ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คนตื่นเต้นกับหนังคืนชีพไดโนเสาร์น้อยลง สังเกตจากตัวเลขรายได้ที่แม้จะยังสูงแต่ก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ ครั้งนี้ แกเร็ธของปลุกชีพมันอีกครั้งเพื่อรักษาระดับให้มันยังอุ่นอยู่ พร้อมเล่าเรื่องการเพาะข้ามสายจนกลายเป็นไดโนพันธุ์ใหม่เพื่อสร้างจุดขายให้กับโชว์ แต่ ‘Jurassic World: Rebirth’ หรือชื่อไทย ‘จูราสสิคเวิลด์ กำเนิดใหม่‘ คือเรื่องเล่าของทีมที่เสี่ยงภัยเพื่อสารตั้งต้นสร้างยาอายุวัฒนะให้มุนษย์
คิดเห็นเช่นไรกับหนังไดโนเสาร์เรื่องนี้?
ดูเป็นหนังที่ตั้งใจคารวะภาคแรกของสปิลเบิร์ก ทั้งการถ่ายทำด้วยฟิล์ม ทั้งพล็อตและองค์ประกอบมีเป็นการรวมทีมเข้าไปทำภารกิจในดงไดโนเสาร์ และมีการมีครอบครัวที่ทะเล่อไปให้มันล่านั่นแหละ อ่อ แล้วหนังก็ยังหยิบเอาสกอร์เก่ามาใช้ใหม่อีกครั้งด้วยนะ มนุษย์ยังคงคอนเซปต์เป็นพวกโลภ ทะเยอทะยาน และบางพวกก็ยังทำตัวโง่ๆ เหมือนเช่นเคย แม้จะพยายามใส่แนวความคิดเข้าไปในเรื่องแล้วก็ตาม
การได้เห็นทิวทัศน์เมืองไทยในหนังฟอร์มยักษ์ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งได้นะที่จะพาเราไปดูหนังเรื่องนี้เนี่ย
เรื่องย่อหนัง ‘Jurassic World: Rebirth’
บนโลกที่ปลุกชีพสัตว์ดึกดำบรรพ์ขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งจนสร้างความโกลาหลไปทั่ว ถึงขั้นผุดแล็บทดลองขึ้นมาเพื่อผสมข้ามสายพันธุ์สร้างสัตว์โลกยุคจูราสสิกชนิดใหม่ขึ้นมาเพื่อหวังผลในการสร้างจุดขายใหม่ให้กับธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่าจนถูกทิ้งร้างไป แต่แม้ที่นั่นจะเป็นพื้นที่อันตราย หากยังมีคนบางกลุ่มกำลังหาทางกลับไป
เมื่อ มาร์ติน เคร็บส์ (Rupert Friend จากหนังเรื่อง ‘Companion’) นายทุนนายหน้าของพาร์เกอร์เจนิกซ์ที่มองเห็นผลประโยชน์ด้านการพัฒนายา และต้องการเก็บตัวอย่าง DNA จึงหว่านล้อมให้ ดร.เฮนรี่ ลูมิส (Jonathan Bailey จากหนัง ‘Wicked’ และซีรีส์ ‘Bridgerton’) นักบรรพชีวินวิทยาผู้เชี่ยวชาญเรื่องไดโนเสาร์ และ โซรา เบนเน็ต (Scarlett Johansson จากหนังเรื่อง ‘Black Widow’) ทหารรับจ้างสาวเข้าร่วมงานชิ้นนี้ด้วยค่าตอบแทนที่สูงลิ่ว พร้อมดึงเอาผู้ร่วมงานเก่าอย่าง ดันแคน คินเคด (Mahershala Ali จากหนังเรื่อง ‘Green Book’) มาร่วมผจญภัยไดโนเสาร์ไปด้วยกัน
แต่ที่นั่นไม่ได้มีแค่พวกเขา เมื่อรูเบน (Manuel Garcia-Rulfo) เลือกจะแล่นเรือเพื่อผจญภัยข้ามโลกไปกับลูก ๆ แต่ดันถูกไดโนเสาร์พุ่งชนจนเรือล่มและขอความช่วยเหลือ ในที่สุด พวกเขาก็กลายเป็นผู้ร่วมผจญภัยไปกับทีมล่าดีเอ็นเอไดโนเสาร์ไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
รีวิวหนัง จูราสสิคเวิลด์ กำเนิดใหม่’
ภาคใหม่ของหนังคีนชีพไดโนเสาร์ที่ครั้งนี้กุมบังเหียนโดย Gareth Edwards ชายหนุ่มผู้ตาลุกวาวในวันที่ได้รับชมหนัง ‘Jurassic Park’ จากฝีมือของ Steven Spielberg ในวันเก่า ก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้กำกับมีชื่อเมื่อสร้างทั้ง ‘Godzilla’ และ ‘Rogue One: A Star Wars Story’ ออกมาได้ตื่นตาตื่นใจผู้คน ก่อนจะทำหนังไซไฟที่ถ่ายทำในบ้านเราอย่าง ‘The Creator’ ในที่สุด เขาก็ได้ลงมือกำกับหนังแฟรนไชส์สุดประทับใจในวันนี้
