ก่อนหน้านี้ 20 ปี โลกเคยถูกรุกรานโดนพวกมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนพร้อมกับยานทรงจานแบนๆ ลำยักษ์ใหญ่ จัดการด้วยอาวุธและเทคโนโลยีที่ล้ำก้าวหน้ากว่ามนุษย์โลกอย่างมากมาย แต่ในที่สุด พวกเราก็จัดการมันได้อยู่หมัด ยานทุกลำหล่นลงโหม่งพื้นโลก ‘Independence Day’ หรือ ‘ID4’ แต่แล้ว 20 ปีต่อมา มันกลับมาอีกครั้งใน ‘Independence Day: Resurgence’ ภาคต่อที่หนังพิฆาตเอเลี่ยนที่ลือลั่นกันไปเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน
โลกจริงผ่านไป 20 ปีพอดิบพอดี โลกในหนังก็เช่นกัน ‘สงครามใหม่วันบดโลก’ กลับมาเพื่อบอกกับเราว่า โลกมนุษย์ผ่านไป 20 ปี พวกเขาผ่านอะไรมาบ้าง เตรียมพร้อมยังไงเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากนอกโลกที่มีความเป็นไปได้ว่าจะกลับมาอีกครั้ง แถมยังมีตัวละครเก่าๆ ที่รออยู่เพียบ
ขาดไปก็แต่เพียง สตีเวน ฮิลเลอร์ (Will Smith) ที่เรียกค่าตัวแพงไป!
เรื่องย่อหนัง ‘Independence Day: Resurgence’
อย่างที่บอกไว้ข้างต้น เหตุการณ์ในภาคนี้คือสิ่งที่เป็นผลมาจากภาคแรกเมื่อยี่สิบปีก่อน หลังเอเลี่ยนบุกโลกและแตกพ่ายไป พวกมันได้ส่งสัญญาณข้ามขอบฟ้าจักรวาลไปขอความช่วยเหลือ ซึ่งส่งผลให้อีกยี่สิบปีให้หลัง
พวกมันกลับมาอีกครั้งด้วยขนาดอันมหึมากว่าเก่า
แม้ว่ามนุษย์โลกจะพัฒนาเทคโนโลยีการรบด้วยการศึกษาจากพวกเอเลี่ยน เรามียุทโธปกรณ์ที่ก้าวหน้าขึ้นมาก และผลจากความสูญเสียครั้งร้ายแรง จึงเป็นครั้งแรกที่เกิดความร่วมมือจากทั่วโลก พร้อมใจกัน สามัคคีกัน แม้จะไม่เชื่อนักว่าจะต้องรบกับต่างดาวอีกคำรบ
แต่ผู้เชื่อมาตลอดว่ามันจะมีวันนี้ก็คือ อดีตประธานาบดี วิทมอร์ (Bill Pullman) ชายผู้เป็นฮีโร่ของคนทั้งชาติ ยี่สิบผ่านผัน ได้เวลาของคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาแทนที่ ดีแลน ฮิลเลอร์ (Jessie T. Usher) ลูกชายของจ่าสตีเวนที่ล่วงลับ แพทริเซีย วิทมอร์ (Maika Monroe) ลูกสาวคนสวยของอดีตประธานาธิบดี และก็ยังมี เจค มอร์ริสัน (Liam Hemsworth) หนุ่มนักขับยานลากจูงที่เป็นคู่หมั้นของเธอร่วมอยู่ในแก๊งตัวละครวัยรุ่นหลักของภาคนี้อีกด้วย
และแน่นอน ตัวละครเก่าๆ ยังตามกลับมาเพียบ ที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ เดวิด เลวินสัน (Jeff Goldblum) ที่คราวนี้ก้าวหน้าเป็นบุคคลสำคัญในการป้องกันโลกจากผู้รุกราน และอีกคนก็คือพ่อของเขา จูเลียส (Judd Hirsch) ผู้ที่เคยถูกเอเลี่ยนจับไปทดลองผ่าตัดมาแล้วในภาคก่อน ก็กลับมาในภาคนี้ด้วย
