รีวิวหนัง The Swimmers | จากเรื่องจริงของนักว่ายน้ำซีเรียผู้ลี้ภัย

หลายชีวิตเผชิญกับความยากลำบาก พบเจอกับอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ได้เขาและเธอได้เดินไปยังสิ่งที่ใฝ่ฝัน ต่อเมื่อพวกเขาฝ่าฟันจนสามารถก้าวข้ามขวากหนามจนพบกับความสำเร็จหรือแสงสว่างสักอย่างนั้นแหละ ที่หนทางระหว่างนั้นมักมีเรื่องให้เล่า มีบางสิ่งที่ผู้คนสนใจใคร่รู้ อย่างเช่นหนังนักว่ายผู้ลี้ภัยเรื่องนี้ ‘The Swimmers’

อันที่จริง เมื่อไม่นานมานี้ ผมเองก็มีโอกาสได้ดูหนังแอนิเมชันแนวสารคดีที่เล่าเรื่องผู้ลี้ภัยอยู่เหมือนกัน หนังเรื่องนั้นคือ ‘Flee’ ที่เล่าเรื่องผู้ลี้ภัยจากอัฟกานิสถานได้สะเทือนใจมากๆ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้ำตาซึมไปกับเรื่องราวของสองพี่น้องนักว่ายน้ำซีเรียในเรื่องนี้เป็นพิเศษ มันเป็นหนังที่สร้างขึ้นจากเรื่องจริง ผลงานการกำกับของ Sally El Hosaini ที่ร่วมเขียนบทกับ Jack Thorne (‘Wonder’ และ ‘Enola Holmes’ ทั้งสองภาค)

และผมได้ดูเรื่องราวนี้ใน Netflix

เรื่องย่อหนัง ‘The Swimmers’

เรื่องราวของพี่น้องชาวซีเรียอย่าง ซาร่า (Manal Issa จากหนัง ‘Ulysses & Mona’ และ ‘Parisienne’) และยุสร่า (Nathalie Issa) น้องสาว ที่ถูกพ่อของเธอเคี่ยวเข็ญจนสร้างสถิติที่ดี ยุสร่าเองก็วาดฝันอยากเป็นนักว่ายน้ำทีมชาติในการแข่งกีฬาโอลิมปิก แต่เพราะภัยสงครามกลางเมืองในซีเรียที่ทำให้พวกเธอตกลงปลงใจจะหนีออกไปสู่ความหวังในยุโรป โดยมีญาติลูกพี่ลูกน้องอย่าง นิซาร์ (Ahmed Malek จากหนัง ‘The Furnace’) ร่วมเดินทางไปด้วย

หลังผ่านการเดินทางอันยาวไกล ทั้งบนรถบัสผ่านไปยังเลบานอนและตุรเคีย แต่หนทางที่ลำบากยากเย็นที่สุดคงไม่พ้นการรอนแรมกลางทะเลอีเจียนก่อนจะได้เข้าสู่กรีซในฐานะผู้ลี้ภัย จนพวกเธอได้พบกับ สเวน (Matthias Schweighöfer จากหนัง ‘Army of the Dead’ และ ‘Army of Thieves’) ชายที่ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักกีฬาที่หันมาทุ่มเทเป็นโค้ช และในที่สุด ยุสร่าผู้มุ่งมั่นก็เดินทางสู่กรุงรีโอเดจาเนโร เพื่อสร้างวีรกรรมสุดยิ่งใหญ่ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปีกปี 2016

รีวิวหนัง ‘The Swimmers’

เดิมทีเปิดมาก็ไม่ได้ทันคิดหรอกว่ามันเป็นหนังไบโอที่สร้างจากเรื่องจริง เริ่มต้นดูเพราะเน็ตฟลิกซ์ใส่ฉากหนึ่งของหนังที่สองพี่น้องได้พบเจอกับโค้ชแล้วนั่นแหละ เลยเห็นว่าน่าสนใจจึงเปิดเข้ามาดู และพบว่ากว่าครึ่งของหนังเล่าพาร์ทชีวิตของสองพี่น้องก่อนจะได้มาเจอโค้ชคนนี้

เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ชีวิตการเป็นนักกีฬาว่ายน้ำภายใต้การดูแลของพ่อผู้เป็นโค้ชส่วนตัว กับชีวิตวัยรุ่นที่แสนมีความสุขในซีเรีย ก่อนที่สงครามกลางเมืองจะปะทุและหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนหลายคนเริ่มหนีออกไปนอกประเทศ ทั้งยังได้ข่าวว่าหลายประเทศในยุโรปที่เปิดรับ ที่สุด เพื่อจะหนีจากชีวิตที่ไร้อนาคต (ความฝันคงไม่ต้องพูดถึง) ซาร่าและยุสร่าเลือกที่จะหนีออกไปตายเอาดาบหน้า หากมันสำเร็จ พวกเธอก็หวังว่าจะพาครอบครัวที่เหลือ (พ่อ-แม่-น้องคนเล็ก) ไปอยู่ด้วย ท่ามกลางความไม่เห็นด้วยอย่างแรงของพ่อที่ดูเหมือนจะหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ให้ไป แต่ที่สุดก็ไม่อาจทัดทาน และเห็นว่ามีนิซาร์ญาติหนุ่มอีกคนเดินทางไปด้วย ก็เลยจำใจต้องยอม

ก่อนไป พ่อก็กำชับให้เดินทางด้วยเครื่องบินเพราะน่าจะปลอดภัยกว่า แต่ก็นั่นแหละ พอถึงเวลาจริง นิซาร์กลับเลือกให้ทั้งสามเดินทางด้วยรถบัส หนทางเต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจ ทั้งถูกขูดรีดด้วยค่าจ้างราคาแพงที่จำต้องจ่าย ไม่รู้ว่าจะหลอกหรือไม่ และไม่รู้ว่าจะต้องไปเจอเจ้าหน้าที่พาส่งกลับหรือเปล่า รถบัสพาพวกผู้ลี้ภัยไปรอลงเรือที่จะข้ามไปถึงชายฝั่งกรีซ แต่สิ่งที่ใดคือเรือยางติดเครื่องยนต์ลำเดียว

หนังค่อนข้างให้เวลากับช่วงนี้มากเป็นพิเศษ คนเป็นสิบนั่งกันอยู่ในเรือเล็กๆ ลำเดียวท่ามกลางคลื่นทะเล ซึ่งก็ทำให้เราได้เห็นถึงวีรกรรมอันสุดยอดของสองนักว่ายน้ำ นายแพทต้องคอยเอาใจช่วยอย่างหนัก เพราะไม่รู้ว่ามันเอามาจากเรื่องจริง ถ้ารู้ก็คงรู้ตอนจบและคงอุ่นใจได้มากกว่านี้ไปแล้ว

จากนั้น เมื่อไปถึงบนฝั่งยุโรปแล้วก็เหมือนจะเบาใจได้เปลาะหนึ่ง แต่อุปสรรคมันก็ไม่ได้หมดซะทีเดียว ก่อนที่ทุกอย่างจะดีขึ้นพร้อมปัญหาใหม่ เอาเป็นว่า ในที่สุด พวกเธอก็ปลอดภัย และเมื่อพวกเธอปลอดภัย ปัญหาการทะเลาะกันทางความคิดระหว่างพี่น้องก็เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่เพราะความมุ่งมั่นจะทำตามความฝันทำให้เธอพบเจอหนทางที่จะเป็นนักว่ายน้ำโอลิมปิกได้สำเร็จแม้จะไม่ใช่อย่างที่คิดไว้ในทีแรกก็ตาม

หนังชวนน้ำตารื้นไปกับความสิ้นหวังของคนในชาติที่เกิดสงคราม สะเทือนใจไปกับการต้องระหกระเหินหลบหนีออกจากประเทศของตนเองไปสู่ความหวัง ทั้งยังเล่าถึงคนสองคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในกีฬานักว่ายน้ำ คนหนึ่งฝึกฝนลูกสาวและปลูกความฝันเอาไว้ที่พวกเขา อีกคน กลายเป็นโค้ชที่นำพาและผลักดันในยุสร่าได้เดินไปใกล้เคียงกับที่ฝันให้มากที่สุด

อาจไม่ใช่หนังที่ดีเลิศเลอ แต่ก็เป็นหนังที่ดูแล้วสะเทือนจิตใจได้มากทีเดียวแหละครับ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง