ช่วงหลังเหมือนจะไม่ค่อยได้เอาตัวเองไปอยู่ในโรงหนังที่ฉายหนังดราม่าแบบเพียวๆ สักเท่าไหร่ วันนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ให้เวลาตัวเองได้ชมหนังแนวๆ นี้บ้าง ‘Collateral Beauty’ คือหนังเรื่องนั้นที่ผมได้ไปชมในวันนี้ เรื่องราวของหนุ่มนักธุรกิจโฆษณาที่เสียศูนย์เมื่อชีวิตต้องเจอกับโศกนาฎกรรมบางอย่างจนหาทางกลับมาสู่ชีวิตปกติไม่ได้ จนวันหนึ่งเขาได้พบกับเรื่องแปลกประหลาด
หนังเรื่องนี้ รวบรวมเอาดาราดังที่เป็นที่รู้จักของทุกคนเอาไว้มากมาย ขณะเดียวกันก็ได้ผู้กำกับฯ อย่าง David Frankel ที่มีเครดิตจากหนังเรื่อง ‘The Devil Wears Prada’, ‘Marley & Me’ และ ‘Hope Springs’ มารับหน้าที่กำกับฯ
ว่าแล้วก็คงได้เวลาอ่านเนื้อเรื่องกันสักนิดหน่อย
เรื่องย่อหนัง ‘Collateral Beauty’
มันเป็นเรื่องของฮาวเวิร์ด (Will Smith ดาราหนุ่มรูปหล่อจากหนังดังหลายเรื่อง โดยเฉพาะ ‘After Earth’, ‘I Am Legend’ และ ‘Men in Black’) หนุ่มผิวสีผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเอเจนซี่โฆษณาแห่งหนึ่ง วันก่อนเขารุ่งแต่วันนี้ ธุรกิจเดินมาถึงช่วงเปลี่ยนผ่าน มันไม่ได้สดใสเหมือนเคยและต้องการคนมาโอบอุ้ม แต่หนุ่มหุ้นส่วนหลักของบริษัทกำลังซวนเซและยังหาทางกลับมาไม่ได้ เขาพบเจอกับเรื่องเศร้า เมื่อลูกสาววัยหกขวบของเขาเสียชีวิตไป
นั่นทำให้กลุ่มผองเพื่อนที่ร่วมสร้างบริษัทด้วยกันมารู้สึกห่วงใยยิ่ง
ฮาวเวิร์ดที่วันๆ เอาแต่ตั้งโดมิโนในออฟฟิศ ไม่สนใจกิจการงาน แล้ววันหนึ่ง เขาก็เขียนจดหมายสามฉบับ จ่าหน้าถึงผู้ที่ไม่ใช่คน แต่เป็น “ความรัก”,”เวลา” และ “ความตาย”
แล้วในอีกวัน ฮาวเวิร์ดก็ได้พบว่า สามสิ่งนามธรรมที่เขาเขียนถึงนั้น ได้เดินมาหาและพูดคุยกับเขาจริงๆ นี่คือการเยียวยาครั้งที่แปลกใหม่จากพระเจ้ากระนั้นหรือ?
ความรัก (Keira Knightley สาวสวยจาก ‘The Imitation Game’, ‘Begin Again’ และ ‘Atonement’) มาเยี่ยมเยือนเขาในรูปของหญิงสาวยิ้มสวย เวลา (Jacob Latimore) มาหาเขาในรูปของหนุ่มผิวหมึกท่าทางจริงจัง กับ ความตาย (Helen Mirren) ที่มาเยือนเขาในรูปของหญิงผิวขาวสูงสัยแต่งตัวประหลาดๆ
สมทบด้วยกลุ่มผองเพื่อนและผู้ร่วมหุ้นในกิจการที่หวังดีกับฮาวเวิร์ดอีกสามคน
รีวิวหนัง ‘โอกาสใหม่หนสอง’
ดูเป็นหนังฟีลกู้ดที่ให้กำลังใจคนที่กำลังท้อแท้กับชีวิต เมื่อเจอเรื่องที่มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจอย่างมากและเป๋จนไม่อาจกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติได้ ใครที่ชีวิตกำลังหม่นเศร้า ‘Collateral Beauty’ ก็อาจจะเหมาะกับคุณ
จากคนที่หวังดี
ฮาวเวิร์ดเป็นคนที่โชคดีจริงๆ เขาได้เพื่อนร่วมงานที่ดี ทุกคนต่างหวังดีต่อเขาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น วิท (Edward Norton) เพื่อนร่วมหุ้นของเขาที่แสนจะเจ้าชู้ไก่แจ้ หรือ ไซมอน (Michael Peña) หนุ่มร่างอวบที่มีบางสิ่งเก็บซ่อนอยู่ในใจเช่นกัน และ แคลร์ (Kate Winslet) แม้ไม่ได้ร่วมก่อตั้งแต่ก็สนิทกับพวกเขามาก
และความห่วงใยจากพวกเขาเหล่าก่อเกิดผลบางอย่างกับฮาวเวิร์ด
ความหวังดีทำให้เกิดเรื่องแปลกประหลาดและแปลกใหม่ เมื่อสิ่งที่ฮาวเวิร์ดเขียนหานั้นเดินเข้ามาคุยกับเขาทีละคน ต่างก็ให้แง่มุมความคิดที่แตกต่างกันไปแล้วแต่ว่าใครจะมีหน้าที่เกี่ยวกับอะไร
หากหลายครั้งจะดูเป็นคำพูดที่ตั้งใจให้คุ้นหูไปนิดนึงนะ
ไม่ว่าใครก็ต้องเจอเรื่องที่เลวร้ายจนไม่อยากจะจดจำ
แม้ว่าผมจะรู้สึกว่า บางคำพูดมันดูจงใจจะหยิบใส่ปากของตัวละคร บางครั้งก็ดูเหมือนถูกสะกดจิตด้วยคำพูดซ้ำๆ และหนังก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก จนหลายคนก็เดาเรื่องได้ตั้งแต่ผ่านไปได้ไม่นาน