จริงๆ ก็คงต้องบอกว่ากลับมากันอีกหลายคนเลยล่ะ
รีวิวหนัง ‘สงครามใหม่วันบดโลก’
สำหรับคนที่เคยได้ชมภาคแรกมาก่อน นี่ก็อาจจะเป็นภาคต่อที่ตอบสนองความทรงจำที่ผ่านมา 20 ปีได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าหากไม่เคยผ่านพ้นภาคแรกมาก่อน อาจจะอินได้น้อยกว่า กระนั้น คำแนะนำว่าควรดูภาคแรกมาก่อนก็ดูจะเป็น “จริง” อยู่มาก แต่หากเพิ่งมาดูภาคแรกเอาในวันนี้ ยังไงความรู้สึกก็คงไม่เท่าคนที่ได้ดูมาตั้งแต่ 20 ปีก่อนเช่นกัน
อลังการมหึมายิ่งกว่าภาคเก่า
ขุดโปรเจ็กต์นี้ขึ้นมาทั้งทีย่อมต้องสร้างให้มันยิ่งใหญ่กว่าเก่า ด้วยการเพิ่มสเกลในทุกๆ ด้าน ขยายทั้งจักรวาลให้มากกว่าเดิม ‘Independence Day: Resurgence’ จึงเหมือนการเดินในทางที่ไม่ต่างจากเดิมนัก แต่ยานอวกาศของเอเลี่ยนที่มาบุกโลกต้องมีขนาดมหึมาขนาดที่ลงจอดบนมหาสมุทรได้ วิทยาการของเอเลี่ยนต้องก้าวล้ำไปมากขึ้น
ขนาดที่แม้มนุษย์จะพัฒนาไปมากแค่ไหนก็ไม่เคยจะตามทัน
วิธีที่เอเลี่ยนจะทำลายมนุษย์ให้ย่อยยับต้องหนักหนากว่าเดิม และต้องแตกต่างจากที่เคยทำไว้ในภาคก่อน ขนาดของเอเลี่ยนต้องใหญ่และตายยากกว่าเดิม แถมยังฉลาดกว่าเดิม ชนิดที่ล่อมนุษย์ไปติดกับได้อย่างง่ายดาย
ซีจีในยุคนี้ก็ก้าวหน้าไปมาก ภาคนี้จึงเน้นอย่างมากกับงานด้านวิชวลเอฟเฟ็กต์ที่ขนมาอย่างไม่ยั้ง
ใครที่ตั้งใจจะไปดูซีจีก็น่าจะอิ่มสุขกันเป็นแน่ล่ะคราวนี้
พล็อตไม่แปลกใหม่ เดินตามสูตรเก่า
นัยว่าผู้สร้างหวังจะครองใจผู้ที่เคยชื่นชอบภาคแรก จึงเลือกที่จะเน้นไปที่พล็อตเรื่องที่ไม่ซับซ้อนหรือสมจริงตามแบบหนังไซไฟยุคนี้เท่าไหร่นัก แต่เลือกจะเดินทางตามรอยเดิมที่เคยทำไว้ซึ่งมันเคยประสบความสำเร็จเมื่อ 20 ปีก่อน ด้วยการวางโครงเรื่องไว้ใกล้เคียงเดิม เริ่มแรกที่จะต้องเป็นเหตุการณ์เตือนที่ค่อยๆ เพิ่มระดับความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วพาไปสู่การหลงกลคู่ต่อสู้จนหยิบเอาบางสิ่งที่ได้ค้นพบมาใช้จัดการทีหลัง หนังเดินไปข้างหน้าตามสูตรอย่างเดียว แถมยังใช้ตัวละครอย่างสิ้นเปลือง ทั้งตัวละครเก่าๆ ที่คนติดตามมาตั้งแต่ภาคแรกก็จะอินได้ แต่กลับไม่มีอะไรที่จะให้เซอร์ไพรส์หรือแม้แต่จะให้จดจำ เหมือนมีวัตถุดิบอยู่มากมายหากขาดการปรุงให้มันกลมกล่อมลงตัว ซึ่งต่างกับ ‘Independence Day’ อย่างชัดเจน จนทำให้เรากลับไปดูมันได้อีกหลายครั้ง
แม้ว่าพล็อตนั้นจากดูเชยไปแล้วในวันนี้ก็ตาม
ตัวละครใหม่สวยหล่อแต่ไม่ชวนอิน
