รวม 10 หนังแข่งรถสุดประทับใจ มาเหยียบคันเร่ง แล้วบรี๊น ๆ ไปด้วยกัน

สำหรับคนที่ชอบความเร็ว หนังที่ชื่นชอบคงไม่พ้น “หนังแข่งรถ” หลายเรื่องก็สร้างมาจากเกม แต่บางเรื่องก็สร้างมาจากชีวิตจริง แต่ไม่ว่าเรื่องไหน ก็มักจะจับคู่เรื่องความเร็วกับอันตราย อาการบาดเจ็บที่ฝังอยู่ในใจนักแข่ง ไม่ก็เป็นความพ่ายแพ้ที่รอวันได้กลับมาแก้มือ ไม่ว่ายังไง หนังต้องมีฉากประลองความเร็วในสนามสุดเร้าใจด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

และวันนี้ เห็นทีจะต้องหยิบมารวบรวมและเขียนถึงกันสักหน่อยแล้ว หวังว่าจะมีหลายเรื่องที่ตรงกับใจของคุณ

หนังแข่งรถ ที่อยากจะแนะนำมีเรื่องอะไรบ้าง?

แม้ความจริง หนังที่เล่าเรื่องสไตล์นี้จะมีอยู่มากมาย แต่ละเรื่องสร้างความแตกต่างด้วยรูปแบบการแข่งและโมเดลรถ แม้กระทั่งแอนิเมชันก็ยังมีมาฉาย แต่อย่างไรก็ดี นายแพทของเลือกมา 10 เรื่องที่เห็นว่าน่าสนใจ ส่วนจะตรงใจคนอ่านมั้ย นั่นก็คงแล้วแต่คนนะขอรับ

Death Race | ซิ่งสั่งตาย (2008)

เริ่มต้นกันด้วยหนังระทึกแอ็คชันที่มีความโหดดิบเถื่อนเข้ามาปะปนไม่น้อยเลยละกัน เมื่อนักแข่งระดับพระกาฬมีอันต้องเข้าคุกซ้ำสอง ด้วยข้อหาฆ่าเมียที่ตนเองไม่ได้ทำ เข้าไปอยู่ในคุก Terminal ที่ยากที่ใครจะได้กลับออกมา คุกที่มีรายการทีวีอันลือลั่น ‘Death Race’ การแข่งรถสุดหฤโหดด้วยเดิมพัน ชนะ 5 ครั้งได้เป็นอิสรภาพที่ยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนเลย

เหตุผลที่แนะนำ: เรื่องนี้ บอกเลยว่าซิ่งระห่ำโหดของจริง ผู้ใหญ่บอกดูแล้วมันมากครับเพ่ แต่บอกไว้ก่อนนะ ถ้ายังเป็นเด็กน้อยเบบี๋ ๆ ยังไม่ควรดู

ผู้กำกับ: Paul W.S. Anderson
มือเขียนบท: Paul W.S. Anderson
นักแสดงนำ: Jason Statham, Joan Allen, Tyrese Gibson, Ian McShane
อ่านเพิ่มเติม: รีวิวหนัง ‘Death Race ซิ่งสั่งตาย’

Days of Thunder | ซิ่งสายฟ้า (1990)

ย้อนวันกลับไปเจอ ทอม ครูซ ในวันเก่า หนังที่หลายคนบอกว่าเป็น ‘Top Gun’ เวอร์ชัน NASCAR หนังที่คอหนังยกให้เป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาหนังแข่งรถ เรื่องนี้เล่าถึงการเข้าสู่วงการ NASCAR ของ โคล ทริกเคิล นักแข่งหน้าใหม่ผู้ไม่เคยร่วมแข่งในรายการใหญ่ ที่ได้ร่วมงานกับช่างเครื่องมากประสบการณ์ผู้ไม่เชื่อมือเขาในทีแรก ก่อนจะยอมรับในเวลาต่อมา ทั้งหมดร่วมงานกันผ่านผลแพ้ชนะ (ที่อาจจะแพ้เยอะกว่า) และความไม่ลงรอยจนมีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง โคลต้องเรียนรู้จักเครื่องยนต์ พัฒนาการขับของตนเอง และปรับตัวทำงานร่วมกับนายช่างวัยเกษียณ ก่อนกลับเข้าสู่สนามไปเจอกับคู่แข่งตัวฉกาจ