แต่เรื่องราวบางอย่างมันก็น่าสนใจเพราะมันไม่ต่างจากความเป็นจริงเท่าไหร่เลย
ในขณะที่เราเอาแต่ห่วงใยคนอื่น เรากลับเลือกที่จะไม่ใส่ใจปัญหาของเราเอง แต่อย่างไรเสีย เราก็หนีตัวเองไปไม่พ้น บางคนอาจมีโรคร้ายรุมเร้าแต่ไม่กล้าจะบอกกับคนในครอบครัว มันน่าเศร้าถ้าคนที่รักเราไม่มีโอกาสแม้แต่ได้บอกลา อีกคนก็อาจพบว่าความผิดเล็กๆ ทำให้ความสัมพันธ์กับคนที่เขารักต้องห่างเหินไป
แต่บางครั้งคนที่คิดว่าน่าเป็นห่วงสุด ก็กลับมองเห็นจุดที่น่าห่วงของคนอื่นเช่นกัน
‘Collateral Beauty’ จึงไม่ใช่แค่หนังของคนโลกสวยอย่างที่หลายคนคิดเห็นไป มันยังแทรกซึมถึงปัญหาที่ทุกคนมี แต่เราอาจแก้ให้ตัวเองไม่ได้ จนคนที่ไม่ได้เจอสิ่งเดียวกับเราต้องยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ให้
ปัญหาของเรานั้นใหญ่กว่าปัญหาของพวกเขาเสมอ…
แต่ยังเป็นหนังความคิดดี…ที่เรียบเกินไป
มองเห็นได้ถึงความตั้งใจดีของการสร้างเรื่องราวของคนที่ปวดร้าวและรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่หนังยังดูเรียบง่ายไปนิดในการที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกอินกับหนังอย่างเต็มใจ บางเสี้ยว เราอาจรู้สึกได้ถึงความจริงที่มนุษย์หลายๆ คนต้องเจอะเจอ
นักแสดงนำของเรื่องต่างทำหน้าที่กันได้อย่างดิบดี บางช็อตพาเอาน้ำตารื้นได้เลยทีเดียว นักแสดงหลายคนเล่นได้โดดเด่น นอกจาก Will Smith แล้วก็เห็นจะเป็น Helen Mirren ที่เล่นเป็น “ความตาย” ได้ชวนขำที่สุดในเรื่อง นอกจากนี้ ยังมี Naomie Harris สาวผิวสีที่ฮาวเวิร์ดได้เจอตอนเข้ากลุ่มบำบัด
แต่น่าเสียดายเรื่องราวที่เรียงร้อยออกมาอย่างธรรมดาเกินไป
จริงๆ ‘คอลแลทเทอรัล บิวตี้ โอกาสใหม่หนสอง’ มีเค้าโครงเรื่องราวที่น่าสนใจ เรื่องราวของเพื่อนที่อยากพาเพื่อนกลับมาจากความเจ็บปวด เรื่องราวของคนที่ไม่ยอมรับความจริง ความงดงามของความเศร้า คืออะไร ดูเหมือนหนังจะไม่ได้สื่อมาชัดๆ แต่รับรู้ได้เพียงเลาๆ เรื่องราวที่กึ่งฝัน กึ่งจริง อาจจะดูตั้งใจบอกจนเกินไปอยู่บ้าง แต่สำหรับบางคน มันก็พอจะเป็นหนังที่สร้างกำลังใจในการเดินหน้าต่อ ไม่จมจ่อมอยู่กับความเศร้า
อยู่กับความเจ็บปวดอย่างเข้าใจ
ชื่อภาพยนตร์: Collateral Beauty / คอลแลทเทอรัล บิวตี้ โอกาสใหม่หนสอง
ผู้กำกับภาพยนตร์: David Frankel
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Allan Loeb
นักแสดงนำ: Will Smith, Edward Norton, Kate Winslet, Michael Peña, Helen Mirren, Naomie Harris, Keira Knightley, Jacob Latimore
แนว/ประเภท: Drama
ความยาว: 97 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
เรท: ไทย/, USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 15 ธันวาคม 2559
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: PalmStar Media, Likely Story, Anonymous Content
คะแนนหนัง โอกาสใหม่หนสอง
Collateral Beauty - 6
6
Collateral Beauty
จริงๆ 'คอลแลทเทอรัล บิวตี้ โอกาสใหม่หนสอง' มีเค้าโครงเรื่องราวที่น่าสนใจ เรื่องราวของเพื่อนที่อยากพาเพื่อนกลับมาจากความเจ็บปวด เรื่องราวของคนที่ไม่ยอมรับความจริง ความงดงามของความเศร้า คืออะไร ดูเหมือนหนังจะไม่ได้สื่อมาชัดๆ แต่รับรู้ได้เพียงเลาๆ เรื่องราวที่กึ่งฝัน กึ่งจริง อาจจะดูตั้งใจบอกจนเกินไปอยู่บ้าง แต่สำหรับบางคน มันก็พอจะเป็นหนังที่สร้างกำลังใจในการเดินหน้าต่อ ไม่จมจ่อมอยู่กับความเศร้าอยู่กับความเจ็บปวดอย่างเข้าใจ