ในความรู้สึกผม ผมรู้สึกว่าในบรรดาแนวต่างๆ ที่ทำกันออกมานี่ มีหนังบางแนวที่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุนสูง แต่กลับทำยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันเป็นการเล่นกับอารมณ์ความกลัวของคนดู นั่นคือ หนังสยองขวัญ วันนี้ ผมได้ไปเจอมันมาอีกเรื่องหนึ่ง ‘Hereditary‘ ที่ใช้ชื่อไทยว่า ‘กรรมพันธุ์นรก’
ยิ่งเจอนักดูหนังที่เจอหนังแนวนี้บ่อยๆ เขาจะเริ่มไม่รู้สึกถึงความน่ากลัวของมัน ความสนุกของมันอาจลดกลุ่มเป้าหมายลงแค่คนขี้กลัวผีเท่านั้น แต่ก็อาจจะยังมีหนังบางเรื่องที่พยายามฝ่าข้ามกำแพงนี้ไป แสวงหาหนทางใหม่ๆ ในการสร้างความบันเทิงสไตล์หลอนๆ หรือสร้างความสงสัยแบบสุดๆ เพื่อนำพาพวกเขาให้ไปถึงบทลงเอยโดยไม่ถูกจับได้ซะก่อน
หนังเรื่องนี้คงเป็นหนึ่งในความพยายามนั้น
เรื่องย่อหนัง ‘Hereditary’
ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อมีสมาชิกคนสำคัญของครอบครัวเกรแฮมต้องจากไป คุณยายเอเลนจากไปสู่อีกภพหนึ่ง ร่างถูกฝังกลบใต้ดิน ทว่ามันกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
แอนนี่ (Toni Collette) ลูกสาวของผู้จากไป แต่เป็นแม่ของลูกชายและลูกสาว ที่กำลังเจ็บปวดกับการจากไปของแม่ตัวเอง ถึงขนาดเดินเข้ากลุ่มบำบัดเพื่อหวังจะรักษาเยียวยาตัวเอง สตีฟ (Gabriel Byrne) ผู้เป็นสามีที่ต้องอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของแอนนี่กับลูกชายคนโต ปีเตอร์ (Alex Wolff) แต่จริงๆ แล้ว
แอนนี่ก็ดูไม่ค่อยเข้าถึงลูกสาวคนเล็กอย่าง ชาร์ลี (Milly Shapiro) สักเท่าไหร่
หลายๆ อย่างที่แปลกประหลาดเริ่มเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้ อะไรที่ถูกซ่อนเร้นไว้เบื้องหลัง พฤติกรรมแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวจริงๆ แล้วมันคืออะไร
เรากำลังจะได้พบในหนังสยองขวัญที่แปลกใหม่เรื่องนี้…
รีวิวหนัง ‘กรรมพันธุ์นรก’
เริ่มเรื่องมา หนังก็เล่าเรื่องของการจากไปของคุณยายแทบจะในทันที ตามมาด้วยฉากหลอนๆ และเรื่องราวแปลกๆ ชวนให้สงสัยยิ่งว่าทั้งหมดที่เห็นอยู่นี่มันคืออะไร
ความเปลี่ยนที่เกิดขึ้นเร็วมากกับครอบครัวๆ นี้ แรกๆ เราก็คิดว่ามันต้องออกมาแนวนี้แน่ๆ เลย ปรากฏว่าเมื่อเวลาผ่านไป เอ้า มันกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องบอกว่า การไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับพล็อตโดยรวมของเรื่องนี้เลย รู้แค่เรื่องย่อที่ผมเขียนให้ข้างต้น
ทำให้สนุกกับการติดตามเรื่องได้มากกว่า
สิ่งที่หนังคือ การให้ข้อมูลที่ไม่ครบ ไม่ครบอะไรสักอย่าง จนการปะติดปะต่อทำได้ยาก และคิดไปหลายทาง แต่ก็พบว่าหลงไปทางอื่นได้ง่ายมาก แม้หนังจะเริ่มเฉลยช่วงกลางเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ ยังมึนงงสงสัยไปจนถึงช่วงท้ายโน่นเลย
