รีวิวซีรีส์ Squid Game 3 | เล่นลุ้นตาย เศษเหลือของเกมกำจัดคู่แข่งแย่งเงิน

ไม่ว่าใครๆ ต่างก็รู้จักเกมปลาหมึก การละเล่นของเด็กเกาหลีหลังจากที่ซีซันแรกมันโด่งดังไปทั่วโลก กระแสฟีเวอร์ผลักดันให้มีซีซันสองตามมา แต่มันก็ไม่ยอมจบ แบ่งตัวมาเล่าต่อเป็น ‘Squid Game 3’ หรือชื่อไทย ‘สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ซีซันสาม’ และนี่คือบทความรีวิวจากนายแพทผู้ที่ใช้เวลาหลายวันกว่าจะดูจบ!

คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์เกาหลีลุ้นตายชิงเงินก้อนโต..เรื่องนี้?

ความรู้สึกระหว่างดูซีซันนี้ก็คือ เหตุผลที่แยกมันให้กลายเป็น 2 ซีซันไม่น่าจะเป็นอื่น มันต้องเป็นการตลาดอย่างแน่นอน เพราะความน่าสนใจของมันลดน้อยลงมาก เกมที่เปลี่ยนแปลงไปก็ไม่ช่วยให้มันสนุกขึ้น ขณะที่ยังคงเล่าเรื่องดราม่าเช่นเดิม แต่ไม่ชวนอินอะไร ผสมกับบทที่ใส่มาก็ยังบ้งจนแทบหมดความน่าเชื่อ สิ่งเดียวที่ยังพอทำให้ซีซันสามคงความน่าติดตามได้ ก็คือ พาร์ทค้นหาเกาะของตัวละครนักสืบ แต่ก็นำพาไปสู่บทสรุปที่บรรยายความรู้สึกไม่ถูก

แถมดูเหมือนซีรีส์ยังพยายามจะไปต่อด้วยแขกรับเชิญเซอร์ไพรส์ ซึ่งก็ “ไม่รู้สินะ”

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Squid Game 3’

เรื่องที่สืบเนื่องมาจากเกมปลาหมึกในซีซันที่สอง ซองกีฮุน (Lee Jung Jae จากหนังเรื่อง ‘Hunt ล่าคนปลอมคน’) ผู้ชนะในเกมครั้งก่อน ที่หวนกลับมาเล่นนี้อีกครั้งเพื่อหวังทำลายเกม ด้วยประสบการณ์ที่เคยเล่นมาก่อน จึงน่าจะพอช่วยเหลือผู้คนให้รอดกลับไปได้ แต่ก็กลับพบว่า ไม่เพียงต้องเจอกับเกมใหม่ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ยังต้องเจอเกมที่บีบคั้นหัวใจเป็นที่สุด แต่ที่เขาและผู้เล่นเกมคนอื่นๆ ไม่ทันรู้เลยว่า หมายเลข 001 ที่ก้าวเข้ามาร่วมเล่นเกมชิงเงินก้อนโตกับพวกนั้นคือ ฟรอนต์แมน (Lee Byung Hun จากซีรีส์​ ‘Our Blues เวลาสีฟ้าหม่น’) ที่เคยเห็นอยู่หน้ากากดำนั่นเอง

ครั้งนี้ เกม 4 ที่เล่นกับความเป็นความตายกำลังรอรับเขาอยู่ เช่นเดียวกับแขกวีไอพีที่ก็กำลังจะเข้ามาดูโชว์ของพวกเขา

อีกด้านหนึ่ง นักสืบฮวังจุนโฮ (Wi Ha Joon จากซีรีส์ ‘Gyeongseong Creature สัตว์สยองกยองซอง’) และคณะก็กำลังสืบหาเกาะลึกลับที่ใช้จัดการแข่งขันเกมนรกนี่อยู่ เช่นเดียวกับ คังโนอึล (Park Gyu Young จากซีรีส์ ‘Celebrity’) หญิงสาวชาวเกาหลีเหนือก็กำลังแทรกซึมภายในในฐานะการ์ดชุดชมพู และกำลังทุ่มเทเสี่ยงเต็มที่เพื่อช่วยเหลือ พัคคยองซอก  (Lee Jin Uk จากซีรีส์ ‘Sweet Home 2’)

