รีวิวซีรีส์ Vigilante | วิจิลันเต้ ศาลเตี้ย ที่สื่อยกให้เป็นฮีโร่

เราอาจพบว่า ซีรีส์เกาหลีช่วงหลังๆ มานี่ มักจะดัดแปลงสร้างจะเว็บตูนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะ พล็อตและเนื้อหาของเว็บตูนเกาหลีค่อนข้างมีไอเดียที่น่าสนใจ แปลกใหม่ และได้รับความนิยม ‘Vigilante’ ก็เป็นหนึ่งในนั้น เรื่องราวก็สะท้อนปัญหาและตั้งคำถามต่อสังคม เรื่องของการลงโทษผู้ก่ออาชญากรรมทั้งหลายที่ไม่ค่อยสาสมกันสักเท่าไหร่ ด้วยการที่ตัวนำออกมาเป็นอาชญากรซะเองนี่แหละ

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

มันคือซีรีส์เกาหลีแนวสะท้อนสังคมอีกเรื่องหนึ่ง ที่กระทุ้งถามถึงการบังคับใช้กฎหมายกับเหล่าอาชญากรทั้งหลายว่าเพียงพอหรือสาสมกับความผิดหรือยัง ถ้ามันเพียงพอแล้ว ทำไมจึงมีคนมากมายคับข้องใจกับการตัดสินโทษอยู่ โดยจินตนาการว่าถ้าเกิดคนที่กำลังจะเป็นตำรวจออกมาก่ออาชญากรรมและอ้างว่าตนคือผู้พิพากษาความผิดซะเอง จะเกิดอะไรกับสังคมนี้ได้บ้าง

กับซีรีส์ที่มีความยาว 8 ตอน แม้จะไม่ถึงกับลุ้นมัน แต่ก็เดินเรื่องได้กระชับดีพอสมควร

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Vigilante’

คิมจียง (Nam Joo Hyuk/นัมจูฮยอก จากซีรีส์เรื่อง ‘Start-up’ และ ‘Twenty Five Twenty One’) นักเรียนมหาวิทยาลัยตำรวจผู้มีปมในอดีต แม่ของเขาถูกอันธพาลฆ่าตายอย่างไร้เหตุผล แต่คนร้ายกลับถูกศาลตัดสินให้จำคุกเพียง 3 ปี 6 เดือน และทุกวันวันนี้ เขายังคงพบเห็นว่าฆาตกรรายนั้นยังใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ทำให้เขาเลือกจะจัดการอย่างเหี้ยมโหดด้วยตัวเอง

แล้วชีวิตของคิมจียงก็เริ่มจะเปลี่ยนไป เขากลายเป็นคน 2 ชีวิต วันธรรมดา เขาใช้ชีวิตเป็นนักเรียนตำรวจ แต่สุดสัปดาห์ เขาจะออกไปลงทัณฑ์อาชญากรที่ไม่ได้รับการตัดสินโทษเท่าเทียมกับความผิดที่ควรได้รับ ในที่สุด ก็มีสื่อทีวีที่มองเห็นรูปแบบของเขา เรียกเขาว่า ‘วิจิลันเต้’ ก่อนที่จะมีโจคังอ๊ก (Lee Joon Hyuk/อีจุนฮยอก จากซีรีส์เรื่อง ‘Our Beloved Summer’ และหนังเรื่อง ‘The Roundup: No Way Out’) รองประธานดีเคกรุ๊ปคอยให้การช่วยเหลือ

ชเวมีรยอ (Kim So Jin/คิมโซจิน จากซีรีส์เรื่อง ‘Through the Darkness’ และหนังเรื่อง ‘Escape from Mogadishu’) คือนักข่าวของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งที่ติดตามวิจิลันเต้มาโดยตลอด รายการที่เธอเป็นพีดีนั้นโด่งดังเพราะการหันมาติดตามจับตา หนุนหลัง ทั้งพยายามชี้เป้า จนทำให้ตำรวจเองก็ต้องขยับตัว โดยมี โจฮอน (Yoo Ji Tae/ยูจีแท จากซีรีส์เรื่อง ‘Money Heist: Korea – Joint Economic Area’) นายตำรวจร่างสูงใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าทีมในหน่วยภูมิภาคที่ดูแลคดีนี้ คอยตามไล่ล่าตัววิจิลันเต้อยู่