เหตุผลที่แนะนำ: มันเป็น หนังแข่งรถ ที่สุดคลาสสิก ที่พาให้หนังสไตล์นี้เป็นที่รู้จักและมีคนสร้างต่อ ๆ กันมา แม้ว่าเนื้อเรื่องจะดูเบาไปหน่อย เน้นไปที่ฉากแข่งรถ และเน้นเสน่ห์ของทอม ครูซ ซะมากกว่า อีกอย่างคือ คาแรกเตอร์ของนักแข่งกับช่างเครื่อง รวมทั้งเจ้าของทีมในเรื่องนี้นำมาจากตัวตนคนจริงๆ เลยนะครับ

ผู้กำกับ: Tony Scott
มือเขียนบท: Robert Towne
นักแสดงนำ: Tom Cruise, Nicole Kidman, Robert Duvall

Speed Racer | สปีด เรซเซอร์ ไอ้หนุ่มสปีดเขย่าฟ้า (2008)

หนังแข่งรถสีสันจี๊ดจ๊าดผลงานจากสองพี่น้องผู้สร้าง ‘The Matrix’ ให้เกรียงไกรไปทั่วโลก หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากอะนิเมะซีรีส์ของ Tatsuo Yoshida เรื่องราวของ สปีด หนุ่มน้อยนักแข่งผู้มีปมในใจเกี่ยวกับพี่ชายที่ตายไปแล้ว เขาโตขึ้นมากลายเป็นนักแข่งรถที่มีชื่อเสียง ในที่สุด เขาก็ได้รับข้อเสนอการขอเป็นสปอนเซอร์ของ รอยัลตัน อินดัสตรีส์ ที่แสนยั่วยวนใจ แต่การปฏิเสธ ก็หมายถึงการสร้างความแค้นที่ต้องชำระด้วยความตาย

เหตุผลที่แนะนำ: บทหนัง สำหรับผมมองว่าทำออกมาดีและลงตัว ใส่ตัวละครฝั่งเอเชียเข้าไปมากมาย เพลงประกอบก็ยังเป็นเพลงเอเชีย ตอนฉายอาจไม่ค่อยดัง แต่ด้วยงานวิชวลที่แสนฉูดฉาด ทำให้ผลงานชิ้นนี้กลายเป็นที่จดจำ

ผู้กำกับ: Lana Wachowski, Lilly Wachowski
มือเขียนบท: Lilly Wachowski, Lana Wachowski
นักแสดงนำ: Emile Hirsch, Matthew Fox, Christina Ricci
อ่านเพิ่มเติม: รีวิวหนัง ‘Speed Racer’

F1 The Movie | F1 เดอะ มูฟวี่ (2025)

มันอาจจะไม่ใช่หนังที่เล่าจากเรื่องจริง แต่มันถ่ายทำบนสนามแข่งจริง ด้วยเรื่องราวที่ไม่ได้พิเศษหรือแปลกใหม่ ส่วนใหญ่คาดเดาได้ด้วยซ้ำ เรื่องราวของ ซอนนี่ เฮยส์ อดีตนักแข่งฝีมือดีที่ประสบอุบัติเหตุหนัก ถูกเพื่อนชวนให้กลับมาขับฟอร์มูล่าวันอีกครั้ง และร่วมงานกับเด็กใหม่ไฟแรง ทั้งสองต้องเรียนรู้ที่จะร่วมมือกันเพื่อกอบกู้ทีมที่กำลังย่ำแย่ให้กลับมาผงาดได้อีกครั้ง

เหตุผลที่แนะนำ: หนังรถแข่งที่พาเราไปสัมผัสประสบการณ์ในสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวันของจริง นักแสดงขับรถแข่งจริง ๆ กล้องก็ถ่ายจากตัวรถจริง ๆ หนังรู้จักใช้หลายองค์ประกอบที่ผสมกันอย่างลงตัว พระเอกที่โคตรมีเสน่ห์ ผสานการตัดต่อ ใส่เพลงและดนตรีประกอบที่โคตรมัน มันเลยกลายเป็นหนังที่พาสนุกได้ตั้งแต่ต้นยันจบเลยล่ะครับ

