เป็นเหมือนเดิมทุกปี นั่นคือ เราจะต้องการสิ้นสุดของปีเก่าและต้อนรับการเข้ามาของปีใหม่ แล้วก็มักไม่ค่อยบอกลาปีเก่า หากแต่มักจะนับถอยหลังเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่กันเสียมากกว่า เรื่องของวันเดือนปีมันหมุนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่บางอย่างก็กลับไม่เคยลบเลือนไปจากใจ หนึ่งในนั้นคือบทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
ปลายปีถือเป็นช่วงเวลาของหนังที่จะส่งข้อความดีๆ เพื่อต้อนรับปีใหม่ GDH559 ก็เช่นกัน พวกเขาเลือกจะส่งหนังแบบ 3-in-1 ออกมาเพื่อมอบความสุขให้กับแฟนหนัง “พรจากฟ้า” เล่าเรื่องแบ่งออกเป็นหนังสามเรื่องที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันอย่างชัดเจน และเล่าเรื่องในทางของตัวเอง
แถมยังมีความเกี่ยวข้องกันทั้งสามเรื่องเช่นเคย
เรื่องย่อหนัง ‘พรจากฟ้า’
เรื่องราวที่มีจุดร่วมกันแต่เป็นหนังย่อยสามเรื่องจากการร่วมมือกันของสี่ผู้กำกับฯ โดยตั้งชื่อเรื่องตามชื่อเพลงพระราชนิพนธ์
เริ่มกันด้วยเรื่องแรก “ยามเย็น” กำกับฯโดย ชยนพ บุญประกอบ
โชคชะตาหรืออย่างไร บีม (นาย ณภัทร) และแป้ง (วี วิโอเลต) จึงได้มาเจอกันในงานเลี้ยงอำลานักศึกษาทุนเรียนต่อ บีมและแป้งที่ถูกเรียกมาให้เป็นตัวสแตนด์อินท่านทูตและภริยาท่านทูต ภารกิจจีบคนมีแฟนจึงเกิดขึ้นระหว่างงาน โดยบีมเป็นนักเรียนทุนและแป้งเป็นนักร้องเพลงประสานเสียง “ยามเย็น”
เรื่องที่สอง “Still on My Mind” โดย นิธิวัฒน์ ธราธร
โชคชะตาหรืออย่างไรที่ทำให้ ฟา (มิว นิษฐา) ได้มาเจอกับ เอ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) ฟาเป็นลูกสาวคนเดียวที่ต้องรับภาระดูแลพ่อที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์แต่เพียงลำพัง เธอต้องลาออกมาอยู่บ้านและต้องรับมือกับพ่อตลอดเวลา เมื่อเห็นว่าพ่อมีความหลังที่ดีต่อเปียโนที่ต้องซ่อม เอจึงเข้ามาในบ้านและมีบทบาทมากมายต่อความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกคู่นี้
มาถึงเรื่องสุดท้าย “พรปีใหม่” ที่กำกับโดย จิระ มะลิกุล
โชคชะตาหรืออย่างไร หลง (เต๋อ ฉันทวิชช์) กับ คิม (หนูนา หนึ่งธิดา) จึงได้มาเจอกัน คิมเป็นพนักงานฝ่ายบุคคลที่นำหลงคนที่เคยเป็นนักดนตรีร็อกผู้ไม่ประสบความสำเร็จมาทำงาน ก่อนที่จะเปิดเผยตัวเองว่าเธอกับเพื่อนร่วมงานแอบซ้อมดนตรีกันเองภายในบริษัทยามค่ำคืน และเขาก็ถูกชักชวนมาร่วมซ้อมโดยปริยาย
รีวิวหนัง ‘พรจากฟ้า’
