รีวิวซีรีส์ GyeongSeong Creature 2 | สู่โลกปัจจุบันของ กยองซองสยองขวัญ

สิ่งที่เธอคิดว่ามันคงจบแล้ว แต่แท้ที่จริงมันยังไม่จบ ฤดูหนาวที่เหน็บหนาวยาวนาน กำลังจะแปรเปลี่ยนเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง เมื่อยุนแชอ๊กผู้มีชีวิตมายาวนานหลายสิบปี ได้พบเจอกับชายผู้มีใบหน้าเหมือนนายท่านจางอย่างเหลือเชื่อ แต่เขากลับบอกว่าตนเองคือ จางโฮแจ นี่คือสิ่งที่จะถูกบอกเล่าใน ‘GyeongSeong Creature 2’ หรือชื่อไทย ‘สัตว์สยองกยองซอง 2’ ซีรีส์เกาหลีแนวสัตว์ประหลาดโรแมนติกที่มาในซีซันที่สอง

คิดเห็นอย่างไรกับซีรีส์เรื่องนี้?

หลังจากซีซันแรก บอกเล่าถึงการทดลองลับของพวกญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่กลางโรงพยาบาลในยุคสมัยที่เมืองนั้นยังชื่อกยองซอง และบอกเล่าถึงการพบรักของเจ้าของโรงรับจำนำกับหญิงพเนจรนักแกะรอย แต่ภาคนี้ ข้ามมาเล่าในยุคปัจจุบัน ที่การทดลองนั้นยังถูกสานต่อภายใต้บริษัทยา ซีรีส์เดินเรื่องไม่ได้เร็วขึ้นแต่มีฉากบู๊บ่อยครั้งกว่าเดิม พร้อมกับนำพาตัวละครเก่ากลับมาให้คนรู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่า และบอกเราว่าเหตุใด พระเอกในซีซันนี้จึงจำอะไรไม่ได้ทั้งที่หน้าตาเหมือนนายท่านจางอย่างกับแกะ

แต่ที่แน่ๆ ยุนแชอ๊กเฝ้ารอนายท่านจางมานานมาก จนมันกลายเป็นซีรีส์สัตว์ประหลาดแสนโรแมนติกไม่ต่างกับซีซันแรก

เรื่องย่อซีรีส์ ‘GyeongSeong Creature 2’

เหตุการณ์ในก่อนเก่าผ่านกาลเวลามานานมาก แต่คนบางคนคงมีชีวิตอยู่ ยุนแชอ๊ก (ฮันโซฮี จากซีรีส์ ‘Abyss ลูกแก้วคืนวิญญาณ’) ที่รอดชีวิตขึ้นมาได้เพราะนาจินย้ายจากร่างแม่เข้ามาอยู่ในหัวของเธอ เธอจึงดำรงชีวิตเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่ยังคงประกอบสัมมาอาชีพเดิมอย่างการสืบหาคนหาย รับงานโดยใช้ชื่อง “นางแอ่นเงิน” ผ่านทางนางหน้าอย่างมาดามนา และด้วยโชคชะตาหรืออะไรบางอย่าง นำพาให้แชอ๊กได้กลับมาเจอเขาอีกครั้ง

คนที่หน้าตาเหมือนกับนายท่านจางอย่างเป๊ะ แต่เขาชื่อ จางโฮแจ (พัคซอจุน จากหนังเรื่อง ‘Be with You’ และ ‘Concrete Utopia วิมานกลางนรก’) ที่ทำงานกับพี่ยงกิล (ฮอจุนซอก จากซีรีส์ ‘Grid’) ในฐานะรองประธานและประธานบริษัทบูกัง อันเป็นบริษัทสืบทอดกิจการมาจากโรงรับจำนำชื่อ “คลังสมบัติทอง” ของนายท่านจางนั่นเอง

