ในสัปดาห์ที่โรงหนังดูเงียบเหงาแต่เรายังคงมุ่งหน้าดูหนังเรื่องใหม่ หลังจากวันก่อนพบกับแอนิเมชันแฟนตาซีจรรโลงใจไปแล้ว วันนี้มาเจอกับความระทึกขวัญลุ้นสุดใจกันดูบ้าง กับเรื่องราวที่เป็นส่วนผสมของพล็อตแบบไซไฟ บวกแอคชั่น ใส่ความระทึกผสานความเลือดสาด กลายมาเป็น ‘The Invisible Man’ หรือชื่อไทย ‘มนุษย์ล่องหน’ ให้เราได้เสพกัน
ด้วยฝึมือการกำกับของ Leigh Whannell ที่ลงมือเขียนบทเองทั้งทำหน้าที่อำนวยการผลิตด้วย เขาคือใคร? เขาก็มือกำกับหนังผี ‘Insidious: Chapter 3’ อีกทั้งก่อนนี้ก็เป็นโปรดิวเซอร์หนังสยองขวัญมามากมาย แม้จะชื่อใหม่ในใจเรา แต่ถ้าดูเครดิตเขาไม่เบานะ
เอาเป็นว่า มาเริ่มกันเลยดีกว่า…
เรื่องย่อหนัง ‘The Invisible Man’
เรื่องราวมันเกิดขึ้นในคืนหนึ่ง
คืนนั้นเงียบสงัด ซี หรือ ซิสิเลีย แคสส์ (Elisabeth Moss จาก ‘Us’, ‘High-Rise’) หญิงสาวที่มีความสัมพันธ์กับนักวิทยาศาสตร์ที่ทั้งร่ำรวยและฉลาดล้ำเลิศ แต่เธอกลับใช้โอกาสนั้นหนีออกมาและหลบซ่อนตัว
เธอหลบซ่อนตัวอยู่กับเอมิลี่ (Harriet Dyer จาก In Between) ผู้เป็นน้องสาว, เจมส์ (Aldis Hodge จาก ‘Straight Outta Compton’) เพื่อนสมัยเด็กที่ปัจจุบันเป็นตำรวจ และลูกสาววัยรุ่นของเจมส์ (Storm Reid จาก ‘Euphoria’)
เมื่อเอเดรียน (Oliver Jackson-Cohen จาก The Haunting of Hill House) ตัดสินใจฆ่าตัวตาย และทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมากให้เธอ เหตุเช่นนี้สร้างความสงสัยให้กับซีว่าการตายของเขาเป็นเรื่องหลอกลวง
ดูเหมือนความสงสัยของเธอจะเป็นจริง เหตุการณ์ร้ายๆ บังเกิดขึ้นกับคนรอบๆ ตัวเธอ และมันกำลังจะทำให้เธอสติหลุด ในวันที่เธอพยายามจะอธิบายแต่ดูจะไม่มีใครฟังในสิ่งที่เธอพูด
แล้วเธอจะหยุดยั้งคนที่ใครๆ ก็มองไม่เห็นนั้นได้เช่นไร
รีวิวหนัง ‘The Invisible Man’
ภาพยนตร์ที่รีเมกจากหนังดังในอดีตที่ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อเดียวกัน เวอร์ชั่นนี้ผสมผสานทั้งความเป็นไซไฟด้วยเรื่องราวของผลจากการทดลองที่ทำให้คนกลายเป็นมนุษย์ล่องหนได้จริงๆ เล่าเรื่องด้วยความระทึกขวัญ ใส่ความจิตๆ เข้าไปหน่อยๆ บวกกับภาพที่จะๆ จนมันกลายเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญ
เพราะมองไม่เห็นจึงระทึกขวัญ
เมื่อนางเอกจำต้องหนีออกมาจากบ้านหลังนั้น บ้านริมทะเลที่เธออยู่กับแฟนหนุ่มผู้เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทั้งรวยทั้งปราชญ์เปรื่อง เขาคิดค้นเทคโนโลยีล่องหนขึ้นมาได้ แต่เพราะบุคลิกจอมบงการของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย หากแต่การหนีครั้งนี้มาพร้อมกับความหวาดระแวง เพราะเทคโนโลยีที่เขามีอยู่จะทำให้เธอมองไม่เห็นเลยว่าเขายืนอยู่ตรงนั้น หายใจรดต้นคอเธออยู่ตรงนั้น
เมื่อมองไม่เห็น มันก็ย่อมจะต้องระทึกขวัญ
ทั้งนี้นักแสดงหลายคนจะต้องแสดงออกในการต่อสู้ให้เสมือนว่ามีอีกคนที่มองไม่เห็นกำลังลาก เขวี้ยง และทำร้ายเขาอยู่ในตอนนั้น รวมไปถึงการแพนกล้องไปมาพร้อมกับเสียงดนตรีประกอบที่ชวนอึดอัด คนดูจึงได้แต่ระแวงตลอดเวลาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นตรงไหนของหน้าจอหนัง
อย่างไรก็ตาม เราก็พอจะรู้อยู่ว่าตัวละครอย่างนางเอกนั้น มิใช่คนที่โง่ที่จะปล่อยให้มนุษย์ล่องหนทำร้ายเอาอยู่ฝ่ายเดียว เธอย่อมรู้ว่าจุดอ่อนของตัวร้ายนั้นมีอะไรบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันง่ายดาย