รีวิวซีรีส์ ‘Vigilante’

จะว่าไป นี่ก็เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่สนใจในเรื่องการใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่ลงโทษผู้กระทำผิดที่เบาเกินกว่าที่ควรจะเป็น หลายคนโทษว่ากฎหมายมันอ่อนแอ ศาลตัดสินลงโทษอาชญากรราวกับมดกัด อ้างโน่นอ้างนี่จนเหลือโทษเพียงน้อยนิด และไม่นานก็ปล่อยเขากลับมาทำร้ายสังคมใหม่ เลยทำให้มีคนทำตัวเป็นศาล(เตี้ย) คอยผดุงความยุติธรรมด้วยการออกไปลงทัณฑ์อาชญากรเหล่านั้นซะเอง

เมื่อตำรวจก่ออาชญากรรมซะเอง

แม้มันจะเป็นการใช้ความรุนแรงจัดการกับความรุนแรง ก่ออาชญากรรมเพื่อหยุดยั้งอาชญากรรม แต่ก็มีหลายเสียงที่ออกมาบอกว่าเห็นด้วย ถึงขนาดตั้งชื่อเล่นให้เลย แต่แน่นอนว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองย่อมทนเห็นสิ่งนี้ไม่ได้ เพราะมันเหมือนการตบหน้า จึงต้องควานหาว่าใครกันแน่ที่เป็น ‘วิจิลันเต้’

และถ้าคนที่ลุกขึ้นมาก่อเหตุเช่นนั้นเป็นตำรวจซะเองล่ะ พวกเขาจะว่าไง อ่า… ที่จริงก็ยังไม่ถึงกับเป็นตำรวจหรอกนะ แต่ก็เป็นนักเรียนตำรวจนั่นแหละ

คิมจียง พระเอกของเรา เคยมีแม่ที่ถูกฆ่าแต่ฆาตกรได้รับโทษทัณฑ์อันน้อยนิด ความคับแค้นสร้างแรงจูงใจได้ประมาณหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อรวมกับที่เขาเป็นนักเรียนตำรวจได้รับความไว้วางใจให้คอยช่วยเหลืออาจารย์ อีจุนยอบ (Kwon Hae Hyo/ควอนแฮฮโย จากหนังเรื่อง ‘Peninsula’) ในการพัฒนาแอปรวบรวมข้อมูล ทำให้เขาสามารถเข้าถึงข้อมูลคดีต่างๆ ได้ จึงใช้มันเพื่อสืบสาวหาตัวอาชญากร และด้วยเพราะรู้ถึงวิธีการสืบสวนของตำรวจ เขาจึงสามารถจัดการฆ่าโดยกลบร่องรอยทิ้งอย่างแนบเนียน

เล่าเรื่องสื่อ ที่ชี้นำวิจิลันเต้ซะเอง

บทซีรีส์สนใจเล่าเรื่องสื่อผู้ชอบเล่นกับกระแสที่มองว่าคนจะสนใจ เมื่อมองเห็นคดีอาชญากรรมที่มีรูปแบบ สนใจฆ่าแต่อาชญากรที่ยังลอยนวล ก็ออกโรงตั้งชื่อให้ แถมชี้เป้าให้อีกต่างหากด้วยการเปิดเผยชื่อและใบหน้าของอาชญากรให้เห็นกันจะๆ เห็นได้ชัดว่า นอกจากต้องการเรทติ้งแล้ว ยังต้องการจะควบคุมวิจิลันเต้ด้วยการวางกับดักล่อหลอกให้เขาออกมาจัดการเป้าหมาย