ไดโนเสาร์หลากหลายสายพันธุ์มาอยู่รวมกันในภาคนี้
พล็อตรวมของหนังภาคนี้ คือ การตั้งแก๊งรวมทีมเพื่อบุกพื้นที่แนวเส้นศูนย์สูตรเพื่อเข้าไปเก็บตัวอย่าง DNA ของไดโนเสาร์ 3 สายพันธุ์ นั่นทำให้ ภาคนี้ คนดูจะได้พบกับการผจญภัยสุดหฤหรรษ์ของทีมนักล่าดีเอ็นเอทั้งบนพื้นน้ำ บนบกและกลางเวหา ได้เจอทั้ง Mosasaurus, Titanosaurus และ Quetzalcoatlus ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นจากการเพาะแบบผสมข้ามพันธุ์จากแล็บ Ingen จนเกิดเป็นไดโนชนิดใหม่นั่นเอง
เรื่องของเรื่องคือแล็บเก่าที่ถูกสร้างไว้เกิดความผิดพลาด(อย่างง่อยๆ )และถูกทิ้งร้าง เหล่าสัตว์ทดลองจึงออกมาเพ่นพ่านไปทั่วเกาะ และเพราะสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างจากโลกยุคเก่ามาก ทำให้สัตว์ดึกดำบรรพ์และสายพันธุ์ใหม่ๆ มีชีวิตอยู่ได้เพียงแถบเส้นศูนย์สูตร
สำหรับมนุษย์ผู้คลั่งไคล้สัตว์โลกล้านปีมาตั้งแต่วัยเด็ก ย่อมจะชื่นชอบอยู่เป็นทุนเดิมแล้วที่ได้เห็นสัตว์ยักษ์เคลื่อนไหวในโลกปัจจุบันของหนัง
นอกจากจะได้เจอกับเจ้าพวกพันธุ์ใหม่ ก็ยังจะได้เจอกับพันธุ์ที่คุ้นเคยอย่างทีเร็กซ์ สไปโนซอรัสและแร็ปเตอร์ แต่เราจะได้เจอกับสัตว์สายพันธุ์ใหม่ด้วย นอกเหนือจาก 3 สายพันธุ์ที่เมนชั่นไปก่อนหน้า ก็ยังมีหลายตัวที่มีลักษณะบางส่วนคล้ายสัตว์ในโลกปัจจุบัน อย่าง Mutadon ที่กำเนิดมาจากการผสมของเวโลซีแรปเตอร์กับนกและสัตว์เลื้อยคลาน กับ Distortus Rex อันเกิดจากการสร้างทีเร็กซ์สายพันธุ์ใหม่แต่ล้มเหลวจนมีร่างกายที่ดูพิกลและวิปริต
อ้อ ยังมีเจ้าตัวเล็กอย่าง Aquilops อีกด้วยนะ
พล็อตที่คุ้นเคย องค์ประกอบที่คุ้นตา
แต่จะว่าไป หนังภาคนี้ก็ดูคล้ายตั้งใจจะทำเพื่อคารวะหนังภาคแรกจริงๆ นั่นแหละ เพราะมันมีโครงสร้างที่ใกล้เคียงกันมาก ทั้งการรวมทีมเข้าไปเพื่อทำภารกิจสุดอันตราย ที่มีทั้งนักวิทยาศาสตร์และทหารอยู่ในนั้น ทั้งยังใส่ตัวละครครอบครัวที่ทะเล่อทะล่าเข้าไปอยู่กลางดงสัตว์ยักษ์เข้ามาร่วมสร้างเรื่องราวการผจญภัยให้มีสีสันที่หลากหลาย พร้อมลดระดับลงมาให้เป็นหนัง PG-13 ที่ใครก็ดูได้อีกด้วย
งานนี้ พาเราไปเจอทั้งการผจญภัยกลางทะเล ขึ้นบก และปีนเขา เพื่อเก็บตัวอย่างเอาไปเป็นสารตั้งต้นสร้างตัวยา
มนุษย์ยังเหมือนทุกที กระทำตนเสมือนพระเจ้า ปลุกชีพสัตว์โลกล้านปีที่สูญพันธุ์ไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แถมยังผสมข้ามพันธุ์จนสร้างของใหม่เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจเพราะคนเริ่มจะเบื่อไดโนเสาร์พันธุ์เดิมๆ กันแล้ว ไม่เท่านั้น ก็ยังคิดใช้ประโยชน์จากดีเอ็นเอของพวกมันเพื่ออายุที่ยืนยาวของตัวพวกเขาเองอีก
ขณะเดียวกัน มันก็ยังเป็นหนังที่ตั้งใจให้ไดโนเสาร์เป็นพระเอก ส่วนมนุษย์ตัวจ้อย พวกหนึ่งโลภและทะเยอทะยาน กับอีกพวกมักทำอะไรโง่ๆ
Taglines: A new era is born.