ผู้กำกับ: Joseph Kosinski
มือเขียนบท: Ehren Kruger
นักแสดงนำ: Brad Pitt, Damson Idris, Javier Bardem, Kerry Condon
อ่านเพิ่มเติม: รีวิวหนัง ‘F1 The Movie’

Rush | อัดเต็มสปีด (2013)

เรื่องก่อนหน้าที่จัดว่าสมจริงสุด ๆ ด้วยเพราะเทคโนโลยีมันก้าวไปถึงแล้ว แต่ถ้าถามใจว่า หนังรถแข่งเรื่องไหนที่เร้าใจถึงใจสุด ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้เลยครับ ‘Rush อัดเต็มสปีด’ เล่าเรื่องวิถีของนักแข่ง F1 ในยุค 1970s จากชีวิตจริงของ เจมส์ ฮันท์ และ นิกิ เลาด้า สองนักแข่งรถฟอร์มูล่าวันที่ต่างกันสุดขั้วและไม่ค่อยจะถูกกัน แต่ต่างก็เป็นแรงผลักดันของกันและกัน พวกเขาต่างเป็นแชมป์โลกที่มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อครั้งในอดีต และปรากฏการณ์ในสนามแข่งครั้งนั้นยังคงได้รับการกล่าวขานเรื่อยมา

เหตุผลที่แนะนำ: อาจเป็นหนังค่ายเล็กแต่ทำออกได้ประทับใจคนดูอย่างผมซะเหลือเกิน แต่อาจหาดูยากสักหน่อยนะ หนังถ่ายทำด้วยมุมมองนักแข่ง เหมือนคนดูไปนั่งขับเอง บวกกับการตัดต่อที่โคตรเร้าใจ ถ่ายทอดความเข้มข้นของการแข่งขันทั้งในและนอกสนาม ใครได้ดูเรื่องนี้ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันส์สุดติ่งไปเลย!

ผู้กำกับ: Ron Howard
มือเขียนบท: Peter Morgan
นักแสดงนำ: Daniel Brühl, Chris Hemsworth, Olivia Wilde
อ่านเพิ่มเติม: รีวิวหนัง ‘Rush อัดเต็มสปีด’

Need For Speed | ซิ่งเต็มสปีดแค้น (2014)

หนังเรื่องนี้ อาจจะไม่ได้เป็นจดจำของใคร ๆ แต่มันก็เป็นงานแรก ๆ ที่ทำให้ผมได้รู้จักกับ Rami Malek หนังที่สร้างขึ้นจากเกมรถแข่งสุดฮิตในสมัยหนึ่ง มันเป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกจับเข้าคุกทั้งที่ตนไม่ได้ทำผิด แต่ต้องใช้เวลาในนั้นเป็นปีเพื่อเก็บกดความแค้นไว้ในใจ เหตุเพราะการแข่งรถครั้งเก่าที่คร่าชีวิตบุคคลผู้เป็นเสมือนน้องชายสุดรักไป แถมคนร้ายยังลอยนวล และเขาคือคนที่ถูกป้ายสีความผิด พูดง่ายๆ คือ มันเป็นหนังที่เล่าถึงการแข่งซิ่งรถของพระเอกที่ต้องการลบล้างแค้นในใจที่น้องชายถูกฆ่าตายบนถนนนั่นเอง

เหตุผลที่แนะนำ: อาจจะไม่ใช่หนังที่ดีเด่นในใจใคร แต่เป็นหนังที่เต็มไปด้วยรถซูเปอร์คาร์ สวยและแพงระยับ หยิบความแตกต่างระหว่างชนชั้นถูกนำมาใส่ไว้ในหนังที่มีซาวด์กระหึ่ม เอกลักษณ์ของมัน คือการซิ่งรถแข่งไปพร้อมๆ กับการหลบหนีการไล่ล่าของตำรวจไปด้วย ทำให้มันกลายเป็นความสนุกยกกำลังสอง

ผู้กำกับ: Scott Waugh
มือเขียนบท: George Gatins
นักแสดงนำ: Aaron Paul, Dominic Cooper, Imogen Poots, Rami Malek
อ่านเพิ่มเติม: รีวิวหนัง ‘Need For Speed ซิ่งเต็มสปีดแค้น’