รีวิวซีรีส์ ‘สควิดเกม เล่นลุ้นตาย 3‘

ในตอนสุดท้ายของซีซันสองนั้น กีฮุน ผู้นำกลุ่มที่ต้องการจะออกจากเกม ใช้แผนยึดอาวุธจากผู้คุมแล้วรวบรวมพรรคพวกเพื่อเข้าพบหัวหน้า (แต่ยองอิล หัวหน้าตัวจริงแทรกซึมอยู่ในหมู่พวกเขาโดยไม่มีใครล่วงรู้) แต่การจะรุกคืบเข้าไปถึงส่วนบริหาร พวกเขาต้องผ่านดงกระสุนอยู่หลายด่าน เลยต้องสูญเสียกำลังคนไปบางส่วน ก่อนจะแบ่งกำลังกัน ส่วนหนึ่งไปเก็บกระสุนมาเพิ่ม อีกส่วนคอยเป็นกำลังเสริม

แต่ว่าแทโฮ (Kang Ha Neul จากซีรีส์ ‘Tastefully Yours ปรุงรสให้เธอรัก’) ผู้หวาดกลัวเสียงกระสุนทำให้คนที่เหลือตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เมื่อกระสุนไม่เหลือ ทุกคนจึงขอยอมแพ้แต่ก็กลับถูกการ์ดชมพูยิงตายหมด เหลือเพียงแค่กีฮุน

ซึ่งเพื่อนๆ สามารถติดตามอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ในซีซันก่อนหน้าได้ที่นี่ครับ

• รีวิวซีรีส์ ‘Squid Game’ ซีซันแรก
• รีวิวซีรีส์ ‘Squid Game 2’

เกมใหม่ๆ มีขึ้นเพื่อกำจัดผู้เล่นออก

หลังผ่านเหตุการณ์ผู้เล่นเกมบางส่วนลุกขึ้นมาปฏิวัติต่อต้านล้มล้างระบอบของผู้สร้างเกมในท้ายซีซันก่อน ซึ่งก็เหมือนๆ เป็นการจำกัดผู้เล่นไปในตัว มาคราวนี้ ทุกเกมที่จะจัดขึ้นก็ดูจะมุ่งเน้นไปที่การกำจัดผู้เล่นให้เหลือน้อยที่สุด แต่ซีซันนี้ มีตัวละครเพิ่มเป็นฝั่งคนดู กลุ่มวีไอพีที่จะได้เข้ามานั่งดูเกมอย่างเลือดเย็น ทั้งหมดล้วนเป็นคนต่างชาติที่ดูร่ำรวย มีความสุขกับการเป็นนักล่าสัตว์ จึงดูจะมีความสุขกับการได้เห็นคนตายตรงหน้าเช่นกัน

3 เกมที่เล่นกันนั้น สองในสามเป็นอะไรที่เด็กเอเชียคุ้นเคยอยู่ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเกมเล่นซ่อนหา หรือกระโดดเชือก ทั้งสองเกมถูกปรับเปลี่ยนกติกาให้ต้องมีคนตายทั้งสิ้น เช่นเดียวกับเกมสุดท้าย ที่กลายเป็นเกมจิตวิทยาเต็มตัว แต่น่าเสียดายที่ทุกเกมเน้นดราม่า แต่ไม่อาจเดินเรื่องให้ผู้ชมรู้สึกลุ้นไปพร้อมกันได้เลย

ผู้ชมสามารถจะทำอย่างอื่นไปพร้อมดู เพราะเรื่องเดินอย่างอืดอาด ผู้ชมมองทะลุเห็นทุกสิ่งไปหมดแล้วว่า ผู้เล่าต้องการจะเล่าอะไร บทของซีรีส์ทำได้แค่ให้คนดูพบเจอกับโชคชะตาที่คาดเดาได้บ้างไม่ได้บ้างของตัวละคร แต่การเดินเรื่องของมันไม่ได้ช่วยให้รู้สึกอะไรเลยสักนิด ผู้ชมมองเห็นถึงศีลธรรมในใจ ความเห็นแก่ตัว ความโลภ และการพยายามเอาตัวรอดของผู้เล่นแต่ละคน แต่ไม่มีส่วนเสี้ยวใดให้รู้สึกอินไปพร้อมกันได้ แถมยังรู้สึกขัดใจกับการกระทำของตัวละครนำอีกต่างหาก

