วันที่สามแล้วสินะที่นายแพทเดินเข้าโรงหนังเพื่อทัศนาภาพยนตร์รอบสื่อ ช่วงสัปดาห์นี้คงจะมีหนังนอกกระแสและหนังเล็กแต่หลากหลายมาให้เราได้ชมกัน และวันนี้ก็ถึงเวลาของ ‘2:22’ หรือในชื่อไทย ‘เวลาเฉียดตาย’
หนังแฟนตาซีผสมโรแมนติกผสมอาชญากรรม แต่ใน IMDb ระบุว่ามันเป็นหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญ ผลงานจาก Paul Currie ที่ทั้งรับหน้าที่กำกับภาพยนตร์และอำนวยการสร้าง หนังมีนักแสดงนำที่เป็นที่รู้จักพอสมควร
พอมีแรงดึงดูดพอควรที่ชักชวนให้อยากไปดู
เรื่องย่อหนัง ‘2:22’
มันเป็นเรื่องราวของ ดีแลน (Michiel Huisman ผู้แสดงเป็น Daario Naharis ในซีรีส์ ‘Game of Thrones’) มนุษย์หนุ่มเครางามผู้ทำงานเป็นพนักงานจัดการจราจรในท่าอากาศยาน ชายผู้ชอบอะไรที่เป็นแพทเทิร์น เขามีความหลังกับพ่อผู้ที่เป็นนักบิน แภมยังดูมีความเชี่ยวชาญสูงมากด้านการจัดการจราจร แต่ทว่าเพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้เขาเบลอไปชั่วขณะก่อนสติจะกลับมา แม้จะทำให้เครื่องบินสองลำรอดพ้นจากการชนกันไปได้
แต่นั่นก็ทำให้เขาต้องถูกพักงาน
ด้วยตั๋วดูกายกรรมปีนผ้านั่นแหละที่ทำให้เขาได้พบกับสาวสวยที่เขาประทับใจตั้งแต่แรกเห็น แซร่าห์ (Teresa Palmer) สาวสวยที่ก็ประทับใจเขาตั้งแต่แรกเห็นเช่นกัน ความสัมพันธ์ที่รวดเร็วปานกามนิต ก่อนที่ดีแลนจะล่วงรู้ว่าแซร่าห์คือหญิงสาวบนเครื่องบินลำนั้น
แต่หลังจากนั้น ดีแลนก็ยิ่งพบเหตุการณ์บางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้นกับเขาซ้ำๆ กันจนเป็นแพทเทิร์น ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งพบว่ามันชักจะแปลกมากขึ้นทุกที และมันเป็นสิ่งที่เขาผู้ชื่นชอบอะไรที่เป็นแพทเทิร์นจะต้องตามคำตอบ เพราะดูเหมือนเหตุสำคัญๆ จะเกิดขึ้น
ตอนนาฬิกาบอกเวลา บ่ายสอง 22 นาที
รีวิวหนัง ‘เวลาเฉียดตาย’
เริ่มต้นเรื่องมา ดูท่าทางหนังน่าสนใจ เมื่อเล่าเรื่องของชายหนุ่มผู้มีความสามารถสูงในด้านการจัดการจราจรของเครื่องบินในท่าอากาศยาน เป็นความสามารถที่น่าทึ่งที่พ่วงมาด้วยเรื่องราวปาฏิหาริย์ หนังลากโยงเอาเรื่องของดวงดาวที่มีเกิดและมีดับเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของดีแลน
เขาเกือบทำเครื่องบินสองลำชนกัน และหนึ่งลำในนั้นก็มีนางเอกแซร่าห์โดยสารมาด้วย เธอมองว่าตัวเองรอดชีวิตมาเพราะเขา เป็นมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่นที่มองว่าเป็นการกระทำโดยประมาท รวมทั้งตัวเขาเองก็มองว่าตัวเองเกือบทั้งให้ทั้ง 900 คนต้องเสียชิวิต
แล้วหลังจากนั้น หนังก็พาเราไปพบกับเหตุการณ์ประหลาดที่ดีแลนได้พบเจอหลังจากถูกพักงาน เขาผู้มีความถนัดและชอบในการมองทุกสิ่งในชีวิตว่ามีรูปแบบหรือแพทเทิร์น มันมีความซ้ำ และเขามองเห็นมัน
