
หลังจากที่ได้ประทับใจกับซีรีส์ ‘แม่ครัวแห่งบ้านไมโกะ’ ที่โคเรเอดะเป็น 1 ใน 4 ผู้กำกับกันไปเมื่อ 2 ปีก่อน มาปีนี้ก็ได้พบกับซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องใหม่ที่เขาลงมือกำกับแบบเดี่ยวๆ คราวนี้ รีเมกจากซีรีส์ยุคเก่า ปัดฝุ่นเล่าใหม่ในช่วงเวลาเดิม ย้อนไปยังญี่ปุ่นประมาณปี 1979 กับครอบครัวที่มีพี่น้องสี่คน หญิงล้วน และต่างต้องเดินทางตามหาความสุขในแบบของตน ‘Asura’ ที่ฉายแล้วทางเน็ตฟลิกซ์
คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนี้?
แม้จะย้อนเล่าไปยังญี่ปุ่นในอดีต แต่ซีรีส์แนวครอบครัวญี่ปุ่นกลางศตวรรตที่ 20 ที่ถูกหยิบมาปัดฝุ่นใหม่ เล่าเรื่องราวได้อย่างมีสีสัน พี่น้องทั้งสี่สาวที่ต้องดิ้นรนอยู่ในสังคมญี่ปุ่นที่ชายยังคงเป็นใหญ่ การคบชู้ของผู้ชายยังเป็นธรรมดาที่ไม่มีอะไรสำคัญ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่มีเรื่องให้ขัดแย้งกันได้เสมอมา แต่ลึกๆ จะรักกันมากเพียงใด แถมยังสอดแทรกชีวิตของวัยรุ่นที่ต้องตะเกียกตะกายเพื่อคว้าฝันและความสำเร็จ
ซีรีส์ดราม่าที่มาครบรส ทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตา ได้เห็นนักแสดงสาวคนโปรดอย่าง ยู อาโออิ และ ซูซุ ฮิโรเสะ ที่กำกับโดย ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ มันช่างมีความสุขเสียนี่กระไร
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Asura’
ย้อนเวลากลับไปยังดินแดนอาทิตย์อุทัยในปี 1979 เหตุเกิดขึ้นกับเหล่าสี่สาวพี่น้องแห่งบ้านทาเคซาวะ เหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยวันที่ทากิโกะ (ยู อาโออิ จากหนังเรื่อง ‘Tokyo Ghoul’) สาวแว่นที่ขี่จักรยานไปทำงานหอสมุด ผู้มีนิสัยเข้มงวดและแต่งตัวเรียบๆ คาบข่าวมาบอกพี่น้องที่เหลือว่าพ่อของพวกเธอนอกใจแม่มาตั้งสิบปี แอบคบผู้หญิงอยู่คนนึง แถมยังมีลูกด้วยกัน ทากิโกะถึงขั้นลงทุนออกตังค์ไปสืบเอง
พี่น้องทั้งสามของทากิโกะ ก็ได้แก่ สึนาโกะ (ริเอะ มิยาซาวะ จากหนังเรื่อง ‘Her Love Boils Bathwater’) พี่สาวคนโต, มากิโกะ (มาจิโกะ โอโนะ จากหนังเรื่อง ‘Like Father, Like Son’) พี่สาวคนรองที่มีสามี ทากาโอะ (มาซาฮิโระ โมโทกิ จากหนังเรื่อง ‘Departures’) และน้องสาวคนสุดท้อง ซากิโกะ (ซูซุ ฮิโรเสะ จากหนังเรื่อง ‘Kyrie’) ที่คบอยู่กับ ฮิเดมิตสึ จินไน (คิเซตสึ ฟูจิวาระ จากหนังเรื่อง ‘Silence’) แฟนหนุ่มนักมวย
จู่ๆ พี่น้อง 4 สาวที่ดูจะมีความสุขดี ก็ต้องมาเจอเรื่องสั่นคลอนจิตใจ นี่คือเรื่องราวดราม่าครอบครัวสมัยใหม่ของ 4 สาวพี่น้องที่กำลังตามตามหาความสุขที่แท้จริงท่ามกลางความขัดแย้ง คราบน้ำตา และเสียงหัวเราะ
รีวิวซีรีส์ ‘Asura’
ดั้งเดิมเลย มันเคยเป็นนิยายเรื่อง ‘Ashura no Gotoku’ ที่เขียนโดย Kuniko Mukoda ที่ต่อมาก็กลายมาเป้นซีรีส์ NHK ชื่อเดียวในปี 1979-1980 แล้วตอนนี้ มันก็ถูกนำมารีเมกโดยผู้กำกับชื่อดังที่ทุกคนรู้จักกันดี Hirokazu Koreeda เจ้าของผลงานการกำกับหนังดีๆ หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ‘Our Little Sister’, ‘Shoplifters’, ‘Broker’ และ ‘Monster’
เรามักจะเป็นผู้กำกับคนนี้หยิบเอาเรื่องครอบครัวมาเล่าในสไตล์ที่ทัชใจคนอยู่ตลอดมา เรื่องนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกัน ช่วงเวลาของเรื่องราวยังคงเป็นแถวๆ ปี 1979 เหมือนเวอร์ชัน(ที่ผมก็ไม่เคยได้ดู) งานภาพจึงถูกย้อมสีและมีความคล้ายคลึงกับหนังฟิล์ม เล่าถึงครอบครัวๆ หนึ่งที่พ่อกับแม่มีลูกสาวทั้งสี่คน และต่างคนก็โตเป็นสาวจนแยกย้ายันไปมีชีวิตของตัวเอง ขณะที่พ่อกับแม่ก็ต้องอยู่กันตามลำพังในบ้านหลังเก่า ส่วนลูกสาวก็มักจะมีช่วงเวลาที่กลับมาเจอกันอยู่เนืองๆ เพียงแต่หนนี้ดูท่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นจึงได้นัดมาประชุมกัน
เมื่อทากิโกะสืบรู้เรื่องพ่อแอบนอกใจแม่มาเป็นสิบปี รีบเอาข่าวนี้มาบอกกล่าวเหล่าพี่น้องที่เหลือ แม้ดูเหมือนจะไม่มีใครใส่นัก แต่ทุกคนก็ตระหนักดีเพราะพวกเธอก็เผชิญกับสิ่งเหล่านี้อยู่เช่นกัน
สึนาโกะ พี่สาวคนโตนักจัดดอกไม้ที่แอบคบหากับชายเจ้าของร้านที่มีเมียอยู่แล้ว, มากิโกะ พี่สาวคนรอง แม่บ้านที่กำลังสงสัยในความสัมพันธ์ของสามีพนักงาบริษัทกับเลขาคนสวย ส่วนซากิโกะ คนสุดท้องก็กำลังคบหากับแฟนหนุ่มนักมวยที่ยังดิ้นรนเพื่อประสบความสำเร็จ ขณะที่ทากิโกะคนเรียกประชุมเองก็เป็นน้องรองที่เข้มเคร่งกับทุกสิ่งแม้กระทั่งกับความรู้สึกตนเอง จนเกือบไม่รู้ตัวว่ากำลังมีใจให้กับนักสืบหนุ่มที่ตนจ้างให้สืบเรื่องพ่อ
สาวสี่พี่น้องกลายเป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่ต้องใช้ชีวิตในสังคมญี่ปุ่นยุคหลังสงคราม สิ่งที่มองเห็นเป็นสำคัญในซีรีส์เรื่องนี้ก็คือ มันคือสังคมชายเป็นใหญ่ ที่แม้ผู้หญิงจะสามารถทำงานนอกบ้านได้ ไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่แม่บ้านเท่านั้น แต่สังคมก็ยังเปิดอยู่มากที่จะให้ผู้ชายคบชู้ได้ และพี่น้องแต่ละคนต่างก็ตอบสนองต่อเรื่องคุณพ่อคบชู้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
คุณพ่อ (จุน คุนิมุระ จากหนังเรื่อง ‘Suicide Forest Village’) ที่อายุก็ 70 ปีเข้าไปแล้วแต่ก็ยังนอกใจคุณแม่ ฟูจิ ทาเคซาวะ (เคย์โกะ มัตสึซากะ จากซีรีส์ ‘The Makanai: Cooking for the Maiko House’) ไปคบกับสาวลูกติด โดยที่คุณแม่ก็ได้แต่เงียบ ทำหน้าที่ภรรยาของตนเองไป ทั้งๆ ที่เจ็บอยู่ข้างในไม่น้อยเลย ขณะที่ทากาโอะสามีของมากิโกะก็ดูจะเข้าข้างพ่อตา ถึงกับนักไกล่เกลี่ยกับนักสืบให้ช่วยกลบเกลื่อนเรื่องคบชู้
แม้อาจดูบทซีรีส์จะเลือกเล่าแต่มุมเลวร้ายของมนุษย์เพศชาย แต่ที่จริงซีรีส์เรื่องนี้ก็มีตัวละครอีกด้านเช่นกัน อย่างเช่น พี่สาวคนโตที่เลือกจะคบชู้แทนที่จะสนใจชายโสด ส่วนหนึ่งก็คงเพราะเสน่ห์ที่เย้ายวนกับการตอบสนองความต้องการทางเพศได้ดีของเขานั่นแหละ ในขณะที่หนุ่มนักสืบอย่าง คัตสึมาตะ (ริวเฮ มัตสึดะ จากหนังเรื่อง ‘The Great Passage’) ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจต่อทากิโกะและคุณพ่อของเธอ
ในซีรีส์ที่นอกจากจะย้อนให้เราได้เห็นญี่ปุ่นในยุคเก่า เต็มไปด้วยวิถีชีวิตที่ชวนคิดถึง ทั้งโทรศัพท์บ้าน จักรยาน รถรา ทีวีรุ่นเก่า หนังสือพิมพ์ และอะไรต่อมิอะไร ทั้งแทรกเอาวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นในยุคนั้นมาใส่ไว้ ทั้งการละเล่น การแสดงบุนรากุ รวมไปถึงความทรงจำวัยเด็กของเหล่าพี่น้อง อย่างการปั้นข้าวปั้น เป็นต้น คิดว่า ยิ่งเป็นคนญี่ปุ่น ได้มาเปิดดูก็คงยิ่งคิดถึงวันเก่าๆ ของตนเอง
ไม่เพียงแค่เรื่องสะท้อนสังคมและความคิดญี่ปุ่นยุคนั้น บอกเล่าเรื่องดราม่าระหว่างคนในครอบครัวเดียวกัน มันยังแทรกมุมน่ารักและชวนหัวเราะคิกคักปะปนอยู่ เรื่องราวที่ดูธรรมดา ไม่ว่าจะอยู่ในครอบครัวก็มีสิทธิได้เจอะเจอ แต่ก็กลับสร้างความน่าสนใจ ชวนให้ติดตามไปได้จนจบ อีกส่วนผสมสำคัญก็คงเป็นการมีนักแสดงที่เข้าขาและทำหน้าที่ได้ดี ที่สำคัญ ในนั้นมีคนที่นายแพทชื่นชอบ ยู อาโออิ และ ซูซุ ฮิโรเสะ
ซูซุ ฮิโรเสะ เล่นเป็นซากิโกะ น้องสาวคนเล็ก ที่พี่ๆ มักรู้สึกว่าเธอค่อนข้างแปลกแยก เกิดหลังสุด มีความเป็นวัยรุ่นมากสุดก็เลยคิดไม่เหมือนคนอื่น มีอิสระทางความคิด มีนิสัยร่าเริง และในเมื่อชื่นชอบกีฬาต่อยมวยก็เลยมีแฟนเป็นนักมวย เธอไม่ยอมมีอะไรด้วย(แม้จะอยู่ด้วยกัน)และจะรอจนกว่าเขาจะคว้าแชมป์ สิ่งหนึ่งที่กดดันซากิโกะก็คือการที่เธอมีฐานะที่น้อยหน้าพี่ๆ ทำให้เมื่อวันหนึ่งที่รวยขึ้นมา เธอก็เลือกจะใช้ชีวิตอย่างโอ้อวด ซึ่งนั่นก็ทำให้โต้แย้งและเขม่นเหม็นหน้ากันกับพี่สาวจอมเข้มอย่าง ทากิโกะ อยู่เป็นประจำ
ยู อาโออิ เล่นเป็น ทากิโกะ หญิงสาวหัวโบราณที่เคร่งไปซะกับทุกเรื่อง แต่งตัวจืดๆ ขี่จักรยานไปทำงานในหอสมุดของเมือง ตามสืบเรื่องของพ่อ จนพบรักกับหนุ่มนักสืบ ดีอยู่หน่อยที่คัตสึมาตะคนนี้เป็นคนดี ไม่ว่อกแว่กหรือดูเจ้าชู้เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ แถมยังเป็นคนจริงใจซื่อสัตย์อีกต่างหาก แต่ทากิโกะก็มักจะไม่กินเส้นกับซากิโกะน้องสาวด้วยความคิดและนิสัยที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง แต่เราก็รู้ว่า แม้การแสดงออกจะดูเหมือนไม่ชอบหน้ากัน แต่ลึกๆ ในใจ ยังไงพวกเธอก็ยังรักกัน
