ยังคงยืนหยัดเช่นเดิมว่า เป็นผู้ชมซีรีส์จากเกม ‘The Last of Us 2’ หรือชื่อไทย ‘เดอะลาสต์ออฟอัส 2’ ที่ไม่เคยเล่นเกม ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางของแต่ละตัวละครเท่าไหร่นักก่อนเปิดเข้าไปดู จึงใช้วิธีไล่ดูอย่างช้า ๆ แล้วค่อยหาข้อมูลเสริมความเข้าใจแล้วก็กลับไปดูใหม่ในบางตอนอีกครั้ง เรื่องราวที่เล่าแบ่งเป็น 7 ตอนที่เรียกร้องผู้ชมให้จดจำซีซันแรกได้อย่างแม่นยำ
คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์จากเกมเรื่องนี้?
ซีซันสองของซีรีส์โลกที่ล่มสลายแห่งการยึดครองของเหล่าเชื้อรา เล่าเรื่องการเอาตัวรอดของมนุษย์ที่เหลือรอด เปลี่ยนมุมไปเล่าเรื่องการแก้แค้นแทนชายผู้เป็นเสมือนพ่อ การเดินทางทั้งภายในและภายนอกของตัวละครที่ต้องผ่านประสบการณ์มากมายทั้งดีร้ายเพื่อจะได้เติบโต เล่าเรื่องราวของสองตัวละครที่เริ่มรักกันและต้องเดินทางเข้าสู่ดงสงคราม คนดูจึงได้เจอทั้งซีรีส์ดิสโทเปีย ที่มีฉากแอ็คชัน การต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด ซีนดราม่าของการสูญเสีย
ก่อนจะนำไปสู่ซีนสุดท้ายที่ทำให้แทบกระอักเลือดเมื่อพบว่าต้องรอคอยเป็นแรมปี
เรื่องย่อซีรีส์ ‘The Last of Us 2’
หลังเหตุการณ์ในตอนท้ายของซีซันแรก โจลลงมือสังหารกลุ่มไฟร์ฟลาย พวกเขาถูกฝังอยู่ในหลุมศพ แต่มันก็ทำให้คนอีกกลุ่มโกรธแค้นและออกตามล่ามุ่งหมายฆ่าโจล คนกลุ่มนั้นก็คือ แอ๊บบี้ (Kaitlyn Dever จากหนังเรื่อง ‘No One Will Save You’) และผองเพื่อน
ห้าปีต่อมา ณ แจ็กสัน ไวโอมิง เมืองที่กำลังขยายตัวแต่ไม่ทันกับปริมาณผู้คนที่อพยพเข้ามา เอลลี่ (Bella Ramsey จากซีรีส์ ‘Game of Thrones’)กลายเป็นเด็กดื้อวัย 19 ปี ของโจล มิลเลอร์ (Pedro Pascal จากหนัง ‘Gladiator II’) คนที่เสมือนพ่อของเธอ แต่ในเวลานี้ เอลลี่ทำตัวเหินห่างและแสดงออกว่าโกรธโจล แต่ชอบงานลาดตระเวนกับอาทอมมี่ (Gabriel Luna จากซีรีส์ ‘Terminator: Dark Fate’) และชอบการต่อสู้กับพวกติดเชื้อ ทั้งยังใกล้ชิดสนิทสนมกับกับดีน่า (Isabela Merced จากหนัง ‘Alien: Romulus’) ที่เข้าใจโจลจนเหมือนเป็นลูกของเขาอีกคนนึง
ขณะที่โจลมีปัญหาถึงขั้นต้องบำบัดจิตกับ เกล นักจิตบำบัดที่เขาเป็นคนลงมือยิงสามีของเธอ ส่วนเอลลี่ก็ร่วมออกลาดตระเวนรอบเมืองและได้ปะทะกับพวกติดเชื้อ
แต่ปัญหาการรุกคืบของกลุ่มแอ็บบี้ไม่ใช่ปัญหาเดียวของชนชาวเมืองแจ็กสัน เพราะยังมีข่าวว่าพบกลุ่มพวกติดเชื้อคืบคลานเข้าใกล้เพิ่มมากขึ้น แถมฉลาดขึ้นอีกด้วย
รีวิวซีรีส์ ‘เดอะลาสต์ออฟอัส 2’
เหตุการณ์ในซีซัน 2 ของซีรีส์เรื่องนี้เล่าต่อเนื่องมาจากซีซันแรกในทันที และเล่าถึงแอ๊บบี้ หญิงสาวที่เคียดแค้นโจลเพราะเขาฆ่ากลุ่มไฟร์ฟลายคนสำคัญ อันเป็นเหตุเธอและแก๊งออกตามล่าโจล และในที่สุด พวกเขาก็ตามมาถึงเมืองแจ็กสัน ฐานที่มั่นที่แทบจะถาวรโดยมีโจลเป็นหนึ่งในผู้นำ ที่นั่นนอกจากจะมี เอลลี่ ที่โจลรักเสมือนลูกสาวคนหนึ่งแล้ว ก็ยังมีดีน่าที่ใกล้เคียงจะเป็นลูกสาวของเขาอีกคนด้วย มี ทอมมี่ น้องชายของโจลที่มีครอบครัวของตัวเอง แล้วก็ยังมีสภาเมือง ซึ่งพี่น้องคู่นี้ก็ร่วมอยู่ในนั้น