ชอบใจที่ได้เห็นทัศนียภาพเมืองไทยในหนังฟอร์มยักษ์…อีกครั้ง
เรื่องงานภาพนั้นต้องขอชมว่า เขาทำซีจีได้ละเอียดและแนบเนียนได้ดีกว่าเรื่องก่อนๆ การเลือกใช้ฟิล์มถ่ายทำก็กลายเป็นข้อดีที่ได้สีสันของภาพที่ชวนย้อนนึกไปถึงภาคแรก ขณะที่เพลงประกอบก็หยิบของจากภาคดั้งเดิมมาปรับเปลี่ยน
แม้หนังจะใช้องค์ประกอบเดิมๆ จนไม่รู้สึกว่ามีอะไรใหม่ การผจญภัยที่สร้างความระทึกได้พอประมาณเพราะทุกอย่างเราสัมผัสมาหมดแล้ว จนแทบไม่เห็นหนทางที่จะสร้างอะไรใหม่ๆ ให้แฟรนไชส์นี้ได้อีก แต่ก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ตรงที่ได้เห็นทัศนียภาพเมืองไทย กระบี่ ตรัง พังงา และตราด (ผ่านการเสริมแต่งนิดหน่อย) บนจอใหญ่ในหนังฟอร์มยักษ์อีกครั้ง
อาจเพราะหนังตั้งใจคารวะ หลายสิ่งจึงดูเหมือนตามสูตร แต่มันรู้สึกดีตรงที่ได้ดูหนังไดโนเสาร์อาละวาดบนผืนแผ่นดินไทยเนี่ยแหละมั้ง
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Jurassic World: Rebirth / จูราสสิค เวิลด์: กำเนิดชีวิตใหม่ |
กำกับ | Gareth Edwards |
เขียนบท | Michael Crichton, David Koepp |
แสดงนำ | Scarlett Johansson, Jonathan Bailey, Rupert Friend, Mahershala Ali, Ed Skrein, Manuel Garcia-Rulfo, Luna Blaise, |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, ไซไฟ, ระทึกขวัญ |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 134 นาที |
ปี | 2025 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 2 กรกฎาคม 2025 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Universal Pictures, Amblin Entertainment, SKY Studios |
คะแนนรัวิวหนัง จูราสสิค เวิลด์: กำเนิดชีวิตใหม่
พล็อตและบท - 6
การแสดง - 7
การดำเนินเรื่อง - 7
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ - 7.5
7
Jurassic World: Rebirth
ดูเป็นหนังที่ตั้งใจคารวะภาคแรกของสปิลเบิร์ก ทั้งการถ่ายทำด้วยฟิล์ม ทั้งพล็อตและองค์ประกอบมีเป็นการรวมทีมเข้าไปทำภารกิจในดงไดโนเสาร์ และมีการมีครอบครัวที่ทะเล่อไปให้มันล่านั่นแหละ อ่อ แล้วหนังก็ยังหยิบเอาสกอร์เก่ามาใช้ใหม่อีกครั้งด้วยนะ มนุษย์ยังคงคอนเซปต์เป็นพวกโลภ ทะเยอทะยาน และบางพวกก็ยังทำตัวโง่ๆ เหมือนเช่นเคย แม้จะพยายามใส่แนวความคิดเข้าไปในเรื่องแล้วก็ตาม การได้เห็นทิวทัศน์เมืองไทยในหนังฟอร์มยักษ์ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งได้นะที่จะพาเราไปดูหนังเรื่องนี้เนี่ย