จะว่าไป ก็รู้สึกว่าตัวเองจะไม่ค่อยได้เปิดดูซีรีส์แนวกีฬา ๆ สักเท่าไหร่นิ ลองเปิดหาดูซีรีส์ในบริการ Apple TV+ ก็พบว่ามีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจและพบว่า มันมีมาถึงซีซัน 3 แล้ว แสดงว่าน่าจะไม่เลว เลยลองเปิดดู และก็ปรากฏว่า ‘Ted Lasso’ ทำเอาเราติดใจดูไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเราติดตามพรีเมียร์ลีกอยู่ประมาณหนึ่งแล้วก็เป็นได้ ทำให้เราชื่นชอบได้ไม่ยากแหละ
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
ซีรีส์ที่เล่าเรื่องผู้จัดการทีมอเมริกันฟุตบอลที่ได้ไปคุมทีมฟุตบอลในอังกฤษ เรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด แม้ที่จริงเจ้าของทีมหวังแค่จะเอาคืนและหวังพังทีมรักของอดีตสามีเท่านั้น แต่เขาใช้ความมองโลกในแง่ดี มาสร้างพลังสามัคคีของทุกคนในทีมให้เหนียวแน่น ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ลุ้มลุกคลุกคลานจนผ่านมาได้ถึง 3 ซีซัน ไม่ได้เน้นลงลึกถึงเกมฟุตบอลอะไรขนาดนั้น ต่อให้ไม่ใช่คอบอลก็สามารถจะสนุกไปได้ ยิ่งเป็นคอยิ่งตามสบาย
เป็นซีรีส์ที่ฟีลกู๊ด ดูแล้วยิ้ม ได้เสียงหัวเราะ ไปพร้อม ๆ กับการได้เห็นทีมฟุตบอลทีมนี้เติบโตภายใต้การคุมของผู้จัดการอารมณ์ดี
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Ted Lasso’
หลังจากโดนสามีนอกใจ ทำให้ รีเมกกา เวลตัน (Hannah Waddingham จากหนังเรื่อง ‘The Fall Guy’) ลุกขึ้นมาหย่าขาดพร้อมเอาคืน เธอจัดการซื้อทีมที่อดีตสามีรักมากอย่าง ริชมอนด์ เอฟซี ซึ่งเป็นทีมที่โลดแล่นอยู่ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เธอแต่งตั้ง ฮิกกี้ (Jeremy Swift จากซีรีส์ ‘Downton Abbey’) มือขวาขึ้นเป็นผู้จัดการฟุตบอลม และดึงตัวเอา เท็ด ลาสโซ่ (Jason Sudeikis จากหนังเรื่อง ‘We’re the Millers’) ผู้จัดการทีมอเมริกันฟุตบอลที่เพิ่งทำทีมเล็กๆ คว้าถ้วยแชมป์ มาเป็นผู้จัดการทีม
แต่ความจริงก็คือ เท็ดไม่เคยมีประสบการณ์และไม่ได้รู้จักฟุตบอลเลยนี่ดิ เขาเดินทางมาพร้อมกับโค้ชเบียร์ด (Brendan Hunt) ทำให้อย่างน้อย เขาก็ไม่ได้โดดเดี่ยวในดินแดนที่ไม่รู้จักใคร
การมาที่นี่ของเท็ด ทำให้เขาต้องรับมือกับหลายสิ่งหลายอย่าง สิ่งที่เขาไม่รู้คือ เวลตัน ไม่ได้หวังดีต่อทีมอย่างที่เขาคิด เธอต้องให้ทีมรักของอดีตสามีต้องแหลกสลายพังทะลายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจนี้ เท็ดกลับทุ่มเทเต็มที่เพื่อกอบกู้สภานการณ์ของทีมกลางตารางอย่างริชมอนด์
รีวิวซีรีส์ ‘Ted Lasso’
มันอาจเป็นซีรีส์จาก Apple TV+ ที่ให้ฟีลแตกต่างออกไปบ้าง เมื่อเขาเลือกจะเล่าเรื่องของผู้จัดการทีมอเมริกันฟุตบอลที่เดินทางไปไกลถึงเกาะอังกฤษเพื่อรับงานผู้จัดการทีมฟุตบอลอังกฤษทีมหนึ่ง เขาต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ทุกอย่าง (แต่ก็มีประสบการณ์การคุมทีมคุมคนมาก่อนแล้ว) เขาไม่รู้จักฟุตบอล ไม่เคยมาอังกฤษ และแน่นอน เขาต้องมาอยู่ห่างไกลจากครอบครัว ที่นี่ไม่ใครเชื่อใจเขา ถึงขนาดตั้งฉายาให้ว่า ‘โรคจิต’ (แต่อีกซีซันนึงแปลว่า ‘กระจอก’ นะคร้าบ)
