รีวิวหนัง Kung Fu Panda 4 | กังฟูแพนด้า การกลับมาของนักรบมังกร

หลังจากภาคแรกในปี 2008 ตามมาด้วยภาคสองและสามในปี 2011 และ 2016 ตามลำดับ หนังชุดนี้พาให้คนได้สนุกสนานกับลีลาการก้าวขึ้นเป็นนักรบมังกรของเจ้าแพนด้าตัวอวบที่เป็นกำพร้า โตมาในบ้านที่ขายบะหมี่ พร้อมๆ กับผองเพื่อนที่เก่งกาจด้านกังฟู ร่วมมือกันเพื่อช่วยโลก ผ่านมาถึงต้นปี 2024 แพนด้าตัวเดิมกลับมาอีกครั้งใน ‘Kung Fu Panda 4‘ หรือชื่อไทย ‘กังฟูแพนด้า 4’

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

แอนิเมชันที่เคยสร้างความสุขยาวนาน 3 ภาคก่อนย้ายไปสร้างความสนุกในแบบซีรีส์ หนนี้ นักรบมังกรโปกลับมาในเวอร์ชันหนังอีกครั้ง พร้อมพาตัวละครเก่า และความพยายามในการส่งต่อไปสู่ตัวละครใหม่ ยังคงสานตาความสนุกจากเรื่องราวเดิม ด้วยการพาโปให้โตไปอีกขั้น กับเรื่องราวของการเปิดตัวเองไปรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาในชีวิต ขณะเดียวกัน ก็สร้างสถานการณ์ให้เป็นสองตัวละครที่เคมีลงตัวฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมกัน งานภาพโดดเด่นขึ้นตามกาลเวลา มุกโบ๊ะบ๊ะก็ทำให้เหมาะเจาะลงตัว

แต่สิ่งที่ขาดหายไปกลายเป็นฉากดราม่าที่แทบจะเป็นอีกหนึ่งจุดขายของกังฟูแพนด้า

เรื่องย่อหนัง ‘Kung Fu Panda 4‘

โป (Jack Black จากหนังเรื่อง ‘The Super Mario Bros. Movie’ และซีรีส์ ‘Jumanji: The Next Level’) แพนด้ากำพร้าที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยสองพ่อที่มีกิจการขายบะหมี่ เขากลายเป็นนักรบมังกรผู้พิชิตเหล่าวายร้ายเฉียดตายมาแล้วหลายรอบ ตอนนี้ เขาถูกลิขิตให้กลายเป็นผู้นำจิตวิญญาณของหุบเขาสันติ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจภารกิจนี้สักเท่าไร โปไม่อาจเข้าใจเรื่องผู้นำทางจิตวิญญาณได้อย่างถ่องแท้ แต่เขาจำเป็นต้องค้นหาและฝึกนักรบมังกรคนใหม่ให้ไวก่อนเข้ารับตำแหน่ง

อาจเป็นเพราะโชคชะตาพาเขาไปพบกับ กิ้งก่าแปลงกาย (Viola Davis จากหนังเรื่อง ‘The Hunger Games: The Ballad of Songbirds & Snakes’) จอมขมังเวทย์ผู้ชั่วร้ายที่สามารถแปลงกายเป็นสัตว์ได้ทุกชนิด มันหวังครอบครองพลังแห่งภูมิปัญญาที่อยู่ภายในร่างของโป

งานนี้ โป ต้องมีผู้ช่วย และเขาก็พบกับ เจิน (Awkwafina จากหนังเรื่อง ‘The Farewell’ และ ‘The Little Mermaid’) นางจิ้งจอกจอมโจรเจ้าเล่ห์และเจ้าไหวพริบ ทั้งสองออกเดินทางไปพร้อมหาทางปกป้องหุบเขาสันติจากมารกิ้งก่าแปลงกาย