Gran Turismo | แกร่งทะลุไมล์ (2023)

‘แกร่งทะลุไมล์’ เป็น หนังรถแข๋ง ที่สร้างจากเกมดังก็จริง แต่มันก็เป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริงด้วย เป็นเรื่องจริงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่คลั่งไคล้การบังคับพวงมาลัยอยู่ในบ้าน แต่วันหนึ่ง เขาได้มาซิ่งแข่งขันในสนามแข่งของจริง เขาเป็นลูกชายของพ่อที่เป็นอดีตนักเตะผู้วาดหวังให้ลูกชายเจริญรอยตามตน แต่กลับขลุกอยู่แต่ในห้องเล่นเกมแข่งรถออนไลน์ที่ชื่อ ‘แกรน ทัวริสโม’ ก่อนที่จะได้รับโอกาสดีเมื่อหนุ่มฝ่ายการตลาดคนหนึ่งชวนมาร่วมเข้าค่ายฝึกซ้อมและคัดเลือกหามือดีที่สุดไปแข่งในสนามจริง แล้วเขาก็ได้ทำงานร่วมกับอดีตนักแข่งที่มีความฝังใจกับการแข่งขันจนต้องเลิกราไป

เหตุผลที่แนะนำ: น่าสนใจที่หนังเลือกหยิบเรื่องจริงมาบอกเล่าในหนังจากเกม ซึ่งอาจสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่ชอบความเร็วว่าสักวัน ความฝันนั้นจะกลายเป็นความจริงได้ ครึ่งหลังของหนังเรื่องอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะฉากในสนามแข่งที่ใส่มุมมองของคนขับ ผสานกับเสียงเครื่องยนต์ และเสียงดนตรีประกอบชวนเร้าใจและบีบคั้นอารมณ์ พาให้อะดรีนาลีนหลั่งไหลไม่ยั้งหยุดกันเลยทีเดียว

ผู้กำกับ: Neill Blomkamp
มือเขียนบท: Jason Hall, Zach Baylin
นักแสดงนำ: David Harbour, Orlando Bloom, Archie Madekwe
อ่านเพิ่มเติม: รีวิวหนัง ‘Gran Turismo แกร่งทะลุไมล์’

Senna | เซนนา นักแข่งเจ้าตำนาน (2010)

หยิบหนังแต่งไปหลายเรื่องละ ขอแวะแนะนำหนังสารคดีกันสักหน่อยก็แล้วกัน ‘Senna’ ชื่อหนังก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าจะเล่าเรื่องของใคร มันเป็นสารคดีความยาว นาที ที่บอกเล่าถึง ไอร์ตัน เซนน่า นักแข่งชาวบราซิลที่ก้าวขึ้นมาจากการแข่งโกคาร์ท สู่การเป็นนักแข่งฟอร์มูลาวัน จากบ้านเกิดเป็นหมื่นๆ ไมล์ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นตำนาน เรื่องนี้มีใน Netflix แต่กำลังจะออกจากบริการหลัง 31 กรกฎาคมนี้

เหตุผลที่แนะนำ: มันเป็นหนังสารคดีที่ได้เสียงโหวตระดับสูงและเสียงวิจารณ์ด้านบวกอย่างมากมาย เล่าเรื่องได้ทรงพลังและสะเทือนใจ ทุกคนที่เคยได้ดูต่างก็แนะนำหนังเรื่องนี้ด้วยกันทั้งนั้น

ผู้กำกับ: Asif Kapadia
มือเขียนบท: Manish Pandey
นักแสดงนำ: Ayrton Senna, Reginaldo Leme, John Bisignano

Ford v Ferrari | สปีดทวงบัลลังก์ (2019)