แม้กยองซองในเวลาปัจจุบันได้แปรเปลี่ยนไปเป็นเมืองหลวงที่ทันสมัยแห่งเกาหลีใต้อย่างกรุงโซลไปแล้ว ทว่าการทดลองสร้างสัตว์ประหลาดที่มีพละกำลังยังคงถูกสานต่อภายใต้ฉากหน้าที่ชื่องว่า จอนซึงเภสัชกรรม โดยชายคนหนึ่ง (อีมูแซง จากซีรีส์ ‘Blood Free’) คอยดูแล และมี ซึงโจ (แบฮยอนซอง จากซีรีส์ ‘Our Blues เวลาสีฟ้าหม่น’) มนุษย์กลายพันธุ์หนึ่งในตัวทดลองของจอนซึง ผู้ชอบออกไปก่อเรื่องด้วยการฆ่าคนที่ทิ้งร่องรอยประหลาดเอาไว้จนกลายเป็นคดี

และเมื่อเกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องขึ้น ตำรวจจึงเข้ามาเกี่ยวข้อง โดย สายสืบโน โนจีซู​ (ฮันดงฮี จากซีรีส์ ‘Frankly Speaking พูดตรงๆ คงต้องรัก’) แห่งสถานีตำรวจจงนัมตามสืบคดีนี้อยู่

รีวิวซีรีส์ ‘สัตว์สยองกยองซอง 2’

จากเรื่องเล่าที่ได้รับแรงอินสไปเรชันมาจากเหตุจริงของเกาหลีในปี 1945 ที่กลายมาเป็นซีรีส์เล่าเรื่องญี่ปุ่นทำการทดลองสร้างสัตว์ประหลาดในซีซันแรก ‘GyeongSeong Creature’ ข้ามมาสู่ปี 2024 ในซีซันที่สอง เรื่องราวที่ยังไม่จบสิ้นลง ยุนแชอ๊กที่ตกน้ำไป แม่ของเธอได้ช่วยเหลือไว้ด้วยการปลดปล่อยนาจินเข้าสู่ร่างลูกสาว จนทำให้แชอ๊กยังคงมีชีวิตต่อถึงปัจจุบัน ดำรงชีวิตด้วยการทำตัวลึกลับและยังทำงานเป็นนักแกะรอยคอยตามคนหายอยู่เช่นเดิม เพิ่มเติมคือ เปลี่ยนสีผม แถมรู้จักใช้อุปกรณ์ไอทีในการสืบหาด้วยแฮะ

ซีรีส์เริ่มเรื่องมาอย่างชวนให้เรางุนงงสงสัยถึงบางสิ่ง แต่ก็บางอย่างก็เข้าใจได้ง่าย แรกๆ อาจพาให้ขมวดคิ้วบ้าง แต่พอมาตอนสองตอนสาม ก็เริ่มอธิบายอะไรให้คนดูได้เคลียร์กับมันมากขึ้น

บูกัง คือธุรกิจค้าขายระดับโลก แต่นั่นก็แค่ป้าย เพราะพี่น้องสองคนที่สืบทอดกิจการมาจากคุณปู่ยังต้องดิ้นรนหาเงินมาใช้หนี้ โดยที่หนึ่งในสองเป็น จางโฮแจ ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเหมือนนายท่านจางอย่างกับแกะ แต่เพราะอุบัติเหตุบางอย่าง ทำให้เขามีรอยแผลเป็นแถวท้ายทอย แม้จะมีทักษะการต่อสู้ที่เหนือชั้น แต่ก็ไม่อาจสู้กับพวกที่มีนาจินอยู่ในหัวได้ แถมเขายังจำอะไรไม่ได้เลย

วันนึงก็ได้เจอกับยุนแชอ๊กผู้อยู่มานาน และต้องมาทำงานร่วมกัน เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับฆาตกรรมประหลาดที่ไม่น่าจะเกิดมนุษย์ด้วยกันเอง

บทของซีรีส์เชื่อมโยงกับซีซันก่อน เปลี่ยนบริบทจากยุคโชซอนให้เป็นเกาหลีในยุคปัจจุบัน นางเอกยังเป็นคนเดิมที่อยู่ยาวเพราะนาจินที่ได้จากแม่ ขณะที่พระเอกก็มีข้อชวนสงสัยว่าเขาอาจจะเป็นนายท่านจาง เราเลยต้องติดตามว่าจะเป็นด้วยสาเหตุใดกันแน่ แต่ที่รู้ๆ เกาหลีปัจจุบัน มีองค์กรธุรกิจด้านการแพทย์อย่าง จอนซึงเภสัชกรรม ที่ยังคงสืบสานการทดลองหามนุษย์พันธุ์ใหม่ขึ้นมา