ดูเหมือนหลายอย่างเริ่มเข้าเค้าขึ้นเมื่อดีแลนได้พบกับเงื่อนงำบางอย่างที่พาให้เขาเข้าไปค้นหาความจริง แล้วเขาก็ได้พบความจริงที่ดูเหลือเชื่อ
เนื้อในของหนังนั้นมันแฟนตาซีเอามากๆ ครับ
หนังมีจังหวะหวานๆ อยู่หลายจุด จนบางครั้งก็ดูหวานเลี่ยนเกินไป แต่ยอมรับในเสน้ห์ของเทเรซ่า พาล์มเมอร์ เพราะเธอเป็นคนสวยตามคมและยิ้มหวาน ขณะที่ฝ่ายชาย มิเคียล ฮิวส์แมน ก็ออกแนวหนุ่มหล่อเซอร์มีไว้หนวดเคราให้สาวๆ ได้เคลิ้ม แถมหนังจะมีซีนอาบน้ำให้ฟินอีกต่างหาก
ดนตรีประกอบของหนังนี่ถ้าแยกฟังกันเพลงๆ ต้องยอมรับเลยว่า เพราะมาก แถมทีมงานเขาก็มิกซ์เสียงออกมาได้ดี ฟังเพลินมาก แต่เมื่อมันมาอยู่ในหนังทริลเลอร์แล้วเปิดเพลงพวกนี้ต่อๆ กัน แทนที่คนดูจะรู้สึกลุ้นตื่นเต้น มันกลายเป็นหนังที่ชวนง่วงไปแทน
แถมโทนรวมๆ ของหนังมันคือทริลเลอร์รสหวานที่ยังมีปัญหาในการเล่าเรื่อง
เหมือนหนังมีความพยายามที่จะ twist เรื่องให้คนดูรู้สึกเซอร์ไพรซ์ แต่ความหนังไม่มีขึ้นมีลง ความไม่ตื่นตัวในระหว่างดูทำให้ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักกับจุด twist ของหนัง มันไม่ได้เป็นเรื่องที่เข้าใจยากเย็นอะไรนัก แต่ความง่วงทำให้รู้สึกเกาะติดกับเรื่องราวไม่ดีเท่าที่ควร แถมยังเห็นว่าบางจุดดูแปร่งๆ ไม่เมกเซ้นส์จนไปถึงไม่อิน
จุดดีจุดเด่นของหนังเลยกลายเป็นตัวพระนางที่หล่อสวยชวนมอง ดนตรีประกอบที่จริงๆ ควรจะเรียกได้ว่าดีแต่กลับทำให้หนังน่าง่วงไป กับบทสรุปที่ไม่มีอะไรชวนอึ้งเท่าที่ควร แม้ช่วงท้ายจะใส่ลีลาการเล่าที่ดูรู้ว่ามีความพยายามลงไปแล้วก็ตาม
ทำให้หนังเฉียดตายไปได้อย่างเฉียดฉิวแหละครับ
ชื่อภาพยนตร์: 2:22 / เวลาเฉียดตาย
ผู้กำกับภาพยนตร์: Paul Currie
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Todd Stein (screenplay), Nathan Parker (screenplay)
นักแสดงนำ: Teresa Palmer, Michiel Huisman, Sam Reid
ดนตรีประกอบ: Lisa Gerrard, James Orr
ความยาว:
แนว/ประเภท: Thriller
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 29 มิถุนายน 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Lightstream Entertainment, Pandemonium, Screen Australia
เวลาเฉียดตาย
2:22 - 5
5
2:22
เหมือนหนังมีความพยายามที่จะ twist เรื่องให้คนดูรู้สึกเซอร์ไพรซ์ แต่ความหนังไม่มีขึ้นมีลง ความไม่ตื่นตัวในระหว่างดูทำให้ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนักกับจุด twist ของหนัง มันไม่ได้เป็นเรื่องที่เข้าใจยากเย็นอะไรนัก แต่ความง่วงทำให้รู้สึกเกาะติดกับเรื่องราวไม่ดีเท่าที่ควร แถมยังเห็นว่าบางจุดดูแปร่งๆ ไม่เมกเซ้นส์จนไปถึงไม่อิน