เมื่อแจ็กสันวิลล์ถึงคราวระส่ำ
แน่นอนว่า เมืองนี้ไม่ได้มีแต่ผู้ใหญ่ แต่มีกลุ่มวัยรุ่นอยู่ด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้ นอกจากจะมีเอลลี่และดีน่าแล้ว ก็ยังมีเจสซี่ (Young Mazino จากซีรีส์ ‘Beef’) หนุ่มหน้าตี๋ที่คอยช่วยลาดตระเวนเพื่อตรวจสอบการเข้ามารุกรานของพวกติดเชื้อ และก็เอลลี่นี่แหละที่ไฟแรง ชอบลงจากม้าเข้าไปฆ่าพวกมันด้วยตัวเองอยู่เรื่อยเลย
บทซีรีส์พาคนดูเซอร์ไพรส์อยู่หน่อย ๆ แต่แฟนเกมคงไม่แปลกใจเท่าไหร่ เมื่อโจลถูกแอ๊บบี้ฆ่าอย่างเลือดเย็น คนดูอาจรู้สึกบทพรากเอาตัวละครสำคัญไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ขณะที่เอลลี่ประกาศก้องว่า จะตามไปฆ่าพวกมัน ก็ทำให้เราได้มองเห็นว่าทิศทางของมันจะเปลี่ยนไปอย่างไร เมื่อจากนี้ จะไม่มีคู่สองพ่อลูกอีกแล้ว แต่จะเป็นการผจญภัยของสองสาว เอลลี่-ดีน่า ที่เริ่มพัฒนาความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งมากขึ้น
มันไม่ได้มีแต่เรื่องดราม่าระหว่างพ่อลูก แต่ยังมีฉากแอ็คชันชวนลุ้นระทึก เมื่อเมืองแจ็กสันต้องรับมือกับพวกติดเชื้อกลุ่มใหญ่จนเละเทะเสียหายหนัก ก่อนที่ผู้เขียนบทจะละสายตาจากแจ็คสันวิลล์ หันหน้าไปเฝ้ามองการเดินทางสู่ซีแอตเติลของสองสาวเพื่อแก้แค้นแทน
กองกำลัง WLF และพวกสการ์
คิดว่าคอเกมคงเข้าใจรายละเอียดตรงนี้ดีแหละ แต่สำหรับคนมาใหม่อาจต้องเรียนรู้เพิ่ม โลกในซีรีส์เรื่องนี้ พาเราย้อนกลับไปเล่าถึงช่วงแรกของล่มสลายเพราะเชื้อราระบาด เกิดการรวมเป็นกลุ่มใหญ่ๆ นอกเหนือจากกลุ่มกลุ่มทหารที่ดูแลประชาชนอย่าง Fedra แล้ว ก็ยังมีกลุ่มพลเรือน กลุ่มแรกคือ วอชิงตันลิเบอเรชันฟรอนต์ หรือ WLF หรือวูล์ฟ เป็นกองกำลังที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกับ Fedra แต่ WLF เป็นพวกหนีทหารที่ทนการกดขี่ไม่ไหว ต่อมาก็เกิดการสู้รบกันจนวูล์ฟเป็นฝ่ายชนะและยึดซีแอตเติลเป็นฐานที่มั่น
แต่ด้วยความที่องค์กรนี้มีสองผู้นำและนำกันคนละสาย สุดท้ายไม่พ้นต้องแตกคอกัน เมื่อไอแซคเป็นผู้นำกองกำลังวูล์ฟ ส่วนแอนนาเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ และพวกวูล์ฟเรียกคนอีกฝั่งแบบเหยียดๆ ว่า สการ์ ที่จริงพวกเขาเรียกตัวเองว่า เซราไฟต์ เชื่อในความเท่าเทียมและวิถีธรรมชาติ รวมทั้งไม่พึ่งพาเทคโนโลยี จนมีลักษณะคล้ายคนป่าที่ใช้แค่ธนู ต่อมามันก็ขยับขยายกลายเป็นศาสนาที่ผู้คนยินดีตายเพื่อปกป้องมัน ซึ่งทั้งหมดนี้ ในซีรีสืไม่ได้บอกเล่ากับเราแบบเต็มๆ นัก