นอกจากงานนี้ Roland Emmerich จะขนเอาตัวละครเก่ามาเอาใจคนที่เคยดูภาคเก่ามาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีละครใหม่ๆ เสียทีเดียว ทั้งนี้ส่วนหนึ่งก็ไม่อยากจะสู้ราคากับนักแสดงมือเก๋าที่ค่าตัวสูงได้
แต่เรากลับพบว่าตัวละครที่สวมบทโดย Liam Hemsworth และ Maika Monroe ไม่ได้ชวนให้คนดูอย่างผมมีอารมณ์ไปด้วยเท่าไหร่ เหมือนหนังจะเล่าแค่ผิวๆ ไม่ก็ไม่มีเวลาจะเล่าให้มากกว่านั้น แม้แต่ตัวละครที่คนดุจะคุ้นเคยได้มากอย่าง ดีแลน (Jessie T. Usher) ก็ยังถูกบอกเล่าอย่างบางๆ ซึ่งในที่สุดแล้ว คนดูก็จะไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย ไม่เอาใจช่วย ไม่สมน้ำหน้า
ได้แต่ดูกันไปเพลินๆ เช่นนั้น
โดยรวมของหนัง (ไม่มีฉากแถมพิเศษ ไม่ต้องรอ) จึงค่อนข้างจะเอาใจคนที่ดูภาคเก่าพอสมควร เห็นได้จากการใส่ตัวละครเก่าเข้ามาเยอะมาก เมื่อเสริมเข้ากับตัวละครใหม่ มันจึงเป็นหนังไซไฟที่ตัวละครล้นจอจนไม่อาจจะเล่าให้ไปข้างหน้าอย่างมีพลังเท่าที่ควร พล็อตดูจะตามสูตรเกินไป จนไม่มีอะไรแปลกใหม่ หรือแม้แต่เดาไม่ได้เลย
หนังเรื่องนี้จึงมีดีที่งานซีจีและวิชวลเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ที่ขนความหายนะมาประเคนให้อย่างถึงใจ งานภาพที่ดูตั้งใจจะทำให้การรับชมในแบบ 3 มิติดูน่าตื่นตาที่สุด
งานนี้ดูโรง 3 มิติจึงน่าจะฟินสุด
ชื่อภาพยนตร์: Independence Day: Resurgence / ไอดี 4 สงครามใหม่วันบดโลก / Independence Day 2
ผู้กำกับภาพยนตร์: Roland Emmerich
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Nicolas Wright, James A. Woods, Dean Devlin, Roland Emmerich, James Vanderbilt
นักแสดงนำ: Liam Hemsworth, Jeff Goldblum, Jessie T. Usher, Bill Pullman, Maika Monroe, Sela Ward, Judd Hirsch, Brent Spiner
ความยาว: 120 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ:2.35 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 23 มิถุนายน 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Twentieth Century Fox Film Corporation
สงครามใหม่วันบดโลก
Independence Day: Resurgence - 6.5
6.5
Independence Day: Resurgence
โดยรวมของหนังค่อนข้างจะเอาใจคนที่ดูภาคเก่าพอสมควร เห็นได้จากการใส่ตัวละครเก่าเข้ามาเยอะมาก เมื่อเสริมเข้ากับตัวละครใหม่ มันจึงเป็นหนังไซไฟที่ตัวละครล้นจอจนไม่อาจจะเล่าให้ไปข้างหน้าอย่างมีพลังเท่าที่ควร พล็อตดูจะตามสูตรเกินไป จนไม่มีอะไรแปลกใหม่ หรือแม้แต่เดาไม่ได้เลย