มีแต่เรื่องชวนขัดใจในระหว่างเรื่องราว

อันที่จริง ซีซัน 3 ของสควิดเกมนั้นมันก็คืออีกครึ่งหนึ่งของซีซัน 2 ที่ยังไม่ได้ถูกเล่านั้นแหละ มันคือเกมปลาหมึกครั้งถัดมาที่กีฮุนเข้ามาอีกหนเพื่อหวังทำลายเกมด้วยประสบการณ์และความแค้นส่วนตน แต่มันก็ทำให้เปิดให้ได้เล่าเรื่องอย่างอื่นเพิ่มเข้ามาด้วย อย่างเช่น นักสืบฮวังที่เคยเข้าร่วมเกมเพื่อสืบหาพี่ชายที่หายตัวไปในซีซันแรก แต่ครั้งนี้เขาต้องการหาเกาะลึกลับที่ใช้สร้างเกมบ้าบอนี้ให้พบ โดยอาศัยความร่วมมือกับผู้จัดการชเวอูซอก (Jun Suk Ho จากซีรีส์ ‘Love Next Door รักอยู่ประตูถัดไป’) หรือการ์ดชุดสีชมพูหมายเลข 011 ที่เป็นสาวเกาหลีเหนือที่ได้โอกาสออกโรงทำอะไรบ้างแล้ว

เรื่องราวของเส้นเรื่องทั้งสองที่เดินควบคู่ไปกับเกมนรกครั้งล่า ที่ควรจะทำให้เรื่องดูน่าติดตามมากขึ้น แต่ก็น่าเสียดายอีกเช่นกัน ที่มันเพิ่มระดับความน่าติดตามมาได้อย่างละนิดละหน่อยเท่านั้น อีกทั้งก็ยังรู้สึกว่า ตัวบทเองก็มีความบ้งอยู่ในหลายๆ จุด

พาร์ทของหมายเลข 11 ที่ลงมือช่วยเหลือคนรู้จักให้รอดพ้นขุมนรกโดยลงทุนเข้าไปดูถึงห้องผ่าตัด (เอาอวัยวะของผู้เล่นที่ตายไปขาย) ทั้งที่มีระบบการควบคุมพนักงานที่แน่นหนา และดูเชื่องช้ากว่าจะจับได้ แถมตอนเข้าไปอยู่ในห้องนั้น ทุกคนถอดหน้ากากหมดเแล้วเหลือแต่หมายเลข 11 แต่กลับไม่มีใครว่าอะไรจนวินาทีที่จะถูกยิงตายนั่นแหละถึงจะเริ่มรู้สึก

กีฮุนรู้สึกโกรธเคืองตัวละครที่หลอกลวงเขา ความโกรธนั้นบังตาถึงขั้นลงมือฆ่า ซึ่งบางที เราก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดบทจึงเขียนให้กีฮุนต้องเคียดแค้นเพื่อนถึงขั้นจองเวรไม่เลิก ก่อนที่จะให้คำอธิบายที่ชวนให้รู้สึก “อ่อ อืม โอเค” แล้วก็ต้องปล่อยผ่านไป เกมถัดมา ก็ยังสติหลุดไม่เลิก บางขณะควรตัดสินใจทำบางสิ่งแต่ก็ไม่ทำ ขัดใจไม่เลิกเลยตัวละครตัวนี้

หลายคนยังออกมาบ่นเรื่องที่ผู้กำกับที่เขียนบทซีรีส์ทั้งสามซีซันว่าเขาไม่เข้าใจบริบทของเพศหญิงอย่างจริงจัง ในซีซันนี้ จะมีบทที่ผู้เข้าร่วมเล่นหญิงที่ท้องแก่ และต้องคลอดลูกภายในเกม และก็เป็นผู้ร่วมเกมนั่นแหละที่ช่วยทำคลอดให้ ลูกปลอดภัย แม่เดินปร๋อ ผมเองก็แอบสงสัยว่า การคลอดลูกนี่ ต่อให้คนทั่วไปทำคลอดได้แต่ก็ยังต้องพึ่งพาแพทย์อยู่ดีมั้ย รกที่ค้างอยู่จะทำยังไง ก็พอดีเห็นว่า การ์ดมีชงนมมาให้เด็กๆ ก็เลย “อ่อ อืม โอเค” กันไป

