
ในสัปดาห์ๆ หนึ่ง ดูเหมือนนายแพทจะให้เวลากับตัวเองในการออกไปพบกับหนังเรื่องใหม่ๆ ได้ไม่มากเท่าแต่ก่อน แต่ก็จะพยายามเฟ้นคัดแต่สิ่งที่คิดว่าดีที่สุดในสัปดาห์และดีที่สุดสำหรับตัวเองรวมทั้งผู้อ่านบล็อกนี้ด้วยครับ สัปดาห์นี้ ผมเลือก ‘If Beale Street Could Talk’ หนังที่ทั้งเล็ก ทั้งนอกกระแส แถมยังเป็นหนังของคนผิวสีอีก นับว่ากลุ่มเป้าหมายนี่เล็กสุดๆ เลยครับ
หนังเรื่องนี้ผมไม่รู้ชื่อไทย ได้แต่เดาว่าไม่มีชื่อไทย จัดเป็นหนังรางวัลก็ว่าได้ เพราะเข้าชิงออสการ์อยู่หลายรางวัล ผลงานที่ดัดแปลงจากหนังสือของ James Baldwin กำกับโดยผู้กำกับผิวสี Barry Jenkins ที่เคยมีผลงานอย่าง ‘Moonlight’ หนังที่คว้า 3 ออสการ์นั่นแล
แล้วปีนี้เราก็ได้ดูภาพยนตร์จากชายผู้นี้กันอีกครั้ง
เรื่องย่อหนัง ‘If Beale Street Could Talk’
เรื่องราวมันเกิดขึ้นที่เมืองบีล เรื่องราวที่เล่าเรื่องของคนผิวสี ที่ในเวลานั้นยังคงมีการเหยียดสีผิว เอาง่ายๆ มันเป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ทิช ริเวอร์ส (KiKi Layne) กับ อลองโซ ‘ฟอนนี’ ฮันท์ (Stephan James) ทั้งสองคนโตมาด้วยกันจนวันหนึ่งพวกเขาเติบโตเป็นวัยรุ่น รักกัน แต่ก่อนทุกอย่างจะสมหวัง ฟอนนีต้องเข้าไปอยู่ในคุกด้วยข้อหาข่มขืน และทิชก็เพิ่งจะบอกเขาไปว่า
เธอกำลังจะมีลูกกับเขา
ครอบครัวและทิชและฟอนนีไม่ลงรอยกันอยู่บางส่วน แต่เพราะความรัก ทั้งให้ทิชและครอบครัวดิ้นรนเต็มกำลังเพื่อช่วยให้ฟอนนีได้รับอิสรภาพ
ก่อนวันทารกน้อยลืมตาออกมาดูโลก
รีวิวหนัง ‘If Beale Street Could Talk’
นี่คือหนังที่เกี่ยวกับคนผิวสีที่ได้รับการการันตีว่าเป็นหนังเข้าชิง 3 รางวัลออสการ์ปีล่าสุด และติดท็อป 10 หนังแห่งปีสมาคมภาพยนตร์อเมริกา
หนังเริ่มต้นด้วยภาพของหนุ่มสาวผิวสีสองคนที่จูงมือไปด้วยกัน ก่อนจะนำพาไปพบกับเรื่องราวชีวิตของพวกเขาในเมืองบีล โศกนาฏกรรมแห่งความรักเกิดขึ้นและถูกเล่าอย่างค่อยเป็นค่อยไป ด้วยการเล่าสไตล์สลับเส้นเรื่อง ซึ่งถือว่าเล่าได้ดี
ไม่มีการงงเรื่องเลยสักนิดเดียว
หนังมีทั้งโหมดจริงจัง และโหมดที่ออกจะอารมณ์ดี แต่เหมือนโหมดจริงจังจะถูกใช้งานเยอะหน่อย สิ่งที่พิเศษชัดแจ้งและเป็นจุดเด่นของหนังก็คือ การเล่นโทนสีทึมๆ ซึ่งเข้ากับเรื่องราวที่ดูมืดหม่น ดนตรีประกอบที่เน้นเครื่องทองเหลือง ให้ฟีลลิ่งของเพลงแจ๊สจากคนผิวสี สองสิ่งนี้ไปกันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ
โทนโดยรวมของหนังนั้นค่อนข้างนิ่งเอื่อย ใครดูหนังแบบนี้ได้ก็ไม่มีปัญหา อย่างผมนี่มันเริ่มหาวในช่วงท้ายๆ เท่านั้น แสดงว่าการเล่า เนื้อหาและการแสดงของทั้งทีมค่อนข้างดี ดึงเราให้อยู่กับหนังได้ไม่น้อยเลย
สิ่งหนึ่งที่ชอบในบท นอกเหนือจากการเล่าที่สลับเวลาแล้ว หนังก็ยังเล่าถึงความคับแค้นใจที่คนผิวดำถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมจากคนผิวขาว บทมีทั้งการใส่คำพูดให้ตัวละครบอกกันมาโต้งๆ เลย กับบางส่วนก็ใช้เวลาและความคิดที่เปลี่ยนแปลงเป็นตัวบ่งบอก
บางจุดก็ชวนฉุกในคิดนิดนึง การให้ฟอนนีเป็นชายผิวสีผู้มีความเชี่ยวชาญด้านงานแกะสลัก แต่หนังก็ดูไม่ได้สื่อไปทางไหนนัก แม้บางฉากจะกินเวลายาวนานก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในบทดราม่าเรียกร้องน้ำตาคนดูก็ยังไม่ทำให้กระทบใจจนต้องร่ำไห้ออกมาแม้สักฉาก ด้วยวิธีการเช่นนี้ ผมค่อนข้างคาดหวังว่าจะได้พบบทสรุปที่คาดไม่ถึง ทว่าเรื่องราวที่ร้อยเรียงไปจนบทสรุปของหนังกลับไม่ทรงพลังอะไรเท่าที่ควร
สามสิ่งที่โดดเด่นในเรื่องนี้ก็คงจะเป็น โทนสี ดนตรีประกอบ และนักแสดงฝ่ายหญิง
ชื่อภาพยนตร์: If Beale Street Could Talk
ผู้กำกับภาพยนตร์: Barry Jenkins
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Barry Jenkins, James Baldwin
นักแสดงนำ: KiKi Layne, Stephan James, Regina King
ความยาว: 119 นาที
ปี: 2018
แนว/ประเภท: Crime, Drama, Romance
อัตราส่วนภาพ: 2.00 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 2562
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Annapurna Pictures, PASTEL, Plan B Entertainment
If Beale Street Could Talk
If Beale Street Could Talk - 7
7
If Beale Street Could Talk
ใช้การเล่าเรื่องในแบบสลับเวลาซึ่งก็ไม่ทำให้สับสนงงงวยแต่อย่างใด เรื่องราวความรักที่กลายเป็นความเศร้าของหนุ่มสาวผิวสีคู่หนึ่ง ฝ่ายชายต้องถูกขังคุกกับความผิดที่ตนไม่ได้ก่อ ฝ่ายหญิงเพิ่งตั้งท้องและต้องพยายามทุกสิ่งเพื่อพิสูจน์ว่าฝ่ายชายมิได้ผิด สามสิ่งที่โดดเด่นในเรื่องนี้ก็คงจะเป็น โทนสี ดนตรีประกอบ และนักแสดงฝ่ายหญิง