รีวิวหนัง ‘กังฟูแพนด้า 4‘

แม้จะผ่านไปนานพอสมควรเลยกว่าที่เขาจะกลับมาสร้างภาคสี่ ภาพยนตร์แอนิเมชันที่เล่าเรื่องราวของแพนด้าโปที่กลายเป็นนักรบมังกร หลังหันไปสร้างเป็นแอนิเมชันซีรีส์มาพักใหญ่ ก็ได้เวลาที่แพนด้าโปจะกลับมาบนจอยักษ์อีกหน หนนี้ โปได้ภารกิจชีวิตใหม่ แทนที่จะเป็นแค่นักรบมังกร ไม่แล้ว เขาจะต้องก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณในหุบเขาสันติ ซึ่งที่จริงแล้ว มันก็ไม่ใช่ทางของนักรบมังกรอย่างโปเลยสักนิด

เขามีความสุขกับการกิน ไม่เคยเข้าใจว่าทำยังไงถึงจะลดน้ำหนักตัวเองลงได้ การบำเพ็ญตบะบนเขาจึงไม่เคยสำเร็จ เพราะมีเรื่องกินมากวนสมาธิอยู่ตลอดๆ

จะว่าไป ในจักรวาลของกังฟูแพนด้านี้ เขาสร้างวายร้ายตัวเก่งได้เยี่ยมยอดมาทุกภาค และภาคนี้ก็เช่นกัน กิ้งก่าแปลงกาย หรือ The Chameleon คือตัวร้ายที่มีพลังแก่กล้า มันแปลงได้เป็นสัตว์ทุกชนิด และตอนนี้ก็สะสมพลังกังฟูมาหมดแล้วทุกยอดเหล่าร้าย แน่นอนว่า โป คือรายต่อไป เมื่อนางสูบพลังได้เมื่อไหร่ ก็คงไม่มีใครจะปรามาสนางได้อีก

อีกทั้งยังเขียนให้โปได้พบเจอหนทางไปแบบที่ไม่เหมือนความคาดหวังของอาจารย์ชิฟูได้เช่นเคย เมื่อเขาไม่อาจฝึกตนเพื่อเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณได้ เลยลงจากเขาไปเจอกับสหายเจิน จอมโจรสาวจิ้งจอก ที่บอกได้เลยว่า อควาฟินา นักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ ทำให้ตัวละครนี้มีสีสันเป็นอันมาก

โปในภาคนี้ แม้จะยังมีนิสัยห่วงกินแบบที่เคยๆ แต่ก็ดูเหมือนจะโตขึ้นมาก รู้จักแก้ปัญหา และบทเขียนมาให้เคมีของโปและเจินเข้ากันได้ดี จนกลายเป็นสิ่งที่ทำให้หนังเดินไปอย่างสนุก เช่นเดียวกับความกระชับฉับไว เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่น แล้วก็มีตัวละครใหม่ๆ ตัวขโมยซีน และดึงตัวละครเก่าที่เขาพากลับมาให้แฟนๆ ได้ฟินกันอีกครั้ง

ไม่เท่านั้นนะ หนังก็ยังพาทั้งป๋าและเตี่ยให้กลับมาแถมยังมีบทบาทควบคู่กับโปตลอดทั้งเรื่อง ที่สำคัญ หนังยังเต็มไปด้วยโบ๊ะบ๊ะ พาคนดูฮาลั่นโรงได้ตามมาตรฐานของตัวเอง แม้อาจพบว่า ตัวเรื่องจะยังให้คติสอนใจ แต่ก็เล่นสนุกกับความตลกและแอ็คชั่นเพลินไปจนขาดดราม่าทั้งที่เป็นจุดขายสำคัญที่ใช้ได้ผลมาในทุกภาคก็ตาม

อีกสิ่งที่ต้องไม่พลาด คือ การได้ฟังเพลงประกอบที่ดังขึ้นในช่วงเครดิตปิดท้าย ‘Baby One More Time’ เวอร์ชันไทย จึ้งใจไม่แพ้เวอร์ชันดั้งเดิมเลย ฟังกันไปเพลินๆ ก่อนเดินตัวปลิวออกจากโรงหนัง

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง