รีวิวหนัง No One Will Save You | ระทึกถูกเอเลี่ยนไล่ล่าในบ้านตัวเอง

บางครั้ง หนังที่สนุกๆ ก็ซ่อนอยู่ในบริการที่เราใช้งานอยู่ทุกวัน และหลายครั้งเช่นกันที่นายแพทดูแล้วก็ไม่ได้หยิบมาเขียนถึง จะด้วยเวลามีไม่พอจะเขียน หรืออะไรก็แล้วแต่ ทว่า สำหรับคราวนี้ มีความตั้งใจว่าจะไม่ยอมพลาดที่จะเขียนถึง ‘No One Will Save You’ หนังแนวระทึกขวัญที่สนุกดี และน่าจะได้ฉายโรงเสียด้วยซ้ำ

มันเป็นผลงานการเขียนบทและกำกับของ Brian Duffield/ไบรอัน ดัฟฟิลด์ เขาคือคนที่เขียนบทหนังเน็ตฟลิกซ์อย่าง ‘Love and Monsters’ และ ‘The Babysitter’ รวมทั้งยังเคยเขียนบทหนังดังอย่าง ‘The Divergent Series: Insurgent’ ด้วย แต่ถ้าพูดถึงในกระบวนการกำกับ ก็มีเพียง ‘Spontaneous’ และนี่คือผลงานการกำกับอีกเรื่องหนึ่งของเขา

หนังเรื่องนี้เริ่มสตรีมในบริการของ Disney+ Hotstar ตั้งแต่ 22 กันยาที่ผ่านมา และเมื่อเห็นว่าน่าสนใจจึงขอหยิบยกมาเขียนรีวิวถึงในวันนี้

เรื่องย่อหนัง ‘No One Will Save You’

บรินน์ (Kaitlyn Dever จากหนังเรื่อง ‘Rosaline’, ‘Dear Evan Hansen’ และซีรีส์เรื่อง ‘Dopesick’) หญิงสาวที่อยู่อาศัยในบ้านหลังโตแต่เพียงผู้เดียว เธอไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใครอาจจะเพราะเรื่องบางอย่างในอดีต ชีวิตที่ดูเหมือนจะสุขสบาย ชิลๆ อยู่กับงานอดิเรกอย่างการสะสมบ้านจิ๋ว กลับสะดุดกึกลงในค่ำคืนหนึ่ง

เมื่อเธอตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วพบว่า มีสิ่งมีชีวิตแปลกปลอมภายในบ้าน ก่อนจะพบว่านั่นเป็นมนุษย์ต่างดาว ที่กำลังต้องการบางสิ่งบางอย่างจากเธอ จากนั้น หนทางแห่งการเอาตัวรอดก็เริ่มต้นขึ้น

รีวิวหนัง ‘No One Will Save You’

ในช่วงที่เรื่องราวของมนุษย์ต่างดาวและ UFO กำลังอยู่ในความสนใจของผู้คน หนังเรื่องนี้ก็เข้ามาอยู่ในความสนใจของเรา อย่างที่เห็นว่าเรื่องย่อมันสั้นมาก เล่าให้ยาวกว่านี้ก็คงไม่ได้ อีกทั้งเรื่องราวก็แทบจะเดินไปด้วยตัวละครตัวเดียว จึงแทบจะเล่าอย่างอื่นในเรื่องไม่ได้นอกจากความรู้สึกและสิ่งที่จะได้พบในหนังเท่านั้น

เริ่มแรกเลย ตัวนางเอกของเรื่อง เล่นโดย Kaitlyn Dever นักแสดงสาวที่หน้าตาน่ารักมากแต่พูดได้ว่า แทบไม่เคยได้พบกับเธอในโรงภาพยนตร์มาก่อนเลย หลายเรื่องเป็นหนังที่นอกกระแส มีบางเรื่องที่เคยผ่านตามาบ้างอย่างเช่น ‘Men, Women & Children’ กับ ‘Beautiful Boy’ ก็ต้องขวนขวายหาดูเอาเอง บางเรื่องที่พอจะเข้าไทยบ้างก็น่าจะเป็น ‘Bad Teacher’ และ ‘J. Edgar’ เรียกได้ว่า เธอไม่ใช่นางเอกดังแต่ก็มีงานออกมาไม่ขาดสายเลยล่ะครับ

และสำหรับหนังเรื่องนี้ อาจดูภายนอกเหมือนแค่หนังเอเลี่ยนเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อเปิดเข้ามาดูจริงๆ ก็กลับพบว่า ไอเดียของมันช่างแปลกใหม่ดีเหลือเกิน เป็นหนังเอาตัวรอดคนเดียวที่สิ่งคุกคามเป็นเอเลี่ยน

สิ่งที่เราพอจะรู้จักบรินน์ นางเอกของเรื่องบ้าง ก็คงจะเป็นการที่เธอมักจะไปเยี่ยมและคุยกับหลุมศพแม่ กลับมาก็เขียนจดหมายถึงเพื่อนที่ชื่อ ม้อด คอลลินส์ (Dari Lynn Griffin) โดยที่เราไม่รู้ว่าเธอมีตัวตนจริงๆ หรือเปล่า วันๆ สั่งซื้อและสะสมบ้านจิ๋ว ชีวิตประจำวันดูจะมีความสุขกับการอยู่คนเดียว ก่อนที่คนดูจะเริ่มสัญญาณประหลาดเกิดขึ้นในสนามหญ้า

แล้วในคืนนี้ เหตุการณ์สุดประหลาดก็เกิดขึ้น ปลุกให้เธอตื่นขึ้นมา เพื่อพบว่ามีคนแปลกหน้าบุกรุกบ้าน ซึ่งเธอก็รู้ในเวลาต่อมาว่า มันคือเอเลี่ยน แน่นอนว่า ไม่มีใครจะช่วยเหลือเธอได้เพราะเธอไม่เหลือใครที่จะมาช่วยอีกแล้ว ตามชื่อเรื่องเป๊ะๆ ทั้งหมดเธอจึงมีแต่การเล่นซ่อนหา และต้องพึ่งพาตนเองให้รอดชีวิตจากการคุกคามแบบแปลกๆ ของพวกมัน

ผู้ชมจะได้ระทึกไปพร้อมกับบรินน์ ว่าพวกมันมาไม้ไหน จะจัดการกับเธออย่างไรต่อ หนังตัดต่ออย่างมีชั้นเชิง ใช้ดนตรีประกอบส่งเสริมอารมณ์สุดๆ กับเรื่องราวที่เกินจะคาดเดา เซอร์ไพรส์คนดูไปเรื่อย และด้วยความที่เป็นตัวละครตัวเดียวที่ต้องเอาตัวรอดอยู่คนเดียว ทำให้หนังแทบจะไร้บทพูด แถมไม่มีใครที่จะอยู่กับเธอ มีเพียงคนดูเท่านั้นที่ลุ้นเอาใจช่วย (แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น) จนแทบจะกลั้นหายใจร่วมไปกับตัวละคร ไม่ต่างกับหนัง ‘Don’t Breath’ หรือ ‘A Quiet Place’ เลยเชียวแหละ

อีกส่วนก็คงจะเป็นไอเดียของการดีไซน์มนุษย์ต่างดาว แม้จะใช้โครงร่างเหมือนกับภาพของเอเลี่ยนที่คุ้นเคยและเป็นภาพจำ แต่เขาก็แต่งเติมสร้างความแตกต่างเพิ่มเข้ามา ทำให้เอเลี่ยนมีหลายดีไซน์ แถมยังมีพลังจิตอีกต่างหาก

และเมื่อหนังดำเนินไปถึงช่วงสุดท้าย อาจเป็นอีกช่วงที่หนังเปิดพื้นที่ให้คนดูต้องตีความเอาเองว่าตัว บรินน์ได้พบเจอกับอะไร และผลของมันลงเอยอย่างไร มันอาจจะไม่ได้ยากเย็นจนเกินไปนัก แม้มันจะดูเป็นปลายเปิด แต่ก็พอจะอนุมานได้ว่า หนังต้องการบอกเล่าถึงปมที่อยู่ในใจของเรา ไม่มีใครจะแก้ไขมันได้นอกจากเราเอง อยู่ที่จะกล้าออกไปเผชิญกับมันหรือไม่..ก็เท่านั้น

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง