รีวิวซีรีส์ The Bequeathed มรดกอาถรรพ์ | พอเพลินและฆ่าเวลา

หลายคนอาจจะคุ้นชื่อของ มินฮงนัม มาอยู่ก่อนแล้ว แต่หลายคนก็อาจจะไม่แน่ใจว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน แต่ถ้าบอกว่า เขาคือผู้ช่วยผู้กำกับหนังซอมบี้เกาหลีชื่อดังอย่าง ‘ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง’ ทั้งสองภาค ก็คงต้องร้องอ๋อกันหมดแน่ๆ วันนี้ เขามีผลงานใหม่มาให้เราได้รับชมกันแล้ว เป็นลิมิเต็ดซีรีส์เรื่อง ‘The Bequeathed‘ หรือชื่อไทย ‘มรดกอาถรรพ์’ ที่มีฉายทีเดียว 6 ตอนรอดทางเน็ตฟลิกซ์นั่นเองครับ

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

ลิมิเต็ดซีรีส์เกาหลี ผลงานการกำกับของผู้ช่วยผู้กำกับหนังดัง ‘ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง’ ที่หันเหมากำกับซีรีส์ความยาว 6 ตอน เล่าเรื่องราวของมรดกที่ไม่คาดคิด อันนำมาซึ่งคดีและความฝันที่ไม่คาดฝัน เมื่อได้รู้ว่าอาที่ไม่เคยพบกันตาย และสิทธิในการดูแลมรดกอย่างที่ดินสุสานของตระกูลตกมาเป็นของตน ชีวิตที่ดูเหมือนจะดีมีโชคลาภ แต่ไม่เลย เธอกลับได้เจอแต่โชคร้าย มีเหตุการตายเกิดขึ้นอยู่ตลอด

บทโดยรวมค่อนข้างน่ารำคาญสองตำรวจนักสืบที่ไม่ถูกกันจนส่งผลต่อการงาน เรื่องมันลึกลับ-ระทึกขวัญพอได้ เลยติดตามมาจนถึงบทเฉลยที่ชวนให้ฉงนใจอยู่นิดหน่อย กลายเป็นงานฆ่าเวลาไปซะอย่างนั้น

เรื่องย่อซีรีส์ ‘The Bequeathed‘

หลังการตายของผู้เป็นอาที่เธอไม่เคยรู้จัก ยุนซอฮา (Kim Hyun Joo/คิมฮยอนจู จากซีรีส์ ‘Hellbound’) ได้รับมรดกเป็นที่ดินสุสานของตระกูลโดยไม่ทันคาดคิด แต่ยุนซอฮากลับต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเหตุอันเป็นลางร้ายบางอย่าง เธอเพิ่งได้รู้ว่าตนเองมีน้องชายต่างมารดาอยู่คนหนึ่ง เขาคือ คิมยองโฮ (Ryu Kyung Soo/รยูคยองซู จากซีรีส์ ‘Tale of the Nine Tailed 1938’) ที่ดูเหมือนจะทำให้เธอตกอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดซะมากกว่า

อีกด้านหนึ่ง นักสืบชเวซองจุน (Park Hee Soon/พัคฮีซุน จากซีรีส์ ‘Moving’ และ ‘My Name’) ก็พบว่าเหตุบางอย่างที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านนั้นเกี่ยวข้องกับสุสานตระกูลของยุนซอฮา จึงได้ทำการสืบสวนหาความจริง

ภายในสถานีตำรวจ ชเวซองจุนเองก็ไม่ค่อยกินเส้นกับพัคซังมิน (Park Byung Eun/พัคบยองอึน จากหนังเรื่อง ‘Decibel’ และรายการวาไรตี้ ‘Unexpected Business in California’) ผู้มีตำแหน่งสูงกว่าแต่เป็นรุ่นน้อง แต่เขาเป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนที่ชเวซองจุนทำงานอยู่ และเพราะเหตุที่เกิดขึ้นในอดีต ทำให้หัวหน้ารู้สึกต่ำต้อยและอิจฉาในตัวชเวซองจุน

รีวิวซีรีส์ ‘มรดกอาถรรพ์’

เรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นด้วยการตายของชายชราคนหนึ่ง ส่งผลให้หญิงสาวอีกคนที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากทั้งในหน้าที่การงานและครอบครัว ยุนซอฮา ทำงานเป็นอาจารย์ผู้ช่วยที่ยังไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยสักที ขณะที่สามีก็แอบคบชู้ให้เธอรู้จนต้องจ้างนักสืบคอยตามติด แต่แล้วก็พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝันเมื่อได้รู้ว่าตนจะได้มรดกจากคุณอาที่ไม่เคยติดต่อกัน ไม่เท่านั้น มรดกยังเป็นที่ดินสุสานของตระกูล ที่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรได้ แต่ก็เป็นมรดกที่สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจ เมื่อมีชายหนุ่มท่าทางประหลาด ออกมาประกาศว่าตนเป็นน้องชายต่างมารดาของเธอ

ซีรีส์เรื่องนี้ เขียนบทขึ้นมาด้วยพล็อตเล็กพล็อตน้อยหลายสิ่ง ไม่ว่าเป็นเรื่องการพัฒนาที่ดิน ผู้ใหญ่บ้านที่มีเอี่ยวกับกลุ่มทุนที่ต้องการจะสร้างสนามกอล์ฟ ทุกคนดูจะดีใจที่อาของนางเอกตายไปซะที เพราะที่ดินสุสานเจ้าปัญหาอาจถูกขายให้กลุ่มทุนได้ในที่สุด

จากนั้น มันก็เล่าไปถึงครอบครัวที่ผัวคบชู้จนเมียต้องตามสืบ ตำรวจที่นับถือกันเป็นพี่น้องแต่ต้องผิดใจไม่ชอบหน้ากันของหัวหน้าพัคกับนักสืบชเว โดยใช้วิธีดำเนินเรื่องในแนวทางลึกลับ สืบสวนสอบสวน และระทึกขวัญ ไม่ต้องสรรหาเลิฟไลน์เพราะมันไม่มีให้ดูครับ

บทมีลูกล่อลูกชนอยู่บ้าง หนึ่งในนั้นคือท่าทางประหลาดเหมือนคนโรคจิตของคิมยองโฮ น้องชายต่างมารดาของนางเอก ลักษณะเพี้ยนกึ่งจิตๆ ของเขา ชวนให้สงสัยได้ตลอด แต่จะใช่เขารึเปล่านั่นก็อีกเรื่องนึง

ซีรีส์อาจจะเล่าเรื่องเชิงประชดประชันการทำงานของตำรวจ ตรงที่เมื่อตำรวจทำผิดพลาด คาดคิดเชื่อว่าใครคือฆาตกรหรือผู้ต้องสงสัย ก็จะปักใจเชื่อเต็มที่ ออกตรวจค้นบ้านจนเละเทะไปหมด แต่กลับไม่สามารถหาหลักฐานมามัดตัวเอาผิดได้เลย เพราะเขาไม่ได้ผิดจริงแต่คุณตำรวจรีบจัดและอยากได้ผลงานไง

มันเป็นซีรีส์ที่สามารถดูตามไปได้เรื่อยๆ เพราะเรื่องราวโดยรวมมันไม่ได้น่าสนใจและน่าติดตามขนาดนั้น ออกจะเป็นเรื่องน่ารำคาญด้วยซ้ำ ที่เห็นตำรวจสองคนผู้เคยคบหาเป็นพี่เป็นน้องมาตั้งนาน แต่ต้องมาผิดใจกัน ฝ่ายหนึ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจต่ออีกฝ่ายหนึ่ง รู้สึกสมเพชตัวเอง มองว่าต้อยต่ำด้อยค่า รู้สึกอิจฉาอีกฝ่าย ทำให้ต้องแยกกับสืบ แทนที่จะทำงานร่วมกัน ซึ่งจะได้ผลงานที่ดีกว่า

อีกส่วนก็คือ แม้จะรู้ว่าซีรีส์มันเล่าเรื่องดราม่าปัญหาครอบครัว แต่ก็กลับไม่ได้รู้สึกเศร้าสะเทือนใจอะไรไปด้วยเลย ไร้ความรู้สึกอินอย่างสิ้นเชิง

แล้วในที่สุด เรื่องราวที่ปิดบังมานานก็ถึงกาลต้องเฉลย ซึ่งเป็นอะไรที่เซอร์ไพรซ์กันพอประมาณ แต่ก็มาพร้อมกับข้อกังขาพาไม่เชื่อถือ แล้วก็พาไปถึงบทสรุปที่อาจพอคาดการณ์ได้อยู่แล้ว

โดยรวม มันจึงเป็นซีรีส์ที่พอดูได้ ไม่ถึงกับเป็นเรื่องที่น่าโดนเทอะไรขนาดนั้น แต่ขณะเดียวกัน ถ้ามองว่ามันเป็นผลงานของผู้ช่วยผู้กำกับที่มีดีกรีจากหนังดังอย่าง ‘ด่วนนรกซอมบี้คลั่ง’ ทั้งสองภาค ก็คงต้องบอกว่า มันออกจะทำให้รู้สึกไม่ได้เท่าที่หวังอยู่บ้าง…เท่านั้นเอง

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์