ด้านนักสืบฮวังบนเรือที่วนเวียนหาเกาะอยู่ ก็เผชิญปัญหาหลายอย่าง พาคนไปตายตั้งมากมาย เพราะกัปตันเรือนั่นก็ดันเป็นคนของผู้สร้างเกม ทำให้ใช้เวลานานในการหาเกาะจนน่ารำคาญ ก็แทบจะไม่ได้อะไรจากการค้นหาครั้งนี้เลย

สุดท้าย ซีรีส์คงจะบอกกับเราว่า “ประชาธิปไตยมันจอมปลอม”

ถ้าดูเผินๆ ก็คงประหลาดใจอยู่เหมือนกัน ว่า เหตุใด เกมบ้าบอที่ต้องการผู้เหลือรอดคนเดียวเพื่อเงินก้อนมหึมาเกมนี้ จึงต้องมีการโหวตว่าจะอยู่เล่นต่อหรือออกจากเกมกันด้วย เมื่อผ่านไปการโหวตกี่ครั้งๆ พวกเขาก็ยังได้ไปเล่นเกมที่เสี่ยงตายกันต่ออยู่ดี มันเหมือนจะบอกพวกเราว่า คนที่จนตรอกไม่มีทางเลือกเหลือให้พวกเขามากนัก ทำให้ต้องเสี่ยงดวง หากรอดก็ได้เงินหลายสิบหรือหลายพันล้านไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างคนร่ำรวยที่จะแปรเปลี่ยนพลิกชีวิตอย่างหลังเป็นหน้ามือ แต่ถ้าหากต้องตาย มันก็แค่คนสิ้นหวังคนหนึ่งที่จบชีวิตลงเท่านั้น

ประชาธิปไตยในเกมนี้ คือการให้พวกเขามีสิทธิในการโหวตเท่านั้นเอง

ความรู้ของนายแพทระหว่างดู คือสควิดเกมเนี่ย มันเป็นเกมที่สร้างมาเพื่อฆ่าคน ถ้าต้องไปอยู่ในเกม ก็อาจคิดว่า จะให้เลือกข้างไปทำไม หรือทำให้ดูเหมือนเป็นประชาธิปไตยแค่นั้น หรือจริงๆ ก็แค่จะแสดงให้ดูว่า ยิ่งคนเหลือน้อยลงเท่าไหร่ ยิ่งถลำลงไปเกมลึกแค่ไหน จำนวนคนเลือกโหวตอยู่ก็จะยิ่งมากขึ้น ว่างั้น

ยิ่งเกมผ่านไป ผู้เล่นลดน้อยลง เงินรางวัล พอแบ่งกันแล้วก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ทำให้หลังเหตุก่อกบฏ พวกโหวตอยู่ต่อเยอะกว่าโหวตออกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพวกกากบาทตายไปหลายคน พวกวงกลม(พวกโหวตอยู่ต่อ)เลยได้รับประโยชน์เต็มๆ โดยไม่ต้องออกแรงทำอะไร แต่เกมถัดไป ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า พวกเอ็งจะรอดชีวิตหรอกนะ

หลังการก่อกบฏของผู้นำขบวนการอย่างซองกีฮุน ทีมผู้สร้างเกมเลือกแขวนศพประณาม และบอกว่านี่เป็นผลพวงของการขัดขวางประชาธิปไตย ราวกับเกมนี้คือระบบซ้อนระบบ ท่ามกลางความรู้สึกว่าผู้เล่นหมายเลขต่างๆ มีสิทธิเลือก แต่พวกเขาก็ถูกปกครองด้วยระบบเผด็จการที่พร้อมคร่าชีวิตใครก็ได้ที่มองว่าเป็นภัย แล้วนี่มันจะถือเป็นประชาธิปไตยจริงๆ งั้นเหรอจ๊ะ

แต่ในที่สุด ความพยายามของผู้ชมอย่างเราก็สำเร็จลุล่วง เราดูเกมปลาหมึกที่ควรจะจบได้ใน 1 ถึง 2 ซีซัน แต่ดันลากมาถึงซีซันสาม แถมยังปิดท้ายด้วยอะไรที่อยากบอกว่า “ยังจะไปต่ออีกเหรอ?”

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์