เรื่องราวที่เกิดในครอบครัวที่ไม่ค่อยมีใครลงรอยกับใคร แถมตัวละครบางตัวยังมีความผิดปกติที่ชวนให้เขวไขว้ไปได้ง่าย Toni Collette คือนักแสดงที่เล่นได้โดดเด่นที่สุดแล้วในหนังเรื่องนี้ เธอพาคนดูสับสนและงงงันกับสิ่งที่เกิด
เล่นสุดตัวเพื่อให้เป็นตัวละครที่คนจะสงสัยมากที่สุด
สำหรับคนที่ขวัญอ่อนก็อาจจะใจเต้นระทึกได้ง่ายๆ แต่สำหรับคนที่ได้กลัวผีในหนังอย่างผม การได้ชมหนังที่เล่าเรื่องได้น่าติดตาม ชวนสงสัยพาให้ต้องปะติดปะต่อตลอดเรื่อง แถมยังพาเราหลงทางได้อีกต่างหาก
ถือเป็นประสบการณ์การดูหนังสยองขวัญที่น่าประทับใจ
ไม่พอ บางจุดยังใช้มุกตุ้งแช่ที่ไม่เหมือนกับที่ไหน บางจุดก็เดินเข้าสู่จุดที่เซอร์ไพรส์ไม่ทันคาดคิด เล่นเอาอึ้งแดกกันไปทั้งโรง เขาตัดต่อโดยไม่ใช่ดนตรีโฉ่งฉ่างเร้าอารมณ์ แต่ใช้เล่นกับความเงียบและอารมณ์แทน
ระหว่างที่ดูก็ได้แต่คิดในใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย?” หลายคำถามเกิดขึ้นในหัว พยายามหาคำตอบไปพร้อมๆ กับข้อมูลใหม่ๆ ที่ใส่เข้ามาเพิ่มตลอด แถมยังใส่กิมมิกเล็กๆ น้อย กับการถ่ายทำ มุมมองภาพ และการตัดต่อที่เท่และอินดี้
งานภาพที่ผมชอบและมันดูหลอนดี ก็มักจะเป็นเล่นกับความมืดและการแช่มุมภาพเอาไว้ ให้คนดูเห็นเอาเอง เรียกได้ว่า ถ้าคุณเป็นพวกกลัวผีล่ะก็ กลับมาบ้านคุณอาจจะนอนไม่หลับไปหลายวัน
นอกจากนี้ การเล่นกับกิมมิกของบ้านตุ๊กตาก็ช่วยพาคนดูเขวไปได้อีกสิ่ง อาชีพของแอนนี่เธอคือนักทำบ้านตุ๊กตา แต่การพามันอยู่ในหนังช่วยสร้างความหลอนได้มาก ยังมีกิมมิกอีกหลายอย่างที่ยังเปิดเผยไม่ได้ ทุกอย่างรวมกันเป็นหนังที่ชวนหลอนได้ทุกอย่าง แถมคนดูยังถูกหลอกซ้ำหลอกซ้อนได้ทั้งเรื่อง
ช่วงท้าย หนังจะขมวดเข้าสู่การเปิดเผยเบื้องหลังทั้งสิ้นทั้งหมด ความบ้าคลั่งที่ประเดประดังเข้ามาจนทำให้ต้องร้องในใจว่า
“โอ้ว ทำกันขนาดนี้เลย”
ชื่อภาพยนตร์: Hereditary / กรรมพันธุ์นรก
ผู้กำกับภาพยนตร์: Ari Aster
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Ari Aster
นักแสดงนำ: Toni Collette, Milly Shapiro, Gabriel Byrne, Alex Wolff, Mallory Bechtel
ความยาว: 127 นาที
แนว/ประเภท: Drama, Horror, Mystery, Thriller
อัตราส่วนภาพ: 2.00 : 1
เรท: ไทย/ , MPAA/R
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 14 มิถุนายน 2561
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: PalmStar Media, A24, Mono Film
กรรมพันธุ์นรก
Hereditary - 8
8
Hereditary
ความน่ากลัวอาจจะไม่ได้มากเท่าไหร่สำหรับคนที่ไม่กลัวผีในหนัง แต่มันมีความหลอน ความเพี้ยน ที่ผ่านการเล่าที่ไม่บอกอะไรทั้งหมด ชวนปะติดปะต่อ แต่ก็พาหลงทางไปหลายหน ช่วงท้ายคือการเพี้ยนขั้นสุด หนังไม่เน้นเสียงดังโฉ่งฉ่าง เล่ยกับความเงียบและอารมณ์ทำให้ทั้งเรื่องดูมีความแตกต่างจากหนังสยองขวัญเรื่องอื่นๆ
1 คอมเมนต์