รีวิวซีรีส์ Sex Education | หลักสูตรเร่งรักของวัยรุ่นผู้หมกมุ่น

ถ้าจะเอ่ยถึงซีรีส์วัยรุ่นที่วุ่นวายเรื่องเพศศึกษา ถูกพูดถึงจนมีการสร้างติดต่อกันมาจนมีซีซั่นที่สามแล้วนั้น คงไม่มีใครไม่นึกถึง Sex Education ชื่อไทย เพศศึกษา(หลักสูตรเร่งรัก) เรื่องนี้ ด้วยเนื้อหาที่บอกเล่าถึงสิ่งที่วัยนี้หมกมุ่นครุ่นคิดกันนัก แถมยังมีภาพที่ค่อนข้างโจ่งแจ้งไม่จำเป็นต้องปิดบัง ส่วนหนึ่งเพราะมันก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ได้ปรุงแต่งให้ออกมาทางลามกอนาจารแต่อย่างใด แถมยังออกอากาศในแพล็ตฟอร์มออนไลน์อีกต่างหาก

ผลงานจากนักเขียนบทชาวอังกฤษ Laurie Nunn ที่ต้องการหยิบเรื่องราววัยว้าวุ่นช่วงเรียนไฮสกูล เพื่อเป็นการคารวะต่อหนังไฮสกูลยุค 80’s ของ John Hughes ถ่ายทอดมันออกมาให้เป็นซีรีส์ โดยเซ็ตเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมัวร์เดลในยุคปัจจุบัน ใช้โลเกชันของพื้นที่เก่าของมหาวิทยาลัยเซาท์เวลในเมืองคาร์เลออน ประเทศอังกฤษ

ซีรีส์ที่ได้รับความนิยมสูงจนถูกอนุมัติให้สร้างอย่างต่อเนื่อง

เรื่องย่อซีรีส์ Sex Education

โอทิส (Asa Butterfield จากหนังเรื่อง Hugo, Ender’s Game และ The Space Between Us) เป็นหนุ่มเนิร์ดวัยสิบหกที่มีปัญหากับการจับอวัยวะเพศของตนเอง แน่นอน เขายังเวอร์จิ้นและไม่เคยสำเร็จความใคร่ให้กับตนเอง เขาพยายามที่จะปิดบังเรื่องนี้กับ จีน มิลเบิร์น (Gillian Anderson จากซีรีส์ The Crown, The X Files และหนังออสการ์อย่าง The Last King of Scotland) แม่ผู้หย่าร้างจากสามี ปัจจุบันใช้บ้านเป็นสำนักงานบำบัดทางเพศและความสัมพันธ์ ผู้ที่สะสมทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ แถมมีความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดกับผู้ชายอยู่เนืองๆ

โอทิส มีเพื่อนสนิทอย่างเอริค เอฟฟิยอง (Ncuti Gatwa จากหนังเรื่อง The Last Letter from Your Lover และ A Midsummer Night’s Dream) เป็นเกย์ผิวดำอารมณ์ดีแต่ขี้อ่อนไหว มีหญิงสาวที่เขารู้สึกชอบอยู่ในใจมาเนิ่นนานอย่าง เมฟ ไวลีย์ (Emma Mackey ที่กำลังจะมีผลงานหนังอย่าง Death on the Nile และ Emily) สาวผู้ยากไร้ที่กำลังคบหาอยู่กับ แจ็คสัน (Kedar Williams-Stirling) หัวหน้านักเรียนและนักว่ายน้ำตัวความหวังของโรงเรียน

ในโรงเรียนนี้มีตัวป่วนอยู่หลายคน หนึ่งในนั้นคงไม่พ้น อดัม กรอฟฟ์ (Connor Swindells จากซีรีส์ SAS: Rogue Heroes และหนังเรื่อง Emma.) ลูกชายครูใหญ่ที่มีชื่อด้านขนาดอวัยวะของตนเอง

เรื่องมันเริ่มต้นขึ้น เมื่อเมฟมองเห็นแววความเป็นนักบำบัดเรื่องเพศในตัวโอทิส และเห็นว่าเขาคือหนทางทำเงิน จึงชักชวนมาร่วมกันเปิดคลีนิกทางเพศขึ้นในโรงเรียน ทั้งๆ ที่เขายังเป็นเพียงเด็กไฮสกูลวัยสิบหกที่ไร้ประสบการณ์และไม่เคยแม้กระทั่งช่วยตัวเอง แต่นั่นก็ทำให้ความสัมพันธ์ของโอทิสและเมฟก่อตัวขึ้น