ห้องทดลองของพวกเขาชวนให้นึกถึงห้องใต้ดินในโรงพยาบาลองซองที่ปรากฏในซีซันแรก พวกเขามีซึงโจผู้มีนาจินอยู่ในหัว ทำหน้าที่คอยสังหารคนที่ต้องการเก็บ พลังเหนือมนุษย์และรยางค์ที่ยืดยาวออกมาจากแขน ชวนให้คิดว่าเขาเป็นใครกันนะ ใครคือเด็กที่ได้รับนาจินตัวเต็มวัยจากแม่ และชวนให้คิดต่อว่า เด็กที่มีมาจินอยู่ในหัว จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วหยุดเติบโตหยุดแก่อย่างนั้นใช่มั้ยนะ

นอกจากนี้ บทของซีรีส์ก็ยังไปดึงตัวละครเก่าในซีซันแรกให้กลับมามีบทบาทอีกครั้ง รวมทั้งยังเชื่อมโยงสองซีซันด้วยรูปถ่ายที่ตั้งอยู่ในบ้าน พาคนดูให้คิดตามกันไปว่า ตัวละครในซีซันนี้ มีความเกี่ยวข้องยังไงกับตัวละครในซีซันเก่ากันแน่

แม้โดยรวมแล้ว ซีซันนี้ การเดินเรื่องจะไม่ฉับไวกว่านัก แต่มันก็เดินไปอย่างสนุกกว่า ตื่นเต้นกว่า ด้วยฉากบู๊ที่มีสัดส่วนมากกว่าเดิม เลิฟไลน์ก็ไม่ต้องสร้างใหม่ เพราะมันคือคู่เดิมที่เริ่มรักมาตั้งแต่ซีซันแรก ยุนแชอ๊กกับจางโฮแจที่หน้าเหมือนนายท่านจางแต่สูญเสียความทรงจำ

บางจุดก็ดูจะชวนสงสัยอยู่ตะหงิดๆ อย่างเช่น ควอนยงกิลกับจางโฮแจ ดูแลกิจการที่ติดหนี้อยู่ตั้งมากตั้งมาย แต่โฮแจกลับเอาเงินปึกใหญ่ให้คุณยายอย่างหน้าตาเฉย หรือเหตุปะทะหลายครั้งหลายครา ผลปรากฏออกมา ตำรวจไม่พบร่องรอยอย่างอื่น นอกจากของโฮแจแต่เพียงผู้เดียว ตัวโกงนี่กลบเกลื่อนเก่งชะมัดยาด

บางขณะ ซีรีส์ก็พร่ำสนทนาถึงเจตจำนงของมนุษย์ แล้วจู่ๆ ก็มาตั้งคำถามถึงความเท่าเทียมกันระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ไล่เรียงไปถึงเหตุผลในการเลือกกระทำ ทำให้มันเหมือนจะมีสาระ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอธิบายอะไรมากมายนัก เหมือนมาแล้วก็ผ่านไป

ซีรีส์ใช้การใส่ตัวแปรที่ไม่แน่นอนเพื่อพาบทให้พลิกไปมาได้ อย่างการให้ซึงโจเป็นมนุษย์ที่ได้รับนาจินไปแต่ไม่ต้องแปลงร่างเป็นสัตว์ประหลาดเต็มตัว เขามีความคิดเป็นของตนเอง แถมออกจะดูขบถนิดๆ ด้วยซ้ำ ทั้งการให้ ยูคิโกะ มาเอดะ (ซูฮยอน หรือ คลอเดีย คิม จากซีรีส์ ‘The Atypical Family’) กลับมามีบทบาทอีกครั้ง ยังเปิดให้บทได้เผยความจริงเบื้องหลังของการมีวันนี้ของจางแฮโจและยุนแชอ๊กในบั้นปลาย

ดูจบก็ไม่ต้องรีบปิด มีฉากเพิ่มให้กลางเครดิตปิดท้าย ราวกับแย้มกลายๆ ว่าอยากจะสร้างต่อ

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์