อาจพบว่าในลิสต์นี้ มีแต่หนังที่แต่งเรื่องขึ้นมาทั้งนั้น งั้นก็ขอแนะนำหนังไบโอพิคที่เล่าเรื่อง คน-รถ-แข่ง กันบ้างดีกว่า ‘Ford vs Ferrari’ ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า เป็นการขับเคี่ยวกันของสองค่ายรถที่ทุกคนรู้จัก แถมยังเต็มไปด้วยนักแสดงชื่อดังและชั้นนำ หนังพาเราย้อนไปในวันเก่า ค่ายรถฟอร์ดที่พยายามขยับขยายธุรกิจให้มากกว่าแต่การผลิตรถเพื่อขาย สู่การเป็นหนึ่งในแวดวงรถแข่ง หลังเจรจาซื้อเฟอร์รารีไม่สำเร็จ จึงชักชวนมือดีเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นอดีตนักแข่งที่เลิกไปเพราะปัญหาด้านสุขภาพ และนักแข่งมือฉกาจที่ค่อนข้างมุทะลุและล้มละลายไม่เป็นท่าจากธุรกิจแต่งรถ

เหตุผลที่แนะนำ: หนังพาเราไปพบกับการแข่งขันเลอมังส์ 66 ภาพของ Ford GT40 ที่ดูวินเทจมากสำหรับคนสมัยนี้ พบกับ คริสเตียน เบล ที่ลดน้ำหนักมาเพื่อเล่นเรื่องนี้ และด้วยความเป็นหนังไบโอพิค มันจึงทั้งเรื่องราวที่สลับกันไปกับฉากแข่งรถ แน่นอน มันทั้งสมจริงและทรงพลัง

ผู้กำกับ: James Mangold
มือเขียนบท: Jez Butterworth, John-Henry Butterworth 
นักแสดงนำ: Matt Damon, Christian Bale, Jon Bernthal, Caitriona Balfe, Noah Jupe
อ่านเพิ่มเติม: รีวิวหนัง ‘Ford v Ferrari ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์’

Initial D | ดริฟท์ติ้ง ซิ่งสายฟ้า (2005)

จะว่าไป นี่ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่อยู่ในใจคนรักรถแข่งเสมอมา พูดถึงหนังรถแข่งทีไร ก็มักจะต้องมีเรื่องนี้โผล่มาด้วยเสมอ เป็นหนังคนแสดงที่ดัดแปลงสร้างจากมังงะ แต่เป็นหนังโปรดักชั่นฮ่องกงที่มีนักแสดงญี่ปุ่น เรื่องราวเล่าถึงชีวิตของ ทาคุมิ เด็กหนุ่มที่ส่งเต้าหู้ตอนกลางคืนซึ่งต้องขับขึ้นลงเขาอยู่ตลอด เพราะต้องการรีบกลับมานอน ทำให้ชำนาญการดริฟต์บนถนนคดเคี้ยวบนเขา และในที่สุด เขาก็ถูกชักชวนและได้เป็นตำนานเพราะแข่งชนะทีมเรดซันที่มาท้าแข่ง น่าเสียดาย หนังอยู่ใน Netflix แต่ไม่มีแม้กระทั่งซับไทย เฮ่อ…

เหตุผลที่แนะนำ: นอกจากมันจะเป็นหนังที่สร้างจากมังงะและอนิเมะชื่อดัง มันก็ยังเป็นหนังรถแข่งที่มีนักแสดงจากหลากหลายชาติ ทั้งไต้หวัน ฮ่องกง และญี่ปุ่น เป็นหนังมีฉากมันๆ อยู่มากมาย เช่นกันดนตรีประกอบที่เป็นเอกลักษณ์

ผู้กำกับ: Wai Keung Lau, Alan Mak, Ralph Rieckermann
มือเขียนบท: Shuichi Shigeno, Felix Chong
นักแสดงนำ: Jay Chou, Anthony Chau-Sang Wong, Edison Chen, Anne Suzuki

บทส่งท้าย

ด้วยเทคโนโลยีการถ่ายทำที่พัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การถ่ายทำสร้างความสมจริงราวกับคนดูไปนั่งขับเองในสนาม ก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันว่า หนังรถแข่งเรื่องถัด ๆ ไป จะหาอะไรมาสร้างสรรค์ให้เกิดความแปลกใหม่ หรือสนุกเร้าใจได้มากกว่าเดิมได้อีก แต่สำหรับคอหนังที่ชอบหนังรถแข่ง หนังรถซิ่ง คงตามดูไปทุกเรื่องอย่างแน่นอน ว่ามั้ยล่ะ?