2 คนนี้ดูจะเป็นคนที่ได้เล่นในบทบาทที่โดดเด่นสุดของเรา และหลายหนที่ทำให้เราเสียน้ำตาให้กับบทบาทของเธอ
เรื่องราวในแต่ละตอนจะกระโดดไปเรื่อยๆ ขยับไปทีละ 2-3 ปี ทำให้มองเห็นพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของแต่ละคน ชีวิตที่มีขึ้นและลง โดยทั้งสี่จะมารวมตัวกันด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง และก็มักจะทะเลาะกันให้เห็นเป็นประจำ
เรื่องของพี่น้องที่ไม่ว่าใครก็ต้องอิน ชีวิตของทุกคนมีขึ้นมีลง อาจมีบางวันที่รู้สึกน้อยหน้าคนอื่น ทั้งเรื่องเงินทองหรือเรื่องชีวิตคู่ แต่ก็มีบางวันเช่นกันที่เรากลับประสบความสำเร็จยิ่งกว่า ความอิจฉามันย่อมมี การพูดคุยปรับความเข้าใจควรต้องเกิดในเวลาที่เหมาะสม เรื่องพ่อแม่ก็เช่นกัน ชีวิตคู่ของพวกเขาอาจเป็นบทเรียนให้กับเหล่าลูกๆ ได้ แต่ว่าใครจะจัดการยังไงก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน ไม่มีใครช่วยเหลือใครได้ทั้งหมด ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของผลพวงจากอดีต บางครั้งชีวิตก็เป็นตลกร้าย หลายครั้งเราก็แค่เข้าใจผิด
ชีวิตคือการเรียนรู้ น้ำตาและเสียงหัวเราะสลับอยู่กับเราเรื่อยมา
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Asura / あしゅらのごとく |
ผู้สร้าง | Kuniko Mukoda |
ผู้กำกับ | Hirokazu Koreeda |
ผู้เขียนบท | Hirokazu Koreeda, Kuniko Mukoda |
นักแสดง | Suzu Hirose, Yu Aoi, Machiko Ono, Rie Miyazawa |
แนว/ประเภท | ดราม่า |
จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 7 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 9 มกราคม 2025 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Bunbuku |
คะแนนรีวิวซีรีส์ Asura no Gotoku
พล็อตและบท - 8
การแสดง - 8.7
การดำเนินเรื่อง - 8.3
เพลงและดนตรีประกอบ - 8
การถ่ายทำ เทคนิคภาพและโปรดักชั่น - 8.6
8.3
Asura
แม้จะย้อนเล่าไปยังญี่ปุ่นในอดีต แต่ซีรีส์แนวครอบครัวญี่ปุ่นกลางศตวรรตที่ 20 ที่ถูกหยิบมาปัดฝุ่นใหม่ เล่าเรื่องราวได้อย่างมีสีสัน พี่น้องทั้งสี่สาวที่ต้องดิ้นรนอยู่ในสังคมญี่ปุ่นที่ชายยังคงเป็นใหญ่ การคบชู้ของผู้ชายยังเป็นธรรมดาที่ไม่มีอะไรสำคัญ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่มีเรื่องให้ขัดแย้งกันได้เสมอมา แต่ลึกๆ จะรักกันมากเพียงใด แถมยังสอดแทรกชีวิตของวัยรุ่นที่ต้องตะเกียกตะกายเพื่อคว้าฝันและความสำเร็จ ซีรีส์ดราม่าที่มาครบรส ทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตา ได้เห็นนักแสดงสาวคนโปรดอย่าง ยู อาโออิ และ ซูซุ ฮิโรเสะ ที่กำกับโดย ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ มันช่างมีความสุขเสียนี่กระไร