เพราะอีกฝ่ายล่องหนอยู่นั่นเอง
เพราะภาพนั้นรุนแรงจึงสยองขวัญ
และมันไม่ใช่แค่ผู้ชมจะได้ระทึกไปกับการต่อสู้ของเหล่าตัวละครที่ต้องต่อกรกับตัวร้ายที่เป็นทั้งนักวิทยาศาสตร์ผู้ชาญฉลาด พรางตัวด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ทั้งยังเป็นชายผู้พละกำลัง เพราะภาพในหนังไม่ใช่แค่การต่อสู้ทั่วไป เพราะในนั้นยังมีฉากโหดๆ ที่พาให้เราอึ้ง
ฉาก jump scare อาจจะมาไม่บ่อยนัก แต่ก็ได้ผลชะงัดในขณะที่เราไม่ทันคาดคิด
ความรุนแรงในหนังสร้างให้มันข้ามขั้นจากระทึกขวัญไปสู่ความเป็นหนังสยองขวัญได้ในทันที นี่ไม่ใช่หนังผี แต่เป็นหนังที่จะต้องทำให้สมองต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาว่าจะเจอกับอะไรถัดไปจากวินาทีนี้
สิ่งที่เราจะรู้ก็คือ นางเอกจะเข้าใจแฟนหนุ่มของเธอมากที่สุด มนุษย์ล่องหนผู้นี้เอาแต่ทำร้ายคนที่อยู่รอบกายและยกเว้นไว้แค่เธอ และความล่องหนแม้จะยากรับมือแต่ก็มีจุดอ่อนที่ยังพอจะโต้กลับได้
เพราะโคตรปั่นจึงโคตรลุ้น
แต่หนังก็ไม่ได้มีแค่นั้น เรารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ตัวร้ายรายนี้เก่งกาจนักในการจัดการกับนางเอก สิ่งที่เขาไม่ได้แตะต้องตัวเธอมากนักแต่ยิ่งเวลาผ่านไป มันยิ่งทำร้ายลงลึกไปในจิตใจเธอหนักเขา สุดท้าย กลายเป็นเธอที่จิตหลุดเสียเอง ไม่มีใครเชื่อถือคำพูดของเธอ
นับว่าตัวร้ายนี่ปั่นเก่งน่าดู นอกจากจะมองไม่เห็นแล้วยังฉลาดไม่เบาอีกด้วย
ทว่า หนังก็ยังมีบางจุดที่ทำให้รู้สึกว่ามีผลมากต่ออิทธิพลทางความคิดของคนดู ด้วยส่วนหนึ่ง หนังปูทุกอย่างบอกทุกสิ่งว่านางเอกคิดเช่นไรกับตัวร้าย ทำให้เราไม่ได้คิดเป็นอื่นอีกแล้วจนมุมของการพลิกกลับไม่ได้เซอร์ไพรส์และแทบไม่ได้ทำให้ความคิดของเราเปลี่ยนไป
แม้ว่าจะไม่เคยดูเวอร์ชั่นเก่า แต่การได้ชมเวอร์ชั่นนี้ก็ทำให้รู้สึกได้แล้วว่า มันเป็นหนังระทึกขวัญที่ข้ามขั้นไปสู่ความสยองขวัญที่มีสไตล์โดดเด่น ชวนอึ้ง ระทึกลุ้น จิกเบาะ จัดมาให้เต็มที่ อีกทั้งหนังยังบอกเล่าถึงการคุกคามทางเพศผ่านการกระทำของตัวละคร นางเอกถูกข่มขู่ถูกทำร้ายทางร่างกายและคุกคามต่างๆ นานาอันมีผลต่อจิตใจ
แถมหนังมี Elisabeth Moss ที่เล่นเป็นนางเอกผู้ที่ทั้งระแวงภัย ต่อสู้ยิบตา หลอนหนัก จิตหลุด เรียกได้ว่าเป็นคนที่รับบทหนักที่สุดในเรื่องนี้
แม้แต่ในวินาทีสุดท้ายของหนัง
ชื่อภาพยนตร์: The Invisible Man / มนุษย์ล่องหน
ผู้กำกับภาพยนตร์: Leigh Whannell
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Leigh Whannell
นักแสดงนำ: Elisabeth Moss, Oliver Jackson-Cohen, Harriet Dyer, Aldis Hodge
ความยาว: 124 นาที
แนว/ประเภท: Horror, Mystery, Sci-Fi, Thriller
อัตราส่วนภาพ: Benjamin Wallfisch
ดนตรีประกอบ: 2.39 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 5 มีนาคม 2563
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Goalpost Pictures, Blumhouse Productions, Dark Universe
มนุษย์ล่องหน
พล็อตและบท - 7.4
ความน่ากลัว/ความหลอน - 8.3
การแสดง - 8
ดนตรีประกอบ - 8.3
งานภาพ - 7.8
8
The Invisible Man
แม้ว่าจะไม่เคยดูเวอร์ชั่นเก่า แต่การได้ชมเวอร์ชั่นนี้ก็ทำให้รู้สึกได้แล้วว่า มันเป็นหนังระทึกขวัญที่ข้ามขั้นไปสู่ความสยองขวัญที่มีสไตล์โดดเด่น ชวนอึ้ง ระทึกลุ้น จิกเบาะ จัดมาให้เต็มที่ อีกทั้งหนังยังบอกเล่าถึงการคุกคามทางเพศผ่านการกระทำของตัวละคร แถม Elisabeth Moss นางเอกของเรื่องก็สวมบทบาทไว้ได้ดียิ่ง