รีวิวหนัง Bleed For This คนระห่ำ หมัดหยุดโลก | หยุดไม่ได้ ต้องออกไปชก

ความมุ่งมั่นมักสร้างสิ่งดีดีให้เกิดขึ้นกับใครบางคนได้นะ ความมานะบากบั่นที่มากถึงขั้นแรงกล้าก็ทำให้เกิดเรื่องเหลือเชื่อจนต้องหยิบมาสร้างเป็นหนังก็มีนะครับ อย่างเช่นเรื่องของนักมวยหนุ่มคนนี้ที่ไม่ยอมแพ้แม้อุปสรรคกว้างใหญ่ขวางทาง ยังเลือกที่จะมุ่งหน้าที่คว้าสิ่งที่ฝันให้มันสำเร็จ ‘Bleed For This’ คือหนึ่งในหนังที่มีแมสเสจแบบนั้น

ผกก. Ben Younger เขาเป็นใครน่ะเหรอ เขาคือผู้กำกับฯ หนังอย่าง ‘Boiler Room’ เขาหายไปทำหนังสั้นก่อนจะกลับมาพร้อมกับหนังเรื่อง ‘Prime’ แล้วค่อยมาถึงหนังเรื่องนี้ ต้องบอกว่าเป็นผู้กำกับฯ ที่มีผลงานน้อยอย่างเหลือเชื่อเลย

คราวนี้ก็ลองมาดูสักหน่อยนิ ว่ามันเป็นหนังแบบไหนกัน

เรื่องย่อหนัง ‘Bleed For This’

มันเป็นเรื่องของชายผู้เป็นนักมวยคนหนึ่ง เขามีชื่อเสียงพอประมาณในด้านของการเป็นนักมวยที่ไม่ฉลาดแต่มีความเป็นนักสู้อยู่สูงคนหนึ่ง เขาคือ Vinny (Miles Teller จาก ‘Fantastic Four’ และ ‘Whiplash’) เขาคือนักมวยที่สู้ไม่ถอยบนเวที ทว่านอกเวที

เขากลับไม่ได้ดูแลตัวเองอย่างที่นักมวยควรจะเป็นสักเท่าไหร่

นักมวยที่ไหน อีกวันจะต่อยอยู่แล้ว ดึกดื่นยังมาสบายใจเล่นไพ่พนันกับสาวหวานใจอย่างสบายอารมณ์

เหตุการณ์สำคัญที่เป็นจุดหักเหของชีวิตอย่างเขา คือ อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่หนักหนาสาหัสถึงขั้นที่หมอต้องห้ามชกมวยตลอดชีวิต หมอใช้เหล็กยึดกระโหลดเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดการคลาดเคลื่อนของไขสันหลังที่แสนเปราะบาง

แต่ทว่าคนอย่างเขาไม่เคยย่อท้อต่อความยากลำบาก แม้มันจะสุ่มเสี่ยงแต่เขาก็ยังเลือกจะมุ่งหน้าต่อ ขอให้โค้ช Kevin Rooney (Aaron Eckhart จาก ‘Batman Begins‘ และ ‘The Dark Knight’)

ฝึกฝนเขาเพื่อสักวันจะได้กลับมาผงาดบนสังเวียนอีกครั้ง

รีวิวหนัง ‘คนระห่ำ หมัดหยุดโลก’

หลังจากวาดลวดลายไว้ในหนังตีกลองได้สนุกมาก มาคราวนี้ เขาหันมาวาดลวดลายการชกบนสังเวียนดูบ้าง กับเรื่องราวที่นำเอามาจากเรื่องจริงของนักมวยมีชื่อคนหนึ่ง Miles Teller ที่ฟิตหุ่นมาอย่างดี มีมัดกล้ามที่สวยพอจะเป็นนักมวยอาชีพได้ หน้าที่ของเขาคือการเป็นนักมวยนาม Vinny Pazienza ให้แนบเนียนที่สุด

ซึ่งเขาก็ทำได้ไม่เลว

สิ่งที่หนังเอ่ยถึง คือ การพูดถึงชีวิตของนักมวยคนนึงที่มีอุปนิสัย “สู้ไม่ถอย” เรียกว่าแรงใจสุดแรงเกิด แต่สิ่งที่เขามีคือ เขายังชกมวยแบบไม่ใช่สมอง มีแต่ความมุทะลุและมุ่งมั่นจะได้ชัยชนะ บางสิ่งก็ยังดูไม่เข้าท่าเข้าที การชกจะเกิดขึ้นที่ลาสเวกัส แทนที่เขาจะพักผ่อนก่อนวันชก กลับลงมาเล่นการพนัน นั่งดูสาวโชว์ในบาร์ แต่เมื่อชีวิตของเขาถึงจุดหักเห โลกของเขาเปลี่ยนไป หมอที่รักษาก็ให้แต่คำเตือนว่าอาชีพของเขาจบแล้ว ร่างกายที่เข้าขั้นเปราะบางต่อความพิการหากกระทบกระทั่งเพียงครั้งเดียว แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ฟัง แต่มุ่งมั่นจะกลับมาอีกครั้ง