ไม่ว่าพวกเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม

รีวิวซีรีส์ Sex Education

ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้ คงไม่พ้นที่มันเล่าเรื่องเซ็กซ์ เพราะมันเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ เพราะมันเกิดและอยู่กับตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน รสนิยมใด ล้วนเป็นความต้องการอย่างหนึ่งในหมู่มนุษย์ อีกส่วนคือ มันเล่าเรื่องของวัยรุ่น วัยที่มีอะไรที่ไม่รู้อีกเยอะเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ วัยที่ร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลง วัยที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน วัยแห่งการแสวงหาตัวตน แต่ถึงกระนั้น แม้วัยจะล่วงเลยพ้นเขตวัยรุ่นมาแล้ว ความต้องการและปัญหาทางเพศก็ยังคงอยู่กับพวกเราเสมอมา

พระเอกผู้เก่งกาจในการบำบัดคนอื่น แต่กลับมีปัญหาของตัวเอง

เอาแค่ตัวเอกก่อนละกัน โอทิสเป็นเด็กหนุ่มที่มีทั้งปัญหาส่วนตัว ปัญหาครอบครัว และปัญหาเรื่องความรัก ส่วนตัวเขาเองก็พบว่าตนไม่สามารถจับต้องอวัยวะเพศตัวเองได้ ทำให้เขาไม่เคยช่วยตัวเอง กับการที่ไม่เคยมีแฟน ทำให้ยังคงเวอร์จิ้นมาจนทุกวันนี้ และการปรับตัวของเขาถือว่าเป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก

แต่พฤติกรรมเช่นนี้ก็ถูกบอกเล่าที่มาเอาไว้ในนั้น เขาอยู่กับแม่ที่หย่าร้างกับพ่อและสิ่งที่เขาพบเห็นในวัยเด็กก็ส่งผลมาถึงตอนโต แถมพอเขาโตขึ้นกลับไม่อาจเปิดอกพูดถึงปัญหาของตัวเองกับจีน ผู้เป็นแม่ได้ ทั้งที่รู้ว่า นอกจากแม่จะเป็นแม่แล้ว แม่ของเขาคือผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพศบำบัด (Sex Terapist) และมันก็ส่งผลไปถึงความสัมพันธ์กับเพื่อนต่างเพศของเขาด้วย

แต่เหตุที่เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับข้อมูลด้านนี้โดยเฉพาะ ได้เห็นแม่บำบัดความสัมพันธ์ทุกเมื่อเชื่อวัน หล่อหลอมให้เขามีความสามารถด้านการบำบัดผู้อื่นได้อย่างไม่ทันรู้ตัว และก็เป็นเมฟที่มองเห็นความสามารถนี้ จึงชักชวนให้เขามาทำธุรกิจคลินิกบำบักเซ็กซ์ด้วยกัน เดิมทีเธอเพียงมองหาหนทางทำงาน โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว โอทิสนั้นแอบชอบเมฟอยู่

แล้วเหตุการณ์ก็ดำเนินไป…

หลากหลายปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์

ซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ได้มีแต่เด็กหนุ่มที่เจอปัญหาจับของตัวเองไม่ได้ กับแม่หม้ายที่ดำรงอาชีพด้านบำบัดความสัมพันธ์เท่านั้น เพราะมันยังมีตัวละครอีกมากมาย เอาแค่วัยรุ่นนักเรียนในโรงเรียนมัวร์เดลก็มากล้นเต็มเรื่องไปหมด ทุกตัวล้วนมีปัญหาที่แตกต่างกันออกไป

เพศสัมพันธ์​ (หลักสูตรเร่งรัก) อุดมไปด้วยวัยรุ่นที่มีปัญหา ไล่ไปตั้งแต่ อดัม ลูกชายของครูใหญ่ผู้เคร่งครัดที่คิดว่านั่นจะทำให้ลูกชายของเขาเติบโตได้ดีตามความคิดของตน แต่กลับทำให้อดัมอึดอัดจนไม่อาจถึงจุดสุดยอด เอริค ที่เป็นเกย์หนุ่มน้อยผิวดำเพื่อนสนิทของโอทิสที่ประสบปัญหาในการใช้ชีวิตในโรงเรียน เขามีพ่อที่ค่อนข้างเข้าใจและจำเป็นต้องแอบซ่อนไม่เปิดเผยรสนิยมส่วนตัวให้คนในบ้านรู้ แจ็คสัน หัวหน้านักเรียนและนักกีฬาว่ายน้ำที่ถูกเคี่ยวเข็ญจากทั้งแม่และครูใหญ่ของโรงเรียน ลิลลี่ เด็กหญิงเปิ่นๆ นักวาดการ์ตูนที่อยากจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับใครก็ได้ เอมี่ ที่พยายามเหลือเกินจะอยู่กลุ่มเพื่อนที่เธอเป็นได้แค่ลูกไล่ โอล่า เด็กสาวลูกของช่างซ่อมประปาผู้ที่เข้ามาคั่นกลางระหว่างโอทิสกับเมฟ และอีกเพียบที่เติมเข้ามาได้เรื่อยๆ