หนังย่อยแต่ละเรื่องจะมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป อาจเพื่อความไม่ราบเรียบของหนังทั้งเรื่อง แต่ก็ทำให้บางเรื่องดูโดดจากเรื่องอื่นไปได้เช่นกัน แต่ละเรื่องจะพูดถึงเพลงพระราชนิพนธ์เพลงหนึ่งและหยิบจับเอาเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับเพลงมาเล่า โดยมีตัวละครหลักเป็นชายหญิงที่มีความสัมพันธ์กันในระดับหนึ่ง
‘ยามเย็น’
ดำเนินเรื่องในลักษณะของหนังโรแมนติกคอมิดี้ ของคนแปลกหน้ารุ่นราวเดียวกันที่พบเจอโดยบังเอิญในงานเดียวกัน คนหนึ่งเป็นนักเรียนทุนที่จะได้ไปเรียนต่อเมืองนอก ส่วนอีกคนเป็นนักร้องที่ร้องเพลงอำลา แต่ความทะเล้นปนเจ้าของของบีมฝ่ายชาย ก็สร้างบทสนทนาแบบน่ารักๆ กะล่อนๆ ให้เกิดขึ้นได้ ขณะที่ฝ่ายหญิงก็กำลังมีแผลสดกับชายที่คบหาด้วย
เป็นหนังสไตล์ฟีลกู้ดของรักที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน นั่งยิ้มไปเศร้าไปกับน้องวี วิโอเลต ที่เป็นขวัญใจ ขณะที่นายก็เล่นไว้อย่างลื่นไหลแม้มันเป็นงานแรกๆ ของเขา หนังทำให้เราเข้าใจเนื้อหาของเพลงยามเย็นได้มากกว่าเก่า
ยอมรับกับตัวเองว่าเคลิ้มมากกับนางเอกคนนี้
‘Still on My Mind’
นี่อาจจะเป็นเพลงที่คุ้นหูคนไทยน้อยที่สุดแล้วใน “พรจากฟ้า” เพลงที่มีชื่อไทยว่า “ในดวงใจนิรันดร์” เรื่องราวที่มาในแบบดราม่าครอบครัว เมื่อน้องมิวต้องเล่นเป็นลูกสาวที่ลาออกจากงานมาดูแลพ่อที่เป็นคนป่วยอัลไซเมอร์ เหตุปะทะอารมณ์ระหว่างพ่อกับลูกมันเรียกร้องน้ำตาให้เอ่อออกมาได้บ่อยครั้ง ยอมรับว่ามิวเล่นไว้ได้ดีมากๆ ไม่แพ้กับผู้เป็นพ่อของเธอ
แต่ในระหว่างนั้น เธอก็ว่าจ้างเอมาซ่อมเปียโนที่เสียงมันเพี้ยนไปในบางคีย์ หลังสังเกตว่าพอเล่นเพลง ‘Still on My Mind’ ซึ่งเป็นเพลงในความทรงจำของพ่อ พ่อก็กลับอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เธอตั้งใจจะให้เอสอนเล่นเปียโนให้เป็น เพลงนี้เพราะมากชนิดว่าดูหนังจบแล้วจะต้องไปหาฟังเลยเชียวล่ะ
สะอื้นเป็นวรรคเป็นเวรกับเรื่องครอบครัวแบบนี้ หนังทำให้รู้สึกได้ว่า ความสุขสร้างขึ้นได้ง่ายดายโดยเฉพาะเมื่อเราทำเพื่อผู้อื่น เราเองก็มักจะ “ได้” ด้วยเสมอ เป็นเรื่องย่อยที่ชอบสุดแล้วในหนังเรื่องนี้
‘พรปีใหม่’
หนังย่อยเรื่องสุดท้ายที่เล่าในสไตล์หนังตลกพล็อตคล้ายการ์ตูน เรื่องราวมันดูจะน่าเชื่อถือน้อยไปนิดหนึ่ง เมื่อพนักงานรวมตัวกันฝึกดนตรีกลางดึกด้วยเครื่องดนตรีที่ได้มาจากวงร็อกเก่าของหลง เครื่องดนตรีบางส่วนก็ไปขโมยมาเสียอีก ก็ไม่รู้ว่าวงร็อกอะไรจะมีเครื่องเป่า คีย์บอร์ด เครื่องเคาะ เยอะแยะมากมายเช่นนั้น แถมการใช้พื้นที่ออฟฟิศในยามกลางคืนมาซ้อมดนตรีกันและสามารถจซ่อนเครื่องดนตรีในยามกลางวันได้เสียด้วย มันดูน่าเชื่อถือได้อย่างไรล่ะครับท่าน