หลักใหญ่เลยคือ เขาคิดว่าชีวิตนี้ไม่มีอย่างอื่นอีกแล้ว นอกจากชกมวย

ชีวิตเขาตั้งอยู่บนความเสี่ยง โอกาสที่เหมือนช่องแคบเล็กๆ ที่ใครๆ ก็ไม่คิดจะก้าวข้ามไปแต่เขากลับเลือกข้าม บางคนอาจมองเป็นความประมาท แต่เขากลับมองว่าคำเตือนจากคนรอบข้างคือคำลวงที่ทำให้เขาไขว้เขวและยอมแพ้ตรงกลางทาง การยอมแพ้มันเป็นเรื่องง่าย

แต่การทำให้เห็นต่างหากที่แสดงให้เห็นว่า “เขาคือคนจริง”

หนังเล่าถึงอยู่หลายเรื่อง ทั้งครอบครัวของวินนี่ที่เฝ้าติดตามให้กำลังอยู่ที่บ้าน ทั้งพ่อที่เป็นเเทรนเนอร์ผู้ไม่กล้าจะกลับไปเทรนอีกหลังจากเขาเจออันตรายร้ายแรง ทั้งเรื่องเบื้องหลังของวงการมวยที่ฉ้อฉลและเต็มไปด้วยผลประโยชน์ แต่เอาเข้าจริงก็ยังรู้สึกว่าหนังก็ไม่ได้ลงลึกอะไรมากนัก

แต่ที่สำคัญคือ หนังไม่ได้ให้ความรู้สึกชวนเอาใจช่วยแต่อย่างใด

หนังไม่มีช่วงเวลาที่บีบคั้น หรือมีอุปสรรคที่หนักแน่นพอจะชักชวนให้คนดูมีส่วนร่วมไปกับเหตุการณ์ดังร่วมอยู่ในบ้านหรือในยิมแห่งนั้น ผมได้แต่ติดตามดูหนังไปเรื่อยๆ เหมือนคนๆ หนึ่งที่ชื่นชอบการแข่งชกมวยแต่ไม่ได้รู้สึกซึมลึกในความยากลำบากของนักมวยคนนั้น

แม้เราจะชื่นชมว่า Miles Teller และโดยเฉพาะ Aaron Eckhart ที่เป็นเทรนเนอร์ผู้ใกล้ชิดกับความรู้สึกของวินนี่ที่สุด จะเป็นคนที่แสดงบทบาทได้ดีทั้งการเป็นเทรนเนอร์และบทที่ส่งเสริมให้เล่นในทางคอมิดี้ได้ประมาณหนึ่งก็ตาม

กว่าหนังจะเล่าถึงอุบัติเหตุที่วินนี่ต้องเจอก็ปาเข้าไปครึ่งเรื่องแล้ว จึงเหลือเวลาไม่มากที่เราจะได้ติดตามการเอาชนะสภาพร่างกายครั้งสำคัญ ช่วงท้ายของหนังที่ทำให้ลุ้นได้อย่างมากว่ามันจะจบลงเช่นไร เขาจะทำมันสำเร็จหรือไม่ แต่ก็ยังพบอยู่อย่างหนึ่งว่า การชกกันบนผืนผ้าใบนั่นมันดูไม่สมจริงที่นักมวยเขาชกกันจริงๆ เท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือของหนังมันเลยดูดร็อปลงไปนิด

อีกส่วนหนึ่งก็คือ หนังมีลักษณะเป็น Do or Die อย่างแท้จริง ผู้ชมต้องลุ้นเอาว่าเขาจะตายหรือไม่ นั่นไม่ใช่เรื่องสนุกเลย และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนที่เจอเหตุการณ์แบบนี้

เลือกจะอยู่อย่าง Play Safe เสียดีกว่า …ไม่มีชีวิตให้ใช้ต่อ

ชื่อภาพยนตร์: Bleed For This / คนระห่ำ หมัดหยุดโลก
ผู้กำกับภาพยนตร์: Ben Younger
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Ben Younger (screenplay), Ben Younger (story)
นักแสดงนำ: Miles Teller, Katey Sagal, Aaron Eckhart, Ciarán Hinds, Ted Levine,
ความยาว: 117 นาที
แนว/ประเภท: Biography, Drama, Sport
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/น15+, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 1 ธันวาคม 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Verdi Productions, Magna Entertainment, Bruce Cohen Productions