แม้กระทั่งตัวเมฟเอง เธอก็มีทั้งแม่ที่ติดยา พ่อที่หนีแม่ไป พี่ชายที่ขายยาและหายต๋อม เธออยู่อย่างลำบากยากจนแต่มีความฉลาด คนที่ไม่เคยรู้ว่าโอทิสแอบชอบตนเองอยู่และรู้ตัวช้าไปนิด แต่ก็เป็นคนที่ทำให้โอทิสได้เข้าใจตัวเองและก้าวผ่านปัญหาหลายอย่างมาได้

อีกทั้งยังเล่าไปถึงเหล่าครูในโรงเรียนที่ไม่ได้เข้าใจปัญหาที่เด็กๆ ต้องเผชิญอย่างแท้จริงอีกด้วย

นำเสนอปัญหาและทางแก้

นอกเหนือจากจะเล่าเรื่องของเด็กวัยรุ่นชายที่คิดว่าตนเชี่ยวชาญด้านเซ็กซ์จนสามารถในคำแนะนำกับคนอื่นได้ แต่พอเป็นสิ่งที่เจอเข้ากับตัวเองก็ไปไม่เป็นถ้าไม่มีคนคอยช่วย มันยังเป็นซีรีส์ที่นำเสนอปัญหาทั้งเชิงความสัมพันธ์และเชิงเพศสัมพันธ์อันหลากหลายรูปแบบอีกด้วย โดยผู้สร้างจะเล่าหมดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหญิงชายหรือกลุ่มนอนไบนารี่ บางครั้ง ก็เป็นคนที่เดิมก็คบหากับคนที่มีเพศสภาพตรงข้ามกับตน แต่ต่อมาก็ค้นพบว่าตัวเองมีรสนิยมอีกแบบ

ทั้งหมดไม่มีการชี้นำ สั่งสอนกันโต้งๆ แต่ใช้เรื่องราวที่ชักชวนให้คนดูได้ลองคิดและตริตรองตามเรื่องไป

ผู้สร้างนำเสนอว่าปัญหาครอบครัวเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้วัยรุ่นมีปัญหาการแสดงพฤติกรรม ไม่ว่าพ่อแม่จะหย่าร้าง ทอดทิ้ง ติดยา หรือแม้แต่การเคร่งครัดเกินไปจนพวกเขารู้สึกอึดอัด รวมไม่ยินดีจะเข้าหาเพื่อปรีกษา แต่หาทางออกอื่น อย่างการปรึกษาเพื่อน หรือกูรูผู้เชี่ยวชาญ และแทบจะไม่ปรึกษาคุณครูเลย

ตัวละครวัยรุ่นหญิงบอกเล่ากับเราว่า พวกเธอพบเจอพฤติกรรมเลวร้ายที่เกิดขึ้นจากเพศชาย ทำให้พวกเธอเกิดพฤติกรรมกลัวบางสิ่งบางอย่างและเอาชนะมันได้อย่างไร ทั้งยังวิพากย์การสอนเพศศึกษาในโรงเรียนที่ล้าสมัยและไม่เข้าใจวัยรุ่นอย่างแท้จริงอีกด้วย

สิ่งที่เราเห็นก็คือ ตัวละครทุกตัวมีแบ็กกราวด์และมีเหตุผลของการกระทำ สิ่งที่เขาเผชิญมาไม่ว่าจะทั้งในบ้านหรือในโรงเรียนต่างผสานรวมและก่อตัวเป็นบุคลิกและนิสัย ไม่มีใครเลวร้ายโดยไร้เหตุผล บางตัวที่คนดูอาจเกลียดชังในตอนแรกเริ่ม แต่เมื่อเวลาผ่านไป คนดูก็จะเริ่มมองเห็นที่มาของพฤติกรรมเหล่านั้น จนแปรเปลี่ยนเป็นรู้สึกเข้าใจพวกเขามากขึ้น จนอาจกลายเป็นรักในบั้นปลาย บางตัวอาจจะต้องใช้เวลายาวนานสักนิดนึง กว่าจะเติบโตเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

เป็นซีรีส์ที่ดูสนุกแถมยังได้ ‘อะไร’ ทั้งฉากอย่างว่าในนั้นก็ไม่ได้มุ่งจะเป็นจุดขาย แต่หมายจะบอก ‘อะไร’ ที่ควรค่าให้รับฟัง

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์