ในทีมฟุตบอลริชมอนด์นี้ เท็ดต้องรับมือกับนักเตะหลายแบบหลากสไตล์ อย่างเช่น แซม โอบิซานย่า (Toheeb Jimoh จากซีรีส์ ‘The Power’) หนุ่มผิวดำจากไนจีเรียที่สูญเสียความมั่นใจ, รอย เคนต์ (Brett Goldstein จากหนังเรื่อง ‘Thor: Love and Thunder’) กัปตันทีมผู้ที่เคยเล่น UCL เพียงคนเดียวในทีมแต่ต้องมาอยู่ท่ามกลางนักเตะรุ่นน้องที่อ่อนประสบการณ์, เจมี่ ทาร์ต (Phil Dunster จากหนังเรื่อง ‘Murder on the Orient Express’) หนุ่มหล่อสุดมั่น(จนเกินงาม)ที่คบอยู่กับสาวแซ่บอายุมากกว่าอย่าง คีลีย์ โจนส์ (Juno Temple จากหนังเรื่อง ‘Maleficent’) แล้วก็ยังมีเด็กหนุ่มอีกคนที่มาจากเม็กซิโก ดานี่ โรฮาส (Cristo Fernández) หนุ่มที่คลั่งไคล้ในการเล่นฟุตบอลสุดฤทธิ์อีกด้วยนะ
และอีกคนที่ขาดไม่ได้ เนธาน หรือ เนท (Nick Mohammed จากหนังเรื่อง ‘Bridget Jones’s Baby’) หนุ่มเอนกประสงค์ของทีมที่มีไอเดียเรื่องวิธีการเล่นอยู่ในหัว แต่ไม่มีใครมองเห็นนอกจากเท็ด
เมื่อมองดูโลโก้ของทีมริชมอนด์ ก็พบว่ามันเป็นรูปของหมาเกรย์ฮาวน์ ทำให้บางครั้งบทสนทนาก็จะมีหมาปะปนอยู่ด้วย แม้กระทั่งชื่อกลุ่มของหนุ่ม ๆ ที่มักมาร่วมพูดคุยกันในห้องของผู้จัดการทีมและโค้ช
ในตอนแรก ๆ ของการคุมทีมของเท็ด ด้วยความที่เขายังเรียนรู้จากฟุตบอลอยู่ ผลงานในสนามก็เลยมักจะแพ้แล้วแพ้อีก และแรก ๆ เขาก็แทนจะไม่ได้ไปแตะเรื่องแผนการเล่นเลย แต่ใช้วิธีแก้ไขเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเขากับนักเตะ และระหว่างนักเตะด้วยกันเอง ด้วยบุคลิกขี้เล่น ชอบยิงมุก ใจกว้าง มองโลกในแง่ดี ทำให้เขาซื้อใจนักเตะได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และแน่นอนว่า เขาก็เริ่มจะซื้อใจรีเบกกา เวลตัน เจ้าของทีมได้
สิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือ ตัวละครบางจะได้รับรางวัลด้วยการเลื่อนขั้น อย่างเช่น คีลีย์ ที่สู้มาตลอดกับการรับจ็อบนู้นจ็อบนี้ และมีแฟนเป็นนักบอกก็ทำให้เธอได้เข้ามาคลุกคลีกับริชมอนด์เอฟซี จนรีเบกกามองเห็นและแต่งตั้งให้เธอได้ผู้จัดการฝ่ายการตลาด คอยหาสปอนเซอร์ให้กับทีมและนักเตะ หรืออย่างเนทที่เราจะเห็นว่า เขามักจะถูกนักเตะบางคนทำตัวไม่ดีใส่ แต่ที่จริง เขาก็มีความสามารถในการวางแผนเกมฟุตบอล เขาจึงได้เลื่อนจากคนที่ทำทุกอย่างทั้งในสนามซ้อมและห้องแต่งตัว ในที่สุด เขาก็ได้ขึ้นมาเป็นโค้ช
นี่ก็คือตัวอย่างหนึ่งของคนที่มีความสามารถ และเอาตัวไปอยู่ในที่ที่คนมีอำนาจมองเห็น จนในที่สุด ก็ได้รับโอกาสและก้าวหน้าขึ้นมาจนได้ นอกจากนี้ ซีรีส์ก็ไม่ได้ละเลยที่เล่าถึงคนดูที่มาเชียร์ในสนาม ว่าพวกเขาก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกำลังใจของนักเตะในสนาม
ซีรีส์อาจจะไม่ได้มีโปรดักชั่นอันโดดเด่น ด้วยมันคงต้องใช้เงินทุนจำนวนมากในสร้าง ทำให้ริชมอนด์ดูเป็นสโมสรเล็กสุดขีด พวกเขาเลือกถ่ายทอดเฉพาะการแข่งขันในสนามเหย้าขนาดย่อม ๆ ของตัวเอง แต่มันก็ทดแทนมาด้วยบทที่ฟีลกู้ดพาเพลิดเพลินอย่างเหลือเชื่อ
ซีรีส์เรื่องนี้จะแสดงให้เห็นว่า หัวใจของการเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลมันอาจไม่ใช่การที่คุณรู้จักกีฬานั้นอย่างถ่องแท้ (เพราะที่จริงก็ให้โค้ชที่รู้มากกว่าทำแทนได้) แต่การรวมใจคนเป็นหนึ่งนั้นเป็นศิลปะที่ไม่ใช่ว่าจะเลียนแบบกันได้ง่ายๆ แถมความตั้งใจจริงและความดีในตัวเรานี่แหละที่จะซื้อใจคนรอบข้างได้ เหมือนอย่างเช่นที่เท็ดทำกับรีเบกกา ในที่สุด เธอก็เปลี่ยนใจจากความคิดจะพังทีมนี้เพราะโกรธอดีตสามี เธอก็กลับใจและมองเห็นคุณค่ารวมทั้งความสนุกที่ได้ปลุกปั้นมัน
มันเป็นซีรีส์กีฬาที่ไม่ได้เน้นหรือลงลึกไปที่กฎกติกา เพราะฉะนั้น ต่อให้ไม่ได้เป็นคอบอลก็สามารถจะดูมันอย่างเพลิดเพลินได้ แถมบางช่วงบางช็อตยังพาขำกลิ้งซะด้วยซ้ำ
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Ted Lasso |
ผู้สร้าง | Brendan Hunt, Joe Kelly, Bill Lawrence |
ผู้กำกับ | Declan Lowney, M.J. Delaney, Matt Lipsey, Erica Dunton,… |
ผู้เขียนบท | Brendan Hunt, Joe Kelly, Bill Lawrence, Jason Sudeikis, Phoebe Walsh, … |
นักแสดงนำ | Jason Sudeikis, Hannah Waddingham, Jeremy Swift, Phil Dunster, Brett Goldstein, Brendan Hunt, Nick Mohammed, Toheeb Jimoh, Juno Temple |
แนว/ประเภท | กีฬา, คอมเมดี้, ดราม่า |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 10 ตอน ซีซัน 2: 12 ตอน ซีซัน 3: 12 ตอน |
ช่องทางรับชม | Apple TV+ |
เริ่มออกอากาศ | 14 สิงหาคม 2020 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Ruby’s Tuna, Universal Television, Doozer, Warner Bros. Television |
คะแนนรีวิวซีรีส์ Ted Lasso
พล็อตและบท - 7.1
การดำเนินเรื่อง - 7.6
การแสดง - 7.6
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ โปรดักชั่น - 7.1
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.4
7.4
Ted Lasso
ซีรีส์ที่เล่าเรื่องผู้จัดการทีมอเมริกันฟุตบอลที่ได้ไปคุมทีมฟุตบอลในอังกฤษ เรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด แม้ที่จริงเจ้าของทีมหวังแค่จะเอาคืนและหวังพังทีมรักของอดีตสามีเท่านั้น แต่เขาใช้ความมองโลกในแง่ดี มาสร้างพลังสามัคคีของทุกคนในทีมให้เหนียวแน่น ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ลุ้มลุกคลุกคลานจนผ่านมาได้ถึง 3 ซีซัน ไม่ได้เน้นลงลึกถึงเกมฟุตบอลอะไรขนาดนั้น ต่อให้ไม่ใช่คอบอลก็สามารถจะสนุกไปได้ ยิ่งเป็นคอยิ่งตามสบาย เป็นซีรีส์ที่ฟีลกู๊ด ดูแล้วยิ้ม ได้เสียงหัวเราะ ไปพร้อม ๆ กับการได้เห็นทีมฟุตบอลทีมนี้เติบโตภายใต้การคุมของผู้จัดการอารมณ์ดี