเรื่องราวตั้งใจให้เป็นมุมมองของคนเกาหลีที่มีต่อการกดขี่ของญปุ่น มันจึงออกมาในทางดูแคลนญี่ปุ่นอย่างเต็มประตู คาแรกเตอร์ที่ให้ บางคนก็โหดเหี้ยม บางคนก็ขี้ขลาด แต่เชิดชูคนเกาหลีที่รวมใจกันต่อสู้เพื่อบ้านเกิด โดยเพิ่มมิติของคนโชซอนผู้เข้าข้างฝ่ายรุกรานเข้ามาให้ผู้ชมรู้สึกหมั่นไส้

และก็เป็นไปอย่างที่คาด 9 ตอนไม่เพียงพอให้เล่าได้ถึงบทลงเอย คงต้องปล่อยให้คนดูเฝ้ารอกันไปเพื่อจะพบกับเรื่องที่เหลือก่อนปิดท้ายอย่างสมบูรณ์

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์