
การทำ SEO เป็นอีกหนึ่งการโปรโมทธุรกิจบนช่องทางออนไลน์ หรือ การทำการตลาดออนไลน์ ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพสูง ในการทำให้ธุรกิจของคุณมีตัวตนบนโลกออนไลน์ ภายใต้การลงทุนที่ไม่สูงนักเมื่อเทียบกับการทำตลาดออนไลน์วิธีอื่น ส่วนมากการทำ SEO มักอยู่ในโหมดการตลาดออนไลน์ฟรี เพราะไม่ต้องใช้เงินยิงแอดโฆษณาเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่อาศัยวิธีการและเทคนิคต่างๆ เพื่อให้เกิดการค้นหาและพบเจอในที่สุด
การทำ SEO คืออะไร และมีข้อดีอย่างไร
ก่อนจะไปถึงการตอบคำถามว่าทำ SEO ใช้เวลาเท่าไรถึงจะเห็นผล ไปดูก่อนว่าการทำ SEO คืออะไร เพราะหลายคนอาจยังไม่รู้แน่ชัดถึงความหมาย และบางคนก็อาจเคยได้ยินผ่านๆ แต่ยังไม่เข้าใจนัก ดังนั้นมาดูกันว่าการทำ SEO คืออะไรกันก่อน
การทำ SEO เป็นการตลาดออนไลน์วิธีการหนึ่ง อาศัยการผลิตเนื้อหาที่มีจุดประสงค์สำคัญคือ “ทำให้คน Search บนเว็บ Search Engine (เช่น Google, Yahoo, bring เป็นต้น) ซึ่งการทำให้ค้นเจอได้นั้น
จะอาศัย Keyword ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเนื้อหานั้น และเป็นคำค้นหายอดนิยมที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายค้นหาแล้วเจอในที่สุด
เทคนิคการทำ SEO คืออะไร?
การทำ SEO ต้องอาศัยเทคนิค เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย โดยก่อนอื่นเลยต้องคาดเดาก่อนว่ากลุ่มเป้าหมาย มักจะค้นหาคำว่าอะไรบนอินเทอร์เน็ต จากนั้นกำหนดคำดังกล่าวให้เป็น Keyword ของบทความ ซึ่ง Keyword นั้นจะพากลุ่มเป้าหมายมายังเนื้อหาของเราได้
โดยหลังจากกำหนด Keyword แล้ว ในการสร้างสรรค์เนื้อหาหรือในการเขียนบทความ SEO จะต้องนำ Keyword ไปเขียนในตำแหน่งต่างๆ ในบทความ ซึ่งจะต้องอาศัยเทคนิคตามหลักการ เพื่อให้เว็บ Search Engine ให้คะแนนบทความจนติดอันดับหน้าแรกๆ และทำให้กลุ่มเป้าหมาย Search เจอได้สำเร็จ
เทคนิคการทำ SEO เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาจริงจัง หากต้องการให้บทความ SEO มีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีรายละเอียดมากมายประกอบอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นการวางให้ครบทุกพารากราฟ การละเว้น Keyword ที่ซ้ำซ้อนเกินไป การกระจาย Keyword ให้ทั่วถึง หรือแม้แต่การกำหนดจำนวน Keyword ในหนึ่งบทความ ตามอัตราส่วนที่เหมาะสม เป็นต้น
ข้อดีของการทำ SEO
ข้อดีที่สำคัญที่สุดในการทำ SEO คือ “ไม่มีค่าใช้จ่าย” เนื่องจากการทำให้กลุ่มเป้าหมายมาเจอเนื้อหา เป็นวิธีการ Organic ที่ไม่ต้องใช้เงินในการยิงแอดโฆษณา หากเปรียบเทียบกับการตลาดอื่นๆ ที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายมาเจอเนื้อหา ส่วนมากต้องใช้เงิน อย่างการยิงแอดโฆษณา Facebook Instagram Tiktok เป็นต้น ที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายมาเจอเนื้อหาจะต้องใช้เงินในการซื้อโฆษณา แต่การทำ SEO ไม่ต้องใช้เงิน เพียงแต่ต้องอาศัยเทคนิคในการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพก็พอ
ข้อเสียของการทำ SEO
เนื่องจากการทำ SEO เป็นการทำให้กลุ่มเป้าหมายมาเจอเนื้อหาด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่ใช้เงินหรือเป็นวิธีการที่ฟรีนั่นเอง จึงมีข้อเสียบางอย่างคือเรื่องของเวลา การจะทำให้กลุ่มเป้าหมายมาเจอได้นั้น จะต้องสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีการใช้ Keyword ที่เหมาะสม เพื่อให้เว็บ Search Engine ให้คะแนนเนื้อหานั้นสูงๆ จนกระทั่งติดอันดับอยู่หน้าแรกๆ เมื่อเนื้อหาถูกค้นเจอในหน้าแรกๆ ของเว็บ Search Engine แล้ว ก็จะมีโอกาสสูงขึ้นที่กลุ่มเป้าหมายจะมาเจอเนื้อหานั้น
แต่การที่เว็บ Search Engine จะให้คะแนนเนื้อหา จนกระทั่งติดอันดับอยู่หน้าแรกๆ ได้นั้นจะต้องอาศัยเวลา แตกต่างกันกับวิธีการใช้เงินอย่างพวกยิงแอด ที่เนื้อหาโฆษณาจะปรากฏแก่กลุ่มเป้าหมายได้ภายในเวลาเพียง 1 วันเท่านั้น หลังจากที่มีการเผยแพร่เนื้อหาออกไปและจ่ายเงินซื้อโฆษณา แต่สำหรับการทำ SEO จะใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน จึงจะเห็นว่าเนื้อหานั้นติดอันดับอยู่หน้าแรกๆ นั่นจึงกลายเป็นข้อเสียหลักๆ ของการทำ SEO
สรุปการทำ SEO ใช้เวลาเท่าไรในการเห็นผล
จากที่กล่าวไปในข้างต้น การทำ SEO จะเห็นผลหลังทำไปแล้วประมาณ 6-12 เดือน และการจะติดหน้าแรกได้นั้นจะต้องเป็นเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่ได้แปลว่าหลังทำเนื้อหาไปแล้ว 6-12 เดือน จะต้องติดหน้าแรกแน่ๆ แต่หลังจากนั้น 6-12 เดือน จะแสดงให้เห็นเลยว่าเนื้อหานั้นมีประสิทธิภาพแค่ไหน หากผ่านไปแล้ว 6-12 เดือน เนื้อหายังไม่ติดหน้าแรกๆ ก็หมายความว่าหลังจากนั้นเนื้อหาดังกล่าวก็คงจะไม่ติดหน้าที่สูงกว่านั้นได้อีกแล้ว ตีความได้ว่าเนื้อหานั้นไม่มีประสิทธิภาพมากพอจากการทำ SEO
ทำไมถึงยังต้องทำ SEO?
เนื่องจากการทำ SEO ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล จึงมีคำถามต่อมาว่า แล้วทำไมยังต้องทำ SEO ดังนั้นต้องอธิบายให้เข้าใจว่า การทำ SEO เป็นสิ่งที่สำคัญแม้ว่าจะใช้เวลานานก็ตาม อย่างแรกเลยเหตุผลที่ควรทำ SEO คือไม่มีค่าใช้จ่ายหรือฟรี เพราะไม่ต้องยิงแอดเลย แต่ถ้าทำ SEO ดีๆ ก็เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ โดยไม่ต้องใช้เงินสักบาท
แต่ข้อดีไม่ใช่แค่นั้น เพราะนอกจากการทำ SEO เป็นวิธีการที่ฟรี ยังเป็นการตลาดที่ยั่งยืนด้วย ลองนึกภาพง่ายๆ หากมีการยิงแอดโฆษณาอย่างเดียว ไม่มีการทำ SEO จะขาดความยั่งยืน คือเมื่อเปิดแอดโฆษณา เนื้อหาจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แต่เมื่อปิดแอดโฆษณาเมื่อไร การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายก็จะหยุดลง เหมือนกดสวิตซ์เปิด-ปิด ซึ่งไม่ยั่งยืน ยิ่งถ้าหากมีเหตุการให้ธุรกิจต้องประหยัดงบโดยด่วนและต้องรีบปิดแอดโฆษณา ยิ่งเปิดแอดโฆษณาได้เพียงช่วงสั้นๆ ก็ยิ่งทำให้มีการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาและไม่ยั่งยืน
ตรงกันข้ามหากการทำ SEO มีประสิทธิภาพมากพอ และเนื้อหาติดหน้าแรกๆ ไปแล้วหลังจาก 6-12 เดือน เนื้อหานั้นก็จะติดหน้าแรกๆ ต่อไปอีกในระยะยาว จนกว่าจะมีเนื้อหาที่มีการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามาแย่งอันดับที่ดีกว่าบนเว็บ Search Engine ไป ก็อาจทำให้เนื้อหาของเราที่ทำไว้ตกอันดับและถอยไปอยู่หน้าหลังๆ แต่การถูกแย่งอันดับไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ก็ต้องใช้เวลาในการติดอันดับ ดังนั้นการทำ SEO จึงมีประสิทธิภาพในระยะยาว