แต่อย่างน้อย เราก็จะได้รู้ว่า ทั้งวูล์ฟและสการ์ เกลียดชังกันหนักหน่วงแต่ต่างก็หวาดกลัวซึ่งกัน โดยเฉพาะสการ์นั้นถึงขั้นคว้านท้องและแขวนศพประจานเลยทีเดียว สการ์เป็นพวกฝ่ายชายจะไว้ทรงสกินเฮ้ดและมีรอยกรีดที่แก้มทั้งสองข้าง ทั้งสองกลุ่มต่างก็ตั้งฐานที่มั่นอยู่ในซีแอตเติล ซึ่งเอลลี่และดีน่าก็ขี่ม้าไปตามล่าล้างแค้นแอ๊บบี้ที่ซีแอตเติลเช่นเดียวกัน
การแก้แค้นของเอลลี่ พาเธอไปอยู่ท่ามกลางดงสงคราม
ในซีซันนี้ เราจะได้พบว่า เรื่องราวค่อนข้างโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ของสองสาวที่มีรสนิยมทางเพศแตกต่างกัน เอลลี่นั้นเป็นหญิงรักหญิง แต่ดีน่านั้นเป็นไบ เธอเคยคบหากับเจสซี่มาก่อน ก่อนที่การเดินทางไปล้างแค้นแบบสองต่อสองจะพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองคนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยที่เอลลี่ปิดบังว่าตนเองมีภูมิคุ้มกันพวกติดเชื้อมาโดยตลอด
ที่ซีแอตเติลนั้น ไม่ใช่เพียงพื้นที่ที่สองกลุ่มกำลังสู้รบทำสงครามกันอยู่เท่านั้น แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้ติดเชื้อที่ซ่อนตัวอยู่ด้วย แถมยังมีบางพวกที่ฉลาด เจ้าเล่ห์ รู้จักซ่อนตัว และว่องไว การแก้แค้นของเอลลี่จึงเต็มไปด้วยอันตราย เรื่องราวในระหว่างจึงแทรกด้วยการหนีและเอาตัวให้รอดพวกติดเชื้อสลับกับการไล่ล่าแอ๊บบี้
ซีซันก่อน ผู้ชมได้เห็นการเดินทางด้วยกันของสองพ่อลูกเสมือน แต่ซีซันสองนี้ จะเป็นการผจญภัยไปด้วยกันของสองสาวที่ต้องการแก้แค้นให้กับการตายของโจล เรื่องราวในซีซันนี้ เราจะได้เห็นภาพลักษณ์ของเอลลี่ที่แข็งกระด้างขึ้นมากหลังพบเจอเหตุการณ์บางอย่าง ด้วยประสบการณ์ชีวิตของเธอ ผลักดันให้เธอมีพฤติกรรมและความคิดที่แตกต่างออกไป เธอเหมือนคนที่ทำอะไรตามอารมณ์ มองเห็นคนที่ถูกทำร้ายและเธอต้องเข้าไปช่วยเหลือ เธอจำเป็นต้องเลือกว่าจะกลายเป็นตัวร้ายหรือจะกลายเป็นคนที่ดีขึ้น
ในเรื่อง คนดูจะได้รู้จักกับตัวละครอย่างเจสซี่ที่ทีแรกเหมือนจะไม่สำคัญอะไรมากนัก แต่บทของเขาก็น่าจะช่วยสอนใจให้เอลลี่ได้เห็นอีกมุมที่แตกต่างอย่างการให้อภัยคนที่ทำผิดพลาด หลังจากเดินตามโจลผู้พ่อที่มักใช้ความรุนแรง มีนิสัยเห็นแก่ตัว และมองหาเหตุผลให้กับการกระทำของตนเองอยู่เสมอ เจสซี่อาจเป็นคนที่ทำให้เอลลี่เป็นเอลลี่ที่ดีขึ้น
ขับเน้นดราม่าความสัมพันธ์ระหว่างโจลและเอลลี่ได้ดี
เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์แบบพ่อ-ลูกของโจลกับเอลลี่ ราวกับคนเขียนบทจะเข้าใจคนดูอย่างเราอยู่พอสมควร บทเลือกใช้กีตาร์มาเป็นสิ่งอธิบายความผูกพัน โจลเคยเอากีตาร์ของเอลลี่ไปขัดสีและเล่นอยู่หน้าบ้าน ก่อนที่เขาจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ และก่อนที่ต่อมา เราจะได้เห็นฝีมือการร้องและเล่นกีตาร์ของเอลลี่ ดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาของดีน่าคงช่วยตอบแทนความรู้สึกของเราได้อย่างดี
เราจะได้เห็นเอลลี่อยู่กับดนตรีบ่อยครั้ง ทั้งการหยิบกีตาร์ตัวเก่าที่บังเอิญเจอขึ้นมาเล่น ทั้งการหลบซ่อนตัวอยู่ในโรงละคร แค่ยืนมองกีตาร์ที่ตั้งอยู่ก็ทำให้คนดูครุ่นคิดไปถึงโจลผู้ล่วงลับซะแล้ว นับประสาอะไรกับตัวละครที่ใกล้ชิดและสูญเสียเขาไปละนั่น