เช่นกัน เมื่อพฤติกรรมนั้นกลายเป็นที่สนใจของสังคม ก็จะมีคนเลียนแบบ สักพักก็เกิดมีพวกก่อเหตุเลียนแบบวิจิลันเต้กันขึ้น ทำให้นึกไปถึง ‘The Killing Vote’ ขึ้นมาทันที สองเรื่องนี้ เล่าประเด็นที่ใกล้เคียงกัน แต่เรื่องนี้ ซีรีส์ก็เล่าใส่เพิ่มเข้าไปอีกว่า เมื่อสิ่งใดเป็นที่นิยม แม้แต่สื่อก็ยังมีการตัดหน้ากันเอง

ตัวละครสำคัญ – แฟนคลับตัวยง กับ ตำรวจร่างใหญ่

เท่านั้นก็ไม่พอหรอก เมื่อพฤติกรรมของวิจิลันเต้กลายเป็นกระแสสังคม เกิดมีทั้งสื่อที่เล่นข่าวเชิงหนุนหลัง ก็ย่อมเลยเถิดไปถึงมีองค์กรธุรกิจที่เห็นดีเห็นงามด้วยออกตัวซัพพอร์ตบ้าง มีคนที่เห็นด้วยกับการเก็บกวาดอาชญากรที่กฎหมายไม่เอาผิด ดีเคกรุ๊ป ที่เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ของสำนักข่าวก็ออกมาปกป้องวิจิลันเต้ รองประธานที่เป็นถึงแฟนคลับ มีทั้งเทคโนโลยี มีทั้งคนคอยช่วยเคลียร์ทาง วิจิลันเต้จึงเริ่มจะกลายเป็นอาชญากรที่เกินควบคุม

แต่ในวงการตำรวจก็มีพวกที่น่ากลัวอยู่ในนั้นเช่นกัน ซีรีส์เรื่องนี้ให้แสงกับนายตำรวจหนุ่มร่างใหญ่ที่มาดไม่เหมือนตำรวจ แต่เหมือนนักเลงมากกว่า เขามีความสามารถในการต่อสู้ระดับสูง เจอแก๊งอาชญากรนี่ซัดไม่เลี้ยงกันเลย นอกเหนือจากฝีมือและพละกำลังแล้ว สัญชาตญาณยังเป็นเลิศ เมื่อมองออกว่า คนไหนคือวิจิลันเต้ตัวจริง มองว่าเป้าหมายล่วงรู้แนวทางการสืบสวนของตำรวจ เป็นไปได้ว่าอาจเป็นตำรวจ ซึ่งก็ทำให้พระเอกของเราสุ่มเสี่ยงจะโดนจับได้อยู่ไม่น้อย

สรุป

เป็นซีรีส์ที่ความยาวไม่มาก 8 ตอนเท่านั้นเอง ออนแอร์ 1 เดือนก็จบเรื่องได้แล้ว เรื่องราวจึงเดินไปอย่างกระชับ แม้พล็อตจะยังไม่ค่อยใหม่นัก แต่เรื่องนี้ตัวละครที่หันมาทำหน้าที่พิพากษาความผิดของอาชญากรกลับเป็น(ว่าที่)ตำรวจซะเอง แต่ละตอนจะมีประเด็นใหม่ ตัวละครใหม่ ใส่เข้ามาเพิ่มตลอดๆ ทั้งยังพยายามชักชวนให้เรารู้สึกสงสัยในตัวเพื่อนรูมเมทของพระเอกด้วยว่า เขามีอะไรเกี่ยวข้องกับบางเหตุการณ์ด้วยหรือเปล่า บทก็ตั้งคำถามถึงกฎหมายที่อ่อน กระบวนการเอาผิดที่ใส่ใจผู้ต้องหามากกว่าเหยื่อ รวมทั้งมีข้อแก่ต่างให้สามารถผ่อนปรนโทษได้อีก ก็ต้องติดตามดูกันว่า สุดท้ายแล้ว ตำรวจหนุ่มคนนี้จะลงเอยอย่างไร และผลสะท้อนของเหตุการณ์ทั้งหมดจะนำพาให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อสังคม

อีกอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ คือเราจะได้เห็นนัมจูฮยอกเล่นบาสเกตบอล กีฬาที่เขาเคยเล่นและเกือบจะเป็นตัวนักกีฬาของโรงเรียนด้วยนะครับนั่น

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์