หลายคนมองว่าหนังย่อยเรื่องนี้เต็มไปด้วยแผล แต่ถ้าเราตัดเรื่องพวกนั้นไป ก็จะเห็นว่าหนังมันบันเทิง ผู้ชมนั่งหัวเราะกันตลอดเวลา กับมุกตลกต่างๆ ที่ใส่เข้ามาแบบ “เล่นไปได้”
หนูนาและเต๋อกลับมาพบกันอีกครั้ง มีหลายช็อตที่ทำให้รู้สึกว่านี่เรากำลังดู กวน มึน โฮ กันอยู่หรือไร
ในเรื่องย่อยนี้เล่นกับความฝันของผู้คนที่อาจจะไม่ได้เล่นดนตรีเก่งหรือมีพรสวรรค์แต่รักที่จะเล่น ฝันอยากจะมีพื้นที่ในออฟฟิศเพื่อความผ่อนคลาย เราจะได้ฟังเพลงที่เล่นกันแบบบิ๊กแบนด์ ฟังแล้วอารมณ์ดีมีความสุขรับกับปีใหม่ ถ้าไม่คิดอะไรมากมันก็สนุกในระดับสูงทีเดียว ก่อนที่เรื่องราวจะจบลงด้วยการขมวดทุกเรื่องเข้าด้วยกัน
โดยรวมมันเป็นหนังที่ให้ทั้งความบันเทิงในแบบที่หยิบเพลงพระราชนิพนธ์มาเล่าให้เข้าถึงผู้คนได้ด้วยเรื่องทั่วไป โดยที่หนังไม่ได้เอ่ยชื่อพระองค์เลยสักนิด แต่เรากลับรู้สึกได้ถึงพระองค์ระหว่างชม ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าพระองค์อยู่กับเราตลอดเวลาด้วยบทเพลงที่พระองค์ทรงมอบให้
และมันก็จะอยู่กับเราตลอดไป คือพรจากฟ้าอย่างแท้จริง
ชื่อภาพยนตร์: พรจากฟ้า / A Gift
ผู้กำกับภาพยนตร์: ต้น-นิธิวัฒน์ ธราธร, เก้ง-จิระ มะลิกุล, หมู-ชยนพ บุญประกอบ, ปิง-เกรียงไกร วชิรธรรมพร
ผู้เขียนบทภาพยนตร์:
นักแสดงนำ: เต๋อ ฉันทวิชช์, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, นาย ณภัทร เสียงสมบุญ, วี วิโอเลต วอเทียร์, มิว นิษฐา จิรยั่งยืน, หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ
แนว/ประเภท: โรแมนติก, ตลก, ดราม่า
ความยาว: 144 นาที
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/ท, USA/
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 1 ธันวาคม 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: GDH559
A Gift
พรจากฟ้า - 8
8
พรจากฟ้า
โดยรวมมันเป็นหนังที่ให้ทั้งความบันเทิงในแบบที่หยิบเพลงพระราชนิพนธ์มาเล่าให้เข้าถึงผู้คนได้ด้วยเรื่องทั่วไป โดยที่หนังไม่ได้เอ่ยชื่อพระองค์เลยสักนิด แต่เรากลับรู้สึกได้ถึงพระองค์ระหว่างชม ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าพระองค์อยู่กับเราตลอดเวลาด้วยบทเพลงที่พระองค์ทรงมอบให้ และมันก็จะอยู่กับเราตลอดไป คือพรจากฟ้าอย่างแท้จริง