บางช่วงบางตอน ซีรีส์ก็ย้อนกลับไปเล่าอดีต โดยเฉพาะสาเหตุของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกที่แปรเปลี่ยนเป็นเหินห่างและหมางเมิน
ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกที่ถูกบอกเล่าอย่างทรงพลังและทำให้มองเห็นว่าทั้งสองผูกพันกันมากขนาดไหน ไหนจะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกีตาร์ เกี่ยวกับศิลปินโปรดอย่างวง a-ha เกี่ยวกับไดโนเสาร์ และการเดินทางในอวกาศ ของขวัญวันเกิดที่จะอยู่ในใจของเอลลี่ไปตลอดชีวิตของเธอ โจลที่ได้เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความรักดนตรีลงไปในตัวลูกที่ไม่ได้เป็นสายเลือดของตนเอง จนรู้สึกว่า พ่อลูกคู่นี้ควรจะมีความสัมพันธ์ที่ดีสิ แต่ทำไมดูลูกสาวจึงทำตัวหมางเมินและแลดูเกลียดชังห่างเหินกับผู้เป็นพ่อซะเหลือเกิน
ซีรีส์อุทิศให้หนึ่งตอน เพื่อบอกเล่าความบาดหมางในใจระหว่างสองพ่อลูก เป็นหนึ่งตอนที่ทำให้เราหายข้องใจว่า เหตุใดพวกเขาจึงทำตัวเช่นนั้นมาตั้งแต่ตอนแรกของซีซัน 2 มันทำให้เรามองเห็นว่า ต่อให้พ่อเป็นผู้นำที่มีคนนับถือและสำนึกบุญคุณมากมาย แต่สุดท้าย เขาก็แค่พ่อที่ไม่อาจทำให้ลูกสาวไว้เนื้อเชื่อใจ
นอกจากนี้ มันยังสำรวจไปถึงจิตใจของเอลลี่ ภาพวาดรูปผีเสื้อกลางคืนที่อยู่ในห้อง มันอาจหมายถึง ความฝัน การเปลี่ยนแปลงและการเติบโต แต่หญิงอีกคนบอกว่ามันหมายถึง ความตาย อีกส่วนมันยังพาไปสำเร็จเรื่องรสนิยมทางเพศที่อาจแตกต่างจากมุมมองดั้งเดิมของคนในสังคม เปิดให้มีตัวละครที่รักเพศเดียวกัน ขณะที่บางคนก็รักได้มากกว่าหนึ่งเพศ บทของซีรีส์ความรู้สึกของพ่อและคนอื่นที่มีต่อคนเหล่านั้น รวมไปถึงการเดินทางที่ทำให้พวกเขารู้จักตนเอง
สุดท้าย ซีรีส์ซีซันนี้ก็จบลงอย่างค้างคาชนิดที่ว่า เหมือนปล่อยผู้ชมให้เคว้งคว้างและต้องรอคอยไปอีกราว 2 ปีกว่าจะได้พบกับคำตอบ
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | The Last of Us 2 / เดอะลาสต์ออฟอัส 2 |
ผู้สร้าง | Neil Druckmann, Craig Mazin |
ผู้กำกับ | Neil Druckmann, Peter Hoar, Craig Mazin, Kate Herron, Nina Lopez-Corrado, Mark Mylod, Stephen Williams |
ผู้เขียนบท | Neil Druckmann, Craig Mazin, Halley Wegryn Gross |
นักแสดง | Bella Ramsey, Pedro Pascal, Gabriel Luna, Isabela Merced, Young Mazino, Kaitlyn Dever |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, ดราม่า, สยองขวัญ, ไซไฟ, ระทึกขวัญ |
จำนวนตอน | ซีซัน 2: 7 ตอน |
ช่องทางรับชม | HBO Max |
เริ่มออกอากาศ | 13 เมษายน – 25 พฤษภาคม 2025 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Canadian Film or Video Production Tax Credit (CPTC), Government of